สำหรับมาตรฐานชายไทย การมีส่วนสูงแตะ 1.9 เมตร ไม่ได้เป็นเรื่องพบเห็นบ่อยนัก นั่นทำให้การมาถึงของ กษิดิศ สำเร็จ นักเทนนิสดาวรุ่งร่างโย่ง เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นคนไทยคนแรกในรอบกว่าสิบปี ที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นในแกรนด์สแลม แถมยังเคยได้ซ้อมกับ โนวัค ยอโควิช อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลก
และนี่คือเรื่องราวของ “บูม กษิดิศ” ผู้เข้ามาปลุกความหวังในวงการเทนนิสไทยได้คึกคักขึ้นอีกครั้ง ติดตามไปพร้อมกัน
ตามรอยพ่อ
สำหรับการเล่นเทนนิสของ กษิดิศ ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะเขาคือลูกชายของ วิทยา สำเร็จ อดีตนักเทนนิสทีมชาติไทย ที่ทำให้การเป็นนักเทนนิสอาชีพคือความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก
“ผมเห็นเขาเป็นไอดอล อยากเป็นนักเทนนิสทีมชาติเหมือนพ่อ” กษิดิศ กล่าวกับ Main Stand
“สมัยเด็กน่าจะตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ผมจะตามพ่อไปสนามตลอด พ่อกับแม่เล่าให้ฟังว่าตอนเด็ก ๆ ผมจะลากแร็กเกตลงไปในสนามเองตลอด แล้วเล่นอยู่แบบนั้นทั้งวัน ถ้าให้ออกจากสนามก็จะร้องไห้เลย”
จากความชอบทำให้ กษิดิศ ฝึกฝนอย่างจริงจัง โดยมีพ่อเป็นโค้ช และแม่กับพี่สาวช่วยสนับสนุนด้านโภชนาการ โดยเฉพาะการต้องดื่มนมวันละ 2-3 ลิตร จนทำให้เขามีส่วนสูงแซงหน้าเด็กวัยเดียวกัน
“ตอนเด็กๆ แม่อยากให้สูง ผมดื่มนมเยอะมาก แม่ผมท้าว่า ถ้าผมสูงขึ้น 1 ซม. จะให้เงิน1 เซน = 100 บาท ผมก็กินนมตามแม่บอก ปีนั้นผมสูงขึ้น 17 ซม. ได้เงินมา 1,700 บาท” กษิดิศย้อนที่ปัจจุบันสูง 1.91 เมตร ความหลัง

แต่ในตอนนั้นความสูงใช่ว่าจะการันตีความสำเร็จ แม้ว่า กษิดิศ จะมีฝีมือที่โดดเด่น แต่ผลการแข่งขันไม่ได้ออกมาตามที่หวัง จนทำให้ช่วงหนึ่งเขาเริ่มท้อและถอดใจ เปลี่ยนไปเล่นกีฬาชนิดอื่นอย่างบาสเก็ตบอล และฟุตบอล
“ช่วงที่มันไม่สำเร็จสักที ก็มีช่วงที่ผมไม่อยากเล่นเทนนิสเหมือนกัน ทำให้ตอนขึ้นมัธยมหยุดเล่นไปเกือบ 2 ปี ไปลองเล่นกีฬาอื่นบ้าง” บูมกล่าว
“แต่สุดท้ายด้วยความที่เราชอบเทนนิส มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว เห็นพี่ ๆ เขาเล่นกัน สุดท้ายก็กลับมาเล่นอีกครั้ง และพยายามฝึกฝนตัวเองขึ้นมาเรื่อย ๆ”
หลังจากนั้น กษิดิศ ก็มาทุ่มเทกับมันอย่างหนัก โดยมีพ่อที่ช่วยสอนเรื่องเทคนิค และตอนอายุ 17 ปีเขาก็มีชื่อติดติดทีมชาติเป็นครั้งแรกในศึกเอเชียนเกมส์ 2018 ที่อินโดนีเซีย ตามมาด้วยเดวิสคัพในปีต่อมา
จนกระทั่งในปี 2021 ความสำเร็จแรกของ บูม ก็มาถึง เมื่อเขาก้าวขึ้นไปคว้าเหรียญทองในเทนนิสประเภททีม และเหรียญทองแดงในคู่ผสม ในซีเกมส์ 2021 ที่เวียดนาม
และสิ่งนั้นก็กลายเป็นแรงผลักดันและสร้างความมั่นใจจนทำให้ บูม สร้างชื่อในระดับโลก ด้วยการคว้าเหรียญเงินในประเภทชายเดี่ยว ในกีฬามหาวิทยาลัยโลก 2021 ที่เฉิงตู ประเทศจีน
ก่อนที่มันจะกลายเป็นจุดต่อจุดที่พา กษิดิศ ไปเผชิญหน้ากับมือ 1 ของโลก
ซ้อมกับ โนวัค ยอโควิช
นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 21 เป็นต้นมา กษิดิศ ก็เป็นนักเทนนิสความหวังใหม่ของไทย ก่อนที่เขาจะเดินหน้าคว้าเหรียญทองในซีเกมส์ได้อีกครั้งในปี 2023
แต่สิ่งที่ทำให้เขาถูกจับตามากที่สุดคือการคว้าแชมป์ “2025 เอโอ เอเชีย-แปซิฟิก ไวลด์การ์ด เพลย์ออฟ" ที่ทำให้เขาได้ตั๋วเข้าไปเล่นในรอบเมนดรอว์ ออสเตรเลียน โอเพ่น 2025 หนึ่งในแกรนด์สแลมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
การเข้ามาเล่นในออสเตรเลียนโอเพ่น ยังทำให้ กษิดิศ กลายเป็นนักเทนนิสไทยคนแรกในรอบ 13 ปีต่อจาก ภราดร ศรีชาพันธุ์ และ ดนัย อุดมโชค ที่ได้เล่นในแกรนด์สแลม
“ผมพยายามเก็บแรงก์มาก่อนในช่วง ITF แล้วก็ Challenger ช่วงหลังไปเก็บ Challenger ค่อนข้างเยอะ ก็เลยอันดับขยับขึ้นมาค่อนข้างเยอะพอสมควร” บูมกล่าวกับ Standard Sport
“จนผมได้มีโอกาสได้ไปคัดไวลด์การ์ด เพื่อจะเล่นแกรนด์สแลม แล้วก็ได้แชมป์รายการนั้นมา ถึงได้ตั๋วไวลด์การ์ดเพื่อได้ไปเล่นในออสเตรเลียนโอเพนครับ”
แม้สุดท้าย กษิดิศ จะตกรอบแรก หลังพ่ายให้กับ ดานิล เมดเวเดฟ มือ 5 ของโลก และรองแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2024 แต่เขาก็สู้ได้อย่างสนุก และมองว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม
“รู้สึกว่าทุกอย่างมันค่อนข้างที่จะดีมากๆ ถึงแม้ว่าผมจะแพ้ แต่ผมรู้สึกดีกว่าการชนะในบางแมตช์ซะด้วยซ้ำไปครับ ผมรู้สึกว่าทุกอย่างที่ได้มาจากประสบการณ์ในการไปแกรนด์สแลมครั้งนี้” นักเทนนิสเจ้าของส่วนสูง 1.91 เมตร กล่าว
“ผมสามารถเอากลับมาต่อยอดเพื่อพัฒนาฝีมือตัวเองได้ครับ แล้วก็บรรยากาศทุกๆ อย่างที่ผมได้ไปสัมผัสมา ผมรู้สึกว่ามันคุ้มค่ามากกับการที่ได้ไปครับ”
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นกว่าการได้เล่นแกรนด์สแลมก็คือการที่ครั้งหนึ่งได้ร่วมซ้อมกับ โนวัค ยอโควิช อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลก ที่คว้าแกรนด์สแลมได้มากที่สุดนับตั้งแต่เคยมีมาด้วยจำนวน 24 สมัย
“ได้รับการติดต่อจากพี่บอล ภราดร มาครับ ว่าโนวัคมาที่ไทย อยากหาคนซ้อมให้ อยากจะให้เราไปซ้อมให้หน่อย ผมก็ตอบไปว่าผมสะดวกครับ ก็ยินดีที่จะไป ก็ได้บินไปถึง ไปซ้อมกับโนวัคครับ เป็นเวลาประมาณ 5 วันได้” บูมอธิบาย
“ต้องบอกว่าในพาร์ทในซ้อมเทนนิสอ่ะครับ คือเขาค่อนข้างจะเป็นคนที่ซีเรียสมากๆ เลย ผมเล่นซ้อมเซ็ตกับเขา คือเขาถึงขั้นแบบปาไม้หรืออะไรอย่างนี้เลย”
“แต่พอจบพาร์ทเทนนิสเสร็จปุ๊บเนี่ย เขาค่อนข้างจะเป็นคนที่ อย่างที่พี่บอกครับ เป็นคนกวนๆ ติดตลกนิดๆ หน่อยๆ มาเล่นโจ๊กกับเรา ก็คุยเล่นกับเราจนทำให้เรารู้สึกว่า เออเขาก็เป็นคนไนซ์กายคนนึงในทัวร์นะ”

กษิดิศ ยอมรับว่าการได้เล่นกับ ยอโควิช ในครั้งนั้นได้ให้อะไรกับเขาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะความเป็นมืออาชีพของนักเทนนิสระดับโลก ที่ทำให้พวกเขามาถึงจุดนี้
“รู้สึกว่าเขาก็เป็นคนที่มีวินัยแล้วกันครับในมืออาชีพ เพราะเขาแบ่งพาร์ทชัดเจนมาก ว่าเขาควรจะต้องทำอะไรก่อนอะไรอย่างนี้ครับ” กษิดิศ กล่าว
“ได้เห็นจากในสิ่งที่เขาทำ ว่าเขาแบบจัดการกับทุกๆ อย่างยังไง เรื่องแบบการซ้อม ความเป็นมืออาชีพของเขา”
“ผมก็ได้ซึมซับมาจากตรงนั้นด้วยครับ ใช้คำว่าเป็นคนค่อนข้างจะละเอียดในแต่ละช็อตมากๆ ผมรู้สึกว่าผมก็อยากจะละเอียดให้ได้เท่าเขาบ้าง ในแต่ละช็อตที่เขาเล่นมันค่อนข้างจะมีคุณภาพมากๆ ครับ ผมรู้สึกว่าเป็นแบบอย่างที่ดีในการตีครับ”
และปีนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ กษิดิศ จะได้กลับมาล่าเหรียญทองให้บ้านเกิดในซีเกมส์ 2025 โดยเฉพาะในประเภทชายเดี่ยว ที่เขาทำได้ดีที่สุดเพียงแค่เหรียญทองแดงเท่านั้น
มาลุ้นกันว่านักเทนนิสร่างโย่งคนนี้จะทำผลงานได้ดีแค่ไหนในช่วงปลายปีนี้ ในฐานะมือ 1 ของทีมชาติไทย
บทความที่เกี่ยวข้อง
ส่องผลงาน เชสก์ ฟาเบรกาส ทำไมถึงเป็นกุนซือเนื้อหอมคนใหม่ของยุโรป?
"ซิโก้" กับลูกสาวโผล่ช่อง TikTok ฝรั่ง เล่นเกมแฟนพันธุ์แท้ลิเวอร์พูล
สนแค่ผลงานทีม! เวียร์ตซ์ไม่ติดใจยิงแล้วไม่ได้เครดิตเกมเสมอซันเดอร์แลนด์