จากระบบลีกสู่การท้าทายอำนาจเบอร์หนึ่งของโลก MMA
ในโลกของศิลปะการต่อสู้แบบผสม (MMA) มีเพียงไม่กี่องค์กรที่ถูกยกขึ้นมาเทียบกับยักษ์ใหญ่อย่าง UFC ได้จริง แต่ชื่อของ Professional Fighters League (PFL) คือหนึ่งในนั้น
เพราะนี่คือเวทีที่ไม่ได้เดินตามรอย UFC แบบตรงไปตรงมา แต่สร้างเอกลักษณ์ของตัวเองขึ้นมาอย่างชัดเจน นั่นคือ “ระบบฤดูกาล” ที่ใช้การเก็บคะแนนและการแข่งแบบเพลย์ออฟ เหมือนกีฬาลีกอาชีพอย่าง NBA หรือ NFL มากกว่าจะเป็นการจัดไฟต์อิสระทั่วไป
เริ่มเดิมพันกีฬาด้วยคริปโตกับ Cloudbet วันนี้
PFL คืออะไร?
PFL เกิดขึ้นในปี 2017 หลังการเข้าซื้อและรีแบรนด์จาก World Series of Fighting โดย Donn Davis นักธุรกิจผู้มองว่า MMA ควรจะมีระบบการแข่งขันที่โปร่งใสและเข้าใจง่ายสำหรับแฟนกีฬา
ปี 2018 คือฤดูกาลแรกที่ PFL เปิดฉาก โดยใช้โมเดลการแข่งขัน 3 ส่วน
Regular Season – นักสู้แต่ละคนจะขึ้นชกหลายไฟต์ในหนึ่งฤดูกาล เก็บแต้มจากผลการแข่งขัน
Playoffs – นักสู้ที่มีคะแนนสูงสุดของแต่ละรุ่น จะเข้าสู่รอบน็อกเอาต์
Finals – ชิงแชมป์ของรุ่น พร้อมเงินรางวัลใหญ่
เดิมที แชมป์จะรับไป 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อฤดูกาล แต่ปัจจุบันปรับเป็น 500,000 ดอลลาร์ เพื่อกระจายทรัพยากรไปยังโครงการย่อยต่าง ๆ เช่น PFL Challenger Series, PFL Europe, PFL MENA, PFL Africa, และล่าสุด PFL Pacific
ปัจจุบัน PFL มีการชิงชัยใน 8 รุ่นน้ำหนัก
Heavyweight
Light Heavyweight
Middleweight
Welterweight
Lightweight
Featherweight
Bantamweight
Flyweight (หญิง)
กติกาและความต่างจาก UFC
แม้ PFL และ UFC จะใช้ Unified Rules of MMA เหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือ
ระบบฤดูกาล + คะแนน : การชนะเร็วในแต่ละยกได้แต้มมากกว่า เช่น ชนะในยกแรกจะได้โบนัสพิเศษ
ไม่มีแรงกิ้ง (Ranking) : คู่ต่อสู้ถูกจัดตามอันดับคะแนนและรูปแบบเพลย์ออฟ ไม่ใช่การประกบตามแรงกิ้ง
แชมป์ต้องป้องกันสถานะทุกปี : หากคุณคือแชมป์ PFL คุณต้องกลับมาแข่งในซีซั่นถัดไป เพื่อพิสูจน์ตัวเองซ้ำ
ต่างจาก UFC ที่ใช้การจัดแรงกิ้ง และเปิดโอกาสให้แชมป์ “เลือก” การป้องกันตำแหน่งในเวลาที่เหมาะสม
เดิมพันกีฬาออนไลน์ด้วยคริปโต ง่ายและปลอดภัยทันที
แรงหนุนและความจริงจัง
PFL ไม่ได้เติบโตเพียงเพราะระบบการแข่งขันที่ต่างออกไป แต่ยังได้รับการลงทุนจากคนดังอย่าง Alex Rodriguez, SRJ Sports Investments และแม้แต่ศิลปินชื่อดังอย่าง Wiz Khalifa
ดีลครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในปี 2023–2024 เมื่อ PFL เข้าซื้อกิจการ Bellator พร้อมได้ยอดนักสู้ระดับโลกติดมาเป็นแพ็กเกจ เช่น
Francis Ngannou อดีตแชมป์ UFC
Cris Cyborg นักสู้หญิงระดับตำนาน
Vadim Nemkov, Usman Nurmagomedov, A.J. McKee จาก Bellator
รวมถึงหน้าใหม่ที่น่าจับตาอย่าง Cedric Doumbe, Dakota Ditcheva, และแม้กระทั่งชื่อดังนอกสังเวียนอย่าง Jake Paul
การดึงทั้งซูเปอร์สตาร์และดาวรุ่งเข้ามา ทำให้ PFL กลายเป็น “บ้านหลังใหม่” ที่มีทั้งความสดใหม่และชื่อเสียงที่ดึงดูดแฟน ๆ
PFL vs UFC : ใครคืออนาคตของ MMA?
UFC = เบอร์หนึ่งของโลก, มีประวัติศาสตร์ยาวนาน, เป็นผู้นำกระแส MMA เข้าสู่สปอตไลต์โลกกีฬา
PFL = คู่แข่งรุ่นใหม่, มีระบบที่แตกต่าง, โปร่งใส เข้าใจง่าย, พร้อมขยายลีกไปทั่วโลก
หากเปรียบเป็นฟุตบอล UFC คือ พรีเมียร์ลีก ที่เต็มไปด้วยดาวดังและการตลาดมหาศาล ส่วน PFL อาจคล้าย แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ใช้ระบบแข่งขันชัดเจน ใครเก็บแต้มได้มากกว่า ใครชนะในเกมสำคัญ ก็จะไปต่อจนถึงบัลลังก์แชมป์
และในวันที่ MMA กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ คำถามก็คือ...
PFL จะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่แบ่งพื้นที่แสงจาก UFC ได้มากแค่ไหน?