หากเอ่ยถึง อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเขาในฐานะเจ้าของทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ในลีกอังกฤษ ดีกรีแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย
ทว่าอีกด้านหนึ่ง เขาคือหนึ่งในขุนพลของกีฬาขี่ม้าโปโล ทีมชาติไทย ชุดลุยซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่จะเปิดฉากในช่วงปลายปีนี้
แต่ไม่ว่าบทบาทไหน ทั้งหมดก็เชื่อมโยงถึงกัน และล้วนมีจุดเริ่มต้นมาจาก วิชัย ศรีวัฒนประภา คุณพ่อของเขา
ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกัน
ประตูแรก: ม้า
“โปโล คือส่วนสำคัญในชีวิตของผม” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภากล่าว
สำหรับ อัยยวัฒน์ ขี่ม้าโปโลไม่ได้เป็นแค่กิจกรรมยามว่าง หรือความบันเทิง แต่เป็นสิ่งที่เขาผูกพันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อครอบศรีวัฒนประภาเกี่ยวข้องกับวงการนี้มาอย่างยาวนาน ทั้งสนับสนุน จัดการแข่งขัน และส่งเสริมกีฬาชนิดนี้ในระดับภูมิภาค
พวกเขามีทีม “คิงพาวเวอร์”ทีมขี่ม้าโปโล ที่ก่อตั้งโดย วิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ล่วงลับ และได้ลงแข่งในหลายทัวร์นาเมนต์ รวมถึงเข้าร่วมการแข่งขันแบบฤดูกาลที่ประเทศอังกฤษ และ อัยยวัฒน์ ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมนี้
“ผมเริ่มเล่นค่อนข้างช้า คือตอนอายุ 18 แล้ว เพราะได้รับอิทธิพลมาจากความรักม้าของพ่อ” อัยย์วัฒน์กล่าวกับ CLICKPOLO ASIA
อันที่จริง อัยยวัฒน์ หรือ ต๊อบ เริ่มจากกีฬาศิลปะบังคับม้า แล้วเปลี่ยนมาเล่น โปโล ก่อนจะตกหลุมรักในกีฬาชนิดนี้จนโงหัวไม่ขึ้น รู้ตัวอีกทีมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว
“พ่อของผมรักโปโลมาก พี่ชายของผมก็ตามรอยเขา เราเล่นกันเยอะมากทั้งที่บ้านที่กรุงเทพ และที่อังกฤษ” อัยยวัฒน์กล่าวต่อ

เหตุผลที่ทำให้ อัยยวัฒน์ ชอบขี่ม้าโปโล นอกจากอิทธิพลของพ่อแล้ว ก็คือการเป็นกีฬาเประเภททีม ที่ต้องร่วมมือกันเพื่อคว้าชัยชนะ
“ผมชอบโปโล เพราะมันคือการร่วมมือกันระหว่างม้าและผู้เล่น มันคือวิธีที่ดีมากในการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ” ต๊อบ อธิบาย
“ผมยังชอบความจริงที่ว่า โปโล เป็นการแข่งขันแบบทีม ที่ทั้งกลุ่มต้องร่วมมือไปด้วยกัน”
และมันก็ไม่ต่างกับอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในชีวิต นั่นคือฟุตบอล
ประตูที่ 2: เลสเตอร์ ซิตี้
ย้อนกลับไปในปี 2018 อุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก บริเวณใกล้สนาม คิง พาวเวอร์ สเตดียม ก็เปลี่ยนชีวิตของ อัยยวัฒน์ ไปตลอดกาล
เพราะนอกจากจะสูญเสีย วิชัย พ่อของตัวเองแล้ว มันยังทำให้เขาต้องเขามาสืบทอดธุรกิจของพ่ออย่างกระทันหัน รวมถึงการเป็นเจ้าของทีม เลสเตอร์ ซิตี้
การต้องขึ้นเป็นผู้บริหาร ในวัย 30 เศษ ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายสำหรับ อัยยวัฒน์ เพราะนอกจากจะต้องเผชิญกับความคาดหวัง เขายังเจอกับความกดดันอย่างหนักหน่วง หลังเลสเตอร์ ต้องร่วงตกชั้นจาก พรีเมียร์ลีกถึง 2 ครั้งในรอบ 5 ปี

แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็คือสนามทดสอบความเป็นผู้นำของ อัยยวัฒน์ ที่สามารถรับมือกับกระแสได้เป็นอย่างดี จนทำให้เขาถูกมองว่าเป็นผู้บริหารที่ สุขุม ฟังมาก ตัดสินใจน้อยแต่แม่นยำ ต่างจาก กีฬาขี่ม้าโปโล ที่ต้องคิดไว ทำไว และใช้สัญชาติญาณ
นอกจากนี้ การต้องเข้ามาสืบทอดกิจการของพ่อ ไม่ได้เป็นแค่หน้าที่ แต่เขายังพยายามสืบทอดจิตวิญญาณของพ่อ ภายใต้ความเชื่อว่า การสนับสนุนกีฬา ต้องไม่ใช่แค่การเป็นสปอนเซอร์ แต่มันคือคุณค่าทางสังคมที่จับต้องได้ ผ่านการให้โอกาสแก่เยาวชน
“จากพ่อ ผมได้รับภารกิจและมรดกที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องสืบทอด และผมก็ตั้งใจจะทำเช่นนั้น” อัยยวัฒน์กล่าว
ดังนั้น ไม่ว่าจะในฐานะเจ้าของสโมสรเลสเตอร์ หรือ นักกีฬาขี่ม้าโปโล ทีมชาติไทย ของอัยยวัฒน์ มันก็ล้วนเป็นการสานต่อเส้นทางที่พ่อเคยยืน ในสนามที่พ่อรักด้วยกันทั้งสิ้น
และซีเกมส์ 2025 ก็จะเป็นอีกบททดสอบที่สำคัญ
ประตูสุดท้าย:เหรียญทอง
หลังจาก วิชัย เป็นนายกสมาคมขี่ม้าโปโล ในช่วงปี 1998-2004 ผ่านมา 21 ปี ครอบครัว ศรีวัฒนประภา กำลังจะมีบทบาทสำคัญอีกครั้ง หลังลูกชายทั้งสอง ต๊อบ อัยยวัฒน์ และ ตาล อภิเชษฐ์ มีชื่อเป็นหนึ่งในสมาชิกขี่ม้าโปโล ทีมชาติไทย ชุดลุยซีเกมส์ 2025
แน่นอนว่าเป้าหมายคือการคว้าเหรียญทอง ทำให้มันไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่เป็นการประกาศความพร้อมของ ขี่ม้าโปโลของไทย ในระดับภูมิภาค
“สมาคมฯ มีเป้าหมายชัดเจนที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็น ‘ศูนย์กลางกีฬาขี่ม้าโปโลในระดับภูมิภาค’” นายแพทย์ไพโรจน์ บุญคงชื่น นายกสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย กล่าว
“ทั้งในด้านการแข่งขัน มาตรฐานสนาม และการพัฒนานักกีฬาเยาวชน เพื่อวางรากฐานที่แข็งแกร่งและมั่นคงให้กับวงการโปโลไทย และมุ่งมั่นสร้างผลงานในซีเกมส์ครั้งนี้ โดยตั้งเป้าคว้าเหรียญทองใน 2 ประเภทการแข่งขัน ได้แก่ Handicap 2–4 Goals และ 4-6 Goals”

สำหรับ อัยยวัฒน์ นอกจากจะเป็นการพิสูจน์ตัวเอง ว่าสามารถก้าวข้ามบทบาททางธุรกิจไปได้ไกลแค่ไหน ขณะเดียวกันมันจะเป็นเวทีที่พิสูจน์สิ่งที่เขาพยายามมาตลอดชีวิต
ซีเกมส์ 2025 จึงไม่ใช่แค่ทัวร์นาเมนต์หนึ่ง แต่คือเวทีที่จะแสดงให้เห็นว่าสิ่งสำคัญทั้ง 3 อย่างคือ ม้า-พ่อ-เลสเตอร์ สามารถรวมเป็นพลังเดียวผลักให้ผู้ชายคนหนึ่งมุ่งไปข้างหน้า
เป็นการแข่งขันที่ อัยยวัฒน์ จะวางทุกบทบาทไว้ข้างหลัง และลงเล่นในฐานะนักกีฬาคนหนึ่ง เพื่อสานฝันในสิ่งที่พ่อเคยเริ่มไว้ ต่อหน้าชาวไทยทั้งประเทศ