แม้ "โป๊กเกอร์" จะยังถูกมองว่าเป็นการพนันในสายตาคนไทยจำนวนไม่น้อย แต่ในระดับสากล การแข่งขันโป๊กเกอร์แบบทัวร์นาเมนต์ (Poker Tournament) ได้พัฒนาตัวเองเป็น "กีฬาเชิงกลยุทธ์" ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนทางจิตวิทยา การวิเคราะห์สถานการณ์ และการตัดสินใจภายใต้แรงกดดันอย่างสูง
ประเทศไทยได้อะไรหลังปลดล็อคถูกกฎหมาย?
ที่ผ่านมา หลายประเทศได้เปิดรับการแข่งขันโป๊กเกอร์อย่างถูกกฎหมาย โดยมีการจัดงานในระดับนานาชาติ ณ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น
Las Vegas, USA: งาน World Series of Poker (WSOP) รายการใหญ่สุดของโลก มีเงินรางวัลรวมสูงถึงกว่า $300 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีผู้เข้าแข่งขันหลายหมื่นคนจากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
Macau, China: ได้ชื่อว่าเป็น "ลาสเวกัสแห่งเอเชีย" มีการแข่งขันโป๊กเกอร์อย่างต่อเนื่อง โดยมีเงินหมุนเวียนในอุตสาหกรรมมากกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญต่อปี
Manila, Philippines / Hanoi, Vietnam / Seoul, South Korea: เป็นเจ้าภาพจัดงานจากแบรนด์ดังอย่าง Asian Poker Tour (APT), World Poker Tour (WPT) และ PokerStars Live ดึงดูดผู้เล่นทั้งจากในและนอกภูมิภาค
แล้วประเทศเจ้าภาพได้อะไร?
การจัดการแข่งขันโป๊กเกอร์ในระดับทัวร์นาเมนต์นั้นสร้างประโยชน์มหาศาลต่อประเทศเจ้าภาพ ทั้งในเชิง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ระดับนานาชาติ ได้แก่:
รายได้จากการท่องเที่ยว: โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า และบริการต่าง ๆ ได้รับประโยชน์จากการเข้ามาของผู้เล่นหลายพันคน
กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น: มีการจ้างงานในภาคบริการ, อีเวนต์ และสื่อ
ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ: ทัวร์นาเมนต์ที่มีชื่อเสียงสามารถเปลี่ยนประเทศให้กลายเป็นศูนย์กลางของโป๊กเกอร์ในภูมิภาค
ภาพลักษณ์บวกในเวทีโลก: การยอมรับโป๊กเกอร์ในฐานะ “กีฬาทางปัญญา” ช่วยสร้างความทันสมัยและเปิดกว้างทางวัฒนธรรมให้กับประเทศนั้น ๆ
ตัวอย่างเช่น เวียดนามเคยถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีข้อจำกัดด้านการพนันอย่างเคร่งครัด แต่หลังจากเริ่มเปิดพื้นที่สำหรับโป๊กเกอร์แบบถูกกฎหมาย เศรษฐกิจท้องถิ่นในฮานอยและดานังก็เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การจัดแข่งขันโป๊กเกอร์ในประเทศไทย = เปิดประตูใหม่สู่ "การท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ระดับโลก"
หากมองจากมุมมองระดับโลก การจัดแข่งขันโป๊กเกอร์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงใน “ห้องไพ่” หรือ “สนามประลอง” เท่านั้น แต่มันคือประสบการณ์ระดับพรีเมียมที่เชื่อมโยงระหว่างกีฬา การแข่งขัน และการเดินทางท่องเที่ยว นักโป๊กเกอร์มืออาชีพจากหลากหลายประเทศมักมองทัวร์นาเมนต์ในต่างแดนว่าเป็นโอกาสทองที่จะได้พาครอบครัวหรือคนรักมา “พักผ่อน” ไปพร้อมกับการทำงาน พวกเขาไม่ได้แค่มาเพื่อชิงเงินรางวัลแล้วบินกลับ แต่เลือกอยู่ต่อเพื่อท่องเที่ยว ใช้เวลา และใช้จ่ายในประเทศนั้น ๆ อย่างเต็มที่
ตัวอย่างความสำเร็จในระดับโลกก็มีให้เห็นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Las Vegas ในสหรัฐฯ, Monte Carlo ในฝรั่งเศส, Melbourne ในออสเตรเลีย หรือแม้แต่ สิงคโปร์ และ ไต้หวัน ที่แม้จะไม่มีคาสิโนแบบเปิดเสรี แต่ก็สามารถจัดทัวร์นาเมนต์โป๊กเกอร์ระดับเอเชียได้อย่างมีมาตรฐาน ทั้งหมดนี้ล้วนเชื่อมโยงโป๊กเกอร์เข้ากับการท่องเที่ยวอย่างแยกไม่ออก เป็นการสร้าง “แบรนด์เมือง” ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของทั้งผู้เล่นและนักเดินทางในเวลาเดียวกัน
ประเทศไทยเองก็มีศักยภาพอย่างสูงที่จะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของโป๊กเกอร์ในเอเชีย หากมีการจัดการแข่งขันอย่างถูกกฎหมายและมืออาชีพ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลักที่พร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐาน เช่น กรุงเทพมหานคร ที่มีศูนย์ประชุมระดับนานาชาติ โรงแรมหรู และการเดินทางสะดวกสบาย, พัทยา ที่เต็มไปด้วยรีสอร์ตและแหล่งบันเทิงครบครัน, ภูเก็ต ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกด้วยทะเลสวยระดับโลก, และ เชียงใหม่ ที่ผสานวัฒนธรรมล้านนากับความสงบสบายแบบเมืองรอง เหล่านี้ล้วนเป็น “โลเคชันในฝัน” สำหรับนักโป๊กเกอร์ที่อยากแข่งขันควบคู่กับการท่องเที่ยว
หากเราสามารถดึงนักกีฬาและผู้ติดตามจากต่างชาติให้เข้ามาแข่งขันในไทยอย่างต่อเนื่อง จะเกิดผลดีมหาศาลต่อเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ทั้งในแง่การจับจ่ายใช้สอย การเข้าพักโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าพื้นเมือง รวมถึงการโปรโมตภาพลักษณ์ของไทยในฐานะประเทศที่เปิดกว้าง ยกระดับ “การท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์” ให้โดดเด่นกว่าการท่องเที่ยวทั่วไป และทำให้ประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงที่เที่ยว... แต่เป็นที่ “ใช้ชีวิต” ได้ในทุกมิติ
ข้อดีที่ประเทศไทยจะได้รับ หากเป็นเจ้าภาพจัดแข่งโป๊กเกอร์ระดับสากล
1. เงินสะพัดจากการท่องเที่ยวตามมาโดยอัตโนมัติ
นักโป๊กเกอร์จากทั่วโลกหลายพันคน มักเข้าพักโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ไม่ต่ำกว่า 5-10 วัน
ครอบครัวและเพื่อนของนักโป๊กเกอร์ก็มักตามมาด้วย ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มในร้านอาหารหรู สปา ร้านนวด ตลาดท้องถิ่น และทัวร์ต่างจังหวัด
การแข่งขันโป๊กเกอร์ที่จัดใน เมืองท่องเที่ยวอย่างกรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา หรือภูเก็ต จะกระจายรายได้สู่ธุรกิจท้องถิ่นอย่างมาก
2. การแข่ง = แค่ข้ออ้าง แต่ “มาเที่ยว” คือเป้าหมายหลักของผู้เล่นต่างชาติ
หลายคนตั้งใจ “สมัครแข่งโป๊กเกอร์” เพื่อเป็นเหตุผลในการเดินทางมาเมืองไทย
เพราะเมืองไทยมีจุดเด่นที่ประเทศอื่นไม่มี เช่น อาหารราคาถูกแต่คุณภาพดี ชายหาด ทะเล วัด สปา การบริการที่อบอุ่น
ประเทศไทยจึงสามารถเปลี่ยน “งานแข่งโป๊กเกอร์” ให้กลายเป็น “เทศกาลโป๊กเกอร์ + ท่องเที่ยวระดับนานาชาติ” ได้
3. สร้างภาพลักษณ์ใหม่: เมืองไทยไม่ใช่แค่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แต่เป็น “เมืองแห่งไลฟ์สไตล์ระดับโลก”
หากจัดงานได้ดี ก็สามารถต่อยอดสู่การเป็น Host ของ Poker Tour Asia หรือแม้แต่เป็นหนึ่งในจุดหมายของ WSOP Circuit (เช่นเดียวกับเกาหลี, ไต้หวัน, ฟิลิปปินส์)
เมืองไทยจะถูกพูดถึงในสายตานักเดินทางทั่วโลกว่าเป็น "ประเทศที่ปลอดภัย สนุก และเป็นมิตรกับไลฟ์สไตล์อิสระของนักกีฬาโป๊กเกอร์"
ยกตัวอย่างเหตุการณ์จริง
รายการแข่งขัน APT Taipei 2024 มีผู้เล่นกว่า 1,400 คน จากกว่า 50 ประเทศ โดยหลายคนอยู่ต่อเพื่อเที่ยวไต้หวันกับครอบครัว
เงินสะพัดจากการแข่ง (ไม่รวมการท่องเที่ยว) อยู่ที่ประมาณ 1.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 49.32 ล้านบาท
ถ้าเมืองไทยทำได้แบบนี้ เราจะได้อะไร?
กระตุ้นการท่องเที่ยวในฤดูโลว์ซีซั่น เช่น จัดโป๊กเกอร์ในช่วงพฤษภาคม-กรกฎาคม
ดึงดูดนักท่องเที่ยว "คุณภาพสูง" ที่มีรายจ่ายสูงต่อหัว เช่น ผู้เล่นระดับ High Roller (ผู้เล่นที่ทุนสำหรับสมัครทัวร์นาเม้นต์ที่มูลค่าสูง)
สร้างชื่อเสียงในแวดวงนานาชาติว่าประเทศไทยเปิดกว้างต่อโป๊กเกอร์
คนไทยเก่งโป๊กเกอร์ระดับไหน?
หากใครยังคิดว่าคนไทยไม่มีศักยภาพในเกมนี้ ต้องคิดใหม่ เพราะเรามีตัวอย่างที่จับต้องได้
ปุณณัตถ์ ปุณศรี (Pun Phunsri): ผู้เล่นโป๊กเกอร์ชาวไทยที่ทำผลงานโดดเด่นในระดับโลก โดยมีรายได้รวมจากทัวร์นาเมนต์มากกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ เขาเคยเข้าถึงรอบลึก ๆ ของรายการ World Series of Poker และรายการอื่น ๆ ในสหรัฐฯ มาแล้วหลายครั้ง
กันณพงศ์ ธนรัตน์ตระกูล (Kanapon Thanarattrakul): ผู้เล่นสายทัวร์นาเมนต์ออนไลน์ที่สร้างชื่อจากการเข้ารอบลึกของรายการใหญ่อย่าง Triton Poker และ WSOP Circuit และเคยสร้างรายได้เป็นตัวเลขหลักล้านบาทจากโป๊กเกอร์แบบทัวร์นาเมนต์
การที่มีนักกีฬาไทยทำผลงานในระดับสากลเช่นนี้ ชี้ให้เห็นว่า คนไทยมีศักยภาพเต็มเปี่ยมในการแข่งขันโป๊กเกอร์ หากได้รับการสนับสนุนในทางที่ถูกต้อง
คนมีชื่อเสียงในประเทศไทยที่เคยแข่งโป๊กเกอร์
- ยุทธนา บุญอ้อม (ป๋าเต็ด) เคยแข่งขันโป๊กเกอร์ แต่ได้อันดับ 35 จาก 417 คน ในรายการ Asian Poker Tour Vietnam Hanoi Loyal 2022 ที่ประเทศเวียดนาม ได้เงินรางวัลประมาณ 56 ล้านดอง (ประมาณ 97,000 บาท) นอกจากนี้ ยังเคยได้อันดับ 2 ในรายการ Poker Dream Vietnam 2022 (NLH Turbo) ได้เงินรางวัล 87 ล้านดอง (ประมาณ 133,000 บาท)
- ศิริศิลป์ โชติวิจิตร (กวาง AB Normal) ชนะการแข่งขันโป๊กเกอร์ในรายการ APT Manila Classic 2025 ประเภท TURBO - DOUBLE STACK ที่ประเทศฟิลิปปินส์ สามารถเอาชนะผู้เล่นกว่า 101 คน เข้าสู่รอบ Final Table จนคว้าแชมป์ในรายการนี้ด้วยการ All In เอาชนะ Battulga Ganbold ผู้เข้าแข่งขันจากมองโกเลียในรอบสุดท้าย
- ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล (ฝน ฮอร์โมน) ประเดิมคว้าแชมป์แรกในไลฟ์ทัวร์นาเมนต์ระดับเวิลด์คลาสให้ตัวเองได้สำเร็จ กับรายการ #40 Women's Event รับเงินรางวัลกว่า 225,000 บาท
จัดแข่งโป๊กเกอร์ = คือจุดเริ่มต้นของการมีคาสิโน ?
มาถึงตรงนี้หลายคนจะมองว่า โป๊กเกอร์ เป็นการพนันและต้องมี คาสิโนด้วยหรือไม่ และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการมีคาสิโนถูกกฎหมายจริงหรือไม่ถ้าโป๊กเกอร์ถูกกฎหมายและอนุมัติให้จัดการแข่งขัน
โดยจะยกตัวอย่าง เช่น ไต้หวัน
ทัวร์นาเมนต์โป๊กเกอร์สามารถจัดได้ แม้ไม่มีคาสิโน ที่ไต้หวัน
ไต้หวันยัง ไม่เคยสร้างคาสิโน ใด ๆ แม้มีการเปิดกฎหมายในเกาะนอกฝั่ง เช่น เกาะคินเมนและเผิงหู แต่ก็ไม่เคยดำเนินการจริง
โปรเจกต์ Chinese Texas Hold’em Poker Association (CTP Club) ตั้งแต่ปี 2015 ได้ต่อสู้ทางกฎหมายให้โป๊กเกอร์ถูกมองว่าเป็นกีฬาไม่ใช่การพนัน จนในปี 2025 ศาลสูงสุดของไต้หวันตัดสินว่า ทัวร์นาเมนต์โป๊กเกอร์ถือเป็นการแข่งขันทักษะ ไม่ใช่การพนัน อย่างเป็นทางการ
ปัจจุบัน CTP Club มีสาขาถึง 9 แห่งทั่วไต้หวัน และมีสถานที่แข่งขันถาวรคือ Asia Poker Arena ในไทเป ซึ่งเป็นหนึ่งในห้องโป๊กเกอร์ที่มีจำนวนผู้เล่นมากที่สุดในเอเชีย ในปี 2024 มีผู้เข้าใช้บริการกว่า 302,505 ราย ซึ่งมากกว่า Bally’s Las Vegas
ตัวอย่างการแข่งขันโป๊กเกอร์ในไต้หวัน
งาน Taiwan Millions Tournament (TMT) จัดโดย CTP เป็นหนึ่งในทัวร์นาเมนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดของ Asia Pacific
ตัวอย่าง TMT 16 เดือนกรกฎาคม 2024 มีผู้เข้าร่วม Main Event จำนวน 6,953 คน และ เงินรางวัลรวม รวมกว่า NT$44,968,700 (~USD 1.37 ล้าน) (49.32 ล้านบาท)
อีกตัวอย่างคือ APT Taipei Main Event ปี 2025 ซึ่งมีผู้เล่นเพิ่มเป็นกว่า 2,063 ราย สำหรับเพียงหนึ่งโฟลต์ (Flight C) เท่านั้น และกลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ APT ถึงขณะนี้
จากเกมที่มองว่าเป็นการพนัน สู่เกมกีฬาแห่งยุคใหม่
การผลักดันโป๊กเกอร์ในประเทศไทยในฐานะ “กีฬาเชิงกลยุทธ์” ที่ต้องใช้ความคิด การวิเคราะห์ และการควบคุมอารมณ์อย่างสูง จะช่วยเปลี่ยนมุมมองของสังคมจากเกมพนันไปสู่การพัฒนาทักษะทางปัญญา
หากประเทศไทยเดินหน้าตามโมเดลของประเทศอย่างฟิลิปปินส์หรือเวียดนาม นอกจากจะได้รายได้มหาศาลจากการท่องเที่ยวและอีเวนต์ ยังจะสร้างอาชีพใหม่ให้กับคนไทย พร้อมทั้งผลักดันเยาวชนเข้าสู่เวทีระดับโลก
โป๊กเกอร์จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป… หากเรากล้าเปิดใจให้กับโลกยุคใหม่
บทความที่เกี่ยวข้อง