หากเอ่ยถึง ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย หลายคนอาจจะไม่คุ้นหู แต่ถ้าบอกว่า “มิงค์ สระบุรี” เชื่อว่าคงร้องอ๋อ เพราะเธอคือนักสนุกเกอร์หญิงคนแรกของไทยที่ขึ้นไปถึงมือ 1 ของโลก
อย่างไรก็ดี กว่าจะมาถึงจุดนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย เพราะเธอต้องแลกมากับอะไรหลายอย่าง รวมถึงต้องออกจากโรงเรียนเพื่อเดินตามเป้าหมายที่วางไว้
ติดตามเรื่องราวของ มิงค์ สระบุรี ไปพร้อมกัน
เด็กโต๊ะสนุกฯ
สำหรับ มิงค์ สนุกเกอร์ อาจจะเรียกว่าฝันได้ไม่เต็มปาก เพราะมันเกิดจากการซึมซับ ที่พ่อชื่นชอบกีฬาชนิดนี้ และแม่ที่เป็นคนเฝ้าโต๊ะสนุกฯ
หลังจากวิ่งเล่นอยู่แถวโต๊ะสนุกฯ อยู่หลายปี ตอน 10 ขวบเธอก็มีโอกาสได้สัมผัสกับสนุกเกอร์เป็นครั้งแรก โดยมี บิ๊ก สระบุรี หรือ อรรถสิทธิ์ มหิทธิ อดีตแชมป์โลกสมัครเล่นเป็นครูคนแรก
“ความจริงชีวิตหนูคลุกคลีกับกีฬาสนุกเกอร์ตั้งแต่เด็ก เพราะคุณแม่ทำงานอยู่ที่โต๊ะสนุกเกอร์ เมื่อเลิกเรียนหนูก็ต้องไปที่นั่น เพื่อรอคุณแม่เลิกงาน หนูเลยไปทำการบ้านหรือใช้ชีวิตช่วงเย็นกับช่วงวันหยุดที่นั่นเป็นส่วนใหญ่” มิงค์ กล่าวกับ The Cloud
“ตอนแรกหนูไม่ได้สนใจจะเล่นสนุกเกอร์ เพราะเรายังเป็นเด็ก แค่มองเห็นว่านี่คือสนุกเกอร์ จนช่วงเรียนอยู่ชั้น ป.4 เจ้าของโต๊ะที่แม่หนูทำงานอยู่ เขาเห็นว่าหนูเลิกเรียนแล้วก็มาที่นี่ทุกวัน บวกกับช่วงนั้นหนูตัวสูงกว่าคนอื่น เขาก็มองว่าหนูน่าจะเล่นสนุกเกอร์ได้ ก็เลยให้ พี่บิ๊ก สระบุรี ที่เป็นอดีตแชมป์โลกมาสอนให้”
จากการเล่นฆ่าเวลา ก็เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น จนกลายมาเป็นความจริงจัง ที่ทำให้เธอต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก จนแทบไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นเหมือนกับคนอื่น

“หลังจากนั้น ชีวิตหนูเปลี่ยนไปเลยค่ะ เพราะหลังเลิกเรียนแล้วกลับมาที่โต๊ะสนุกเกอร์ หนูต้องซ้อมอย่างน้อยวันละ 2 – 3 ชั่วโมง ส่วนเสาร์-อาทิตย์แทนที่เราจะได้ออกไปเล่นกับเพื่อน คุณพ่อก็จับหนูซ้อมอย่างเดียว” มิงค์ย้อนความหลัง
จนกระทั่งตอนจบมัธยม 3 ทางแยกของชีวิตก็มาถึง เมื่อ มิงค์ ต้องตัดสินใจว่าจะเรียนต่อในระดับชั้นมัธยมปลาย หรือเดินหน้าในเส้นทางนักสอยคิว ที่ทำให้ต้องหยุดเรื่องเรียนไว้ก่อน และสุดท้ายเธอก็เลือกอย่างหลัง
“จนหนูเรียนจบ ม.3 คุณพ่อเห็นว่าเพื่อนนักสนุกเกอร์รุ่นเดียวกันอย่าง ใบพัด ศรีราชา (ศิริภาพร นวนทะคำจัน) ติดทีมชาติแล้ว เลยถามว่าเราอยากไปซ้อมกับคุณพ่อของใบพัดดูไหม” ณัชชารัตน์ กล่าวกับ คิด - Creative Thailand
“หลังจากนั้นหนูก็ย้ายไปอยู่ศรีราชาเพื่อฝึกซ้อมอย่างจริงจัง แล้วก็มีโอกาสได้เป็นตัวแทนทีมชาติ จากตอนแรกตั้งใจว่าจะดรอปเรียนแค่ปีเดียว กลายเป็นว่าโอกาสในการแข่งสนุกเกอร์มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ”
ก่อนที่การตัดสินใจครั้งนั้น จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล
มือ 1 ของโลก
การได้ซ้อมกับผู้เล่นระดับทีมชาติ วันละ 10-9 ชั่วโมง ทำให้ ณัชชารัตน์ ได้พัฒนาฝีมืออย่างเต็มที่ และตอนอายุ 16 ปี เธอก็สามารถคว้าแชมป์เยาวชนโลกหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ด้วยการเอาชนะ ใบพัด ศรีราชา อดีตคู่ซ้อมของเธอในนัดชิงชนะเลิศ
“หลังจากคว้าแชมป์ครั้งนั้น หนูรู้สึกเหมือนปลดล็อกตัวเองเลยค่ะ เพราะมันเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกในต่างประเทศ และยังเป็นการชนะเพื่อนของตัวเองที่เคยแพ้มาตลอด” มิงค์กล่าวกับ The Cloud
“หนูยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ถึงทุกวันนี้ คือมันดีใจมาก หลังจากจบเกมหนูเลยรีบโทรหาคุณแม่แล้วก็ร้องไห้เลย บอกกับแม่ว่าหนูทำได้แล้วนะ คุณแม่ก็ร้องไห้ หนูก็เลยร้องไห้ตาม”
มันเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต เมื่อแชมป์ครั้งนั้นทำให้ มิงค์ เดินหน้าคว้าความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการคว้าแชมป์เยาวชนโลก 3 สมัย ติดทีมชาติไทย ไปจนถึงไปเล่นสนุกเกอร์อาชีพถึงอังกฤษ
ทว่า สิ่งที่ทำให้ ณัชชารัตน์ ภาคภูมิใจที่สุดคือการคว้าแชมป์โลกสนุกเกอร์หญิงอาชีพเมื่อปี 2022 ด้วยการเอาชนะ เวนดี แจนส์ จากเบลเยียม 6-5 เฟรม ทั้งที่ตามหลัง 3-5 เฟรม เป็นคนไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ก้าวมาถึงจุดนี้
“ตอนนั้นหนูตามเขา 5 – 3 เฟรม คิดในใจว่าคงแพ้ไปแล้ว เพราะว่าใครถึง 6 เฟรมก่อนก็ชนะ แถมเขา (เวนดี้ แจนส์) ก็เล่นดีมาก ๆ เลยคิดไปว่าเราคงแพ้แล้ว” มิงค์ย้อนความหลัง
“โชคดีที่หนูพยายามดึงตัวเองกลับมา คือไม่ได้คาดหวังว่าเราต้องกลับมาชนะ แต่คิดแค่ว่า ลูกนี้หนูจะทำออกมาให้ดีที่สุด เกมนี้หนูจะทำออกมาให้ดีที่สุด คิดเป็นเกมต่อเกม ลูกต่อลูก ช็อตต่อช็อต แค่พยายามเก็บแต้มให้ได้เยอะที่สุดในเกมที่เหลือหลังจากนี้”

แต่นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อแชมป์และผลงานที่สม่ำเสมอ ทำให้ ณัชชารัตน์ มีคะแนนสะสมจนก้าวมาเป็นมือ 1 ของโลกในเดือนกุมภาพันธ์ 2023
แม้ว่า 2 ปีหลังจากนั้น มิงค์ จะไม่สามารถป้องกันแชมป์ได้ หลังพ่ายให้กับ ไป่ หยูลู่ จากจีน 2 ครั้งซ้อน แต่ก็ยังสามารถรั้งเบอร์ 1 ของโลกของสมาคมสนุกเกอร์หญิงโลกจนถึงปัจจุบัน (อัพเดทล่าสุด พ.ย. 2025)
อย่างไรก็ดี ณัชชารัตน์ ยอมรับว่าการก้าวมาเป็น มือ 1 โลกของเธอ ก็ต้องแลกกับอะไรมามากมาย หนึ่งในนั้นคือชีวิตวัยรุ่นที่เธอไม่เคยได้สัมผัส
“ถามว่าต้องทุ่มเทหนักมากแค่ไหน หนูก็ต้องดรอปเรียน แต่ถึงจะกลับมาเรียนจนจบปริญญาตรีได้แล้ว แต่ก็เป็นการศึกษานอกโรงเรียน” มิงค์กล่าวกับ คิด - Creative Thailand
“ช่วงอายุ 17-18 ก็มีอารมณ์อยากจะใส่ชุดนักเรียนเป็นเด็ก ม.ปลาย กับเขาบ้างเหมือนกัน เพราะจริง ๆ หนูเป็นคนชอบเรียนหนังสือ ชอบไปโรงเรียน อยากมีเพื่อนเป็นนักเรียนด้วยกันบ้าง เพราะเพื่อนในชีวิตส่วนใหญ่ก็คือเพื่อนนักกีฬา”
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยืนยันว่าไม่เสียใจที่ตัดสินใจเลือกเดินในเส้นทางนี้ และมีความฝันสูงสุดคือการคว้าแชมป์โลกอาชีพสนุกเกอร์ชาย (ผู้หญิงสามารถลงแข่งในรายการผู้ชายได้)
“ณ ตอนนี้ถึงหนูจะได้ทั้งแชมป์โลก และได้เป็นมือวางอันดับหนึ่งของโลก แต่หนูยังรู้สึกว่าหนูประสบความสำเร็จแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น” ณัชชารัตน์ กล่าว
“ถามว่ายากไหมกับโอกาสที่จะได้แชมป์โลกผู้ชาย ยากค่ะ ยากมาก ขนาดนักสนุกเกอร์ชายบ้านเราก็ยังไม่มีใครทำได้ แค่ผ่านเข้ารอบ 16 คนก็ยังยากมาก”
“แต่หนูจะลองพยายามทำให้ดีที่สุด ถือว่าเป็นความฝันที่สูงมาก ๆ ซึ่งตอนนี้เป้าหมายระยะสั้นคงต้องมองไปที่แชมป์โลกหญิง 2-3 สมัย และรักษาตำแหน่งมือวางอันดับหนึ่งของโลกไว้ให้นานที่สุด”
และเดือนนี้ มิงค์ กำลังจะนำทัพนักกีฬาไทยลงไล่ล่าเหรียญทองใน ซีเกมส์ 2025 ที่จะชิงกันถึง 10 เหรียญทอง ร่วมเป็นกำลังใจให้เธอได้ทั้งในสนามและผ่านหน้าจอไปด้วยกัน