ไขข้อสงสัย : ทำไม เบอร์ลิน เป็นเมืองหลวงเยอรมัน แต่ไม่มีบิ๊กทีม?

Vuonghan Nguyen

ไขข้อสงสัย : ทำไม เบอร์ลิน เป็นเมืองหลวงเยอรมัน แต่ไม่มีบิ๊กทีม? image

ในโลกฟุตบอล เมืองหลวงมักจะเป็นเวทีที่แสงไฟสปอร์ตไลต์ส่องแรงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นมาดริดที่มีเรอัลกับแอตเลติโก้ ลอนดอนที่อัดแน่นด้วยบิ๊กทีมระดับพรีเมียร์ลีก หรือโรมที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของลาซิโอและโรม่า เมืองเหล่านี้ล้วนมี “สโมสรยักษ์ใหญ่” ที่ไม่เพียงสะท้อนอัตลักษณ์ของเมือง แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจในลีกของตัวเอง

แต่สำหรับเยอรมนี เรื่องราวกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง...

แม้เบอร์ลินจะเป็นเมืองหลวงและหัวใจของการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม แต่บนหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอล เมืองนี้กลับไม่เคยมีทีมใดที่ก้าวขึ้นไปยืนในจุดสูงสุด ไม่มีสโมสรที่ครองความสำเร็จระดับประเทศ และไม่เคยสร้าง “ยักษ์ใหญ่” ขึ้นมาเหมือนเมืองหลวงอื่นของยุโรป

คำถามคือ…อะไรที่ทำให้เมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเยอรมนี กลับเล็กเหลือเกินบนแผนที่ลูกหนัง?

เพราะเหตุใด “เบอร์ลิน” เมืองหลวงเยอรมนี จึงไม่เคยมีทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่?

หากลองไล่มองไปทั่วทั้งยุโรป เมืองหลวงมักเป็นศูนย์กลางแห่งความยิ่งใหญ่ของวงการลูกหนังเสมอ

  • มาดริด มีทั้ง Real Madrid และ Atlético Madrid

  • ลอนดอน มี Arsenal, Chelsea

  • โรม มี Roma และ Lazio

  • ลิสบอน มี Benfica, Sporting CP

  • ปารีส มี PSG

  • มอสโก มี CSKA Moscow

แต่เยอรมนี...กลับเป็นข้อยกเว้นที่โดดเด่น เพราะแม้ “เบอร์ลิน” จะเป็นเมืองหลวงและเป็นหัวใจการเมืองการปกครองของประเทศ แต่ที่นี่กลับไม่เคยมีสโมสรฟุตบอลที่ก้าวขึ้นมาเป็น “ทีมระดับยักษ์ใหญ่” ได้เลย

ตั้งแต่ปี 1931 เป็นต้นมา ไม่มีสโมสรใดจากเบอร์ลินคว้าแชมป์ลีกสูงสุด อีกทั้งในเวทียุโรป พวกเขายังไม่เคยไปได้ไกลเกินรอบรองชนะเลิศด้วยซ้ำ

บาดแผลจากสงครามและกำแพงที่ผ่าเมืองออกเป็นสองฝั่ง

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมนีถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน:

  • เยอรมนีตะวันออก (East Germany) มี เบอร์ลินตะวันออก เป็นศูนย์กลาง

  • เยอรมนีตะวันตก (West Germany) มี เบอร์ลินตะวันตก ที่กลายเป็น “เกาะโดดเดี่ยว”

ในฝั่งตะวันออก เศรษฐกิจพังทลายจากสงครามและภาระชดใช้ค่าเสียหายให้สหภาพโซเวียต ทำให้กีฬาอย่างฟุตบอลไม่เคยถูกวางให้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างความเจริญ อีกทั้งลีกของเยอรมนีตะวันออกก็เต็มไปด้วยข้อครหาว่า “ไม่โปร่งใส” และถูกควบคุมโดยการเมือง ทำให้ขาดเสน่ห์ในการพัฒนา

ในฝั่งตะวันตก ทีมอย่าง Hertha BSC ต้องเผชิญกับสถานการณ์โดดเดี่ยว เนื่องจากเบอร์ลินตะวันตกตั้งอยู่กลางเขตโซเวียต การเดินทางยากลำบาก ภาคธุรกิจไม่กล้าลงทุนเพราะความเสี่ยงทางการเมืองสูง สโมสรจึงขาดทั้งทุนและโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง

กล่าวอีกอย่างคือ กำแพงเบอร์ลินไม่ได้เพียงแต่แบ่งประเทศออกเป็นสองส่วน แต่ยังแบ่งใจคนเมืองออกเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้เบอร์ลินไม่เคยมี “พลังร่วมใจ” ในการสร้างทีมใดทีมหนึ่งให้ยืนหยัดเป็นสัญลักษณ์ของเมือง

เมื่อกำแพงพังลง แต่รากฐานยังอ่อนแอ

แม้เยอรมนีจะกลับมารวมชาติในปี 1990 แต่กว่าที่เบอร์ลินจะฟื้นตัวได้นั้น ต้องเผชิญกับช่องว่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม หรือกีฬา สโมสรฟุตบอลในเมืองหลวงยังคงยืนบนฐานที่อ่อนแอ ไม่สามารถเทียบชั้นกับ “เสาหลัก” ของฟุตบอลเยอรมันอย่าง Bayern Munich หรือ Borussia Dortmund ได้

Hertha BSC แม้จะเคยมีช่วงเวลาที่ทำผลงานดีในบุนเดสลีกา แต่ก็ไม่เคยสร้างความต่อเนื่อง ส่วนทีมเล็ก ๆ อย่าง Union Berlin เพิ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นที่จับตามองในช่วงไม่กี่ปีหลังด้วยสไตล์ “ทีมช่างเหล็ก” ที่ยืนหยัดด้วยความดื้อรั้นของชนชั้นแรงงาน แต่ก็ยังห่างไกลจากการเป็น “บิ๊กทีม” ในเชิงโครงสร้าง

เมืองหลวงที่ไม่เคยเป็นเมืองลูกหนัง

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทั้งประวัติศาสตร์บาดแผล สภาพเศรษฐกิจ และความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ทำให้เบอร์ลินเป็น “เมืองเปิด” จนผู้คนไม่ได้ยึดติดกับทีมใดทีมหนึ่งมากนัก ทำให้เมืองหลวงของเยอรมนีไม่เคยมี “สโมสรยักษ์ใหญ่” ที่ครองความสำเร็จทั้งในและนอกประเทศ

และบางที…นี่อาจสะท้อนถึงความเป็นจริงว่า ไม่ใช่ทุกเมืองหลวงจะถูกสร้างมาเพื่อเป็น “เมืองฟุตบอล” เสมอไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

Senior Editor