กรุ๊ป ออฟ เดธ : จัดอันดับกลุ่มสุดโหดฟุตบอลโลก 2026

ศึกฟุตบอลโลก 2026 ที่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเม็กซิโก ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการเพิ่มทีมเป็น 48 ชาติ ทำให้รอบแรกของการแข่งขันจะมีถึง 12 กลุ่มด้วยกัน

และคำถามยอดฮิตที่ตามมาก็คือ "Group of Death" หรือกลุ่มแห่งความตาย ที่ทุกแต้มจะเป็นสิ่งมีค่าและทีมเต็งอาจต้องเจอกับบททดสอบที่หนักหน่วงที่สุดคือกลุ่มไหนกันแน่?

พวกเราได้ทำการวิเคราะห์และจัดอันดับความยากง่ายของทั้ง 12 กลุ่มในศึกฟุตบอลโลก 2026 โดยเรียงจากกลุ่มที่ "ง่ายที่สุด" ไปจนถึง "กลุ่มที่หินที่สุด" เพื่อหาคำตอบว่า "Group of Death" ที่แท้จริงคือกลุ่มไหน...

จัดอันดับความยากง่าย 12 กลุ่มในฟุตบอลโลก 2026

12. กลุ่ม D

กลุ่ม D ถือเป็นกลุ่มที่เจ้าภาพสหรัฐอเมริกาได้รับผลประโยชน์จากการจับสลากอย่างแท้จริง โดยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ "ง่ายที่สุด" ในบรรดา 12 กลุ่ม พวกเขาถูกประกบกับทีมจากโถ 2 และ 3 ที่มีอันดับโลกไม่สูงนักอย่าง ออสเตรเลีย และปารากวัย

จุดที่ทำให้กลุ่มนี้เป็นกลุ่มง่ายที่สุด คือการที่ไม่มีทีมที่ติดอันดับ Top 10 ของโลกเลย และไม่มีแม้แต่ทีมจาก Top 20 นอกเหนือจากเจ้าภาพเอง แม้ว่าผู้ชนะจาก ยูฟ่า เพลย์ออฟ กลุ่ม C ซึ่งอาจเป็น ตุรกี, สโลวาเกีย, โคโซโว หรือ โรมาเนีย ก็ยังถือว่าเบา หากเทียบกับ ยูฟ่า เพลย์ออฟ กลุ่มอื่น ๆ ที่มีทีมที่แข็งแกร่งกว่ารออยู่

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทีมสหรัฐฯ ควรจะผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ได้อย่างสะดวกสบาย การขับเคี่ยวหลัก ๆ อาจอยู่ที่การแย่งชิงตำแหน่งอันดับ 2 เท่านั้น แต่สำหรับเจ้าภาพแล้ว นี่คือการเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ที่ไม่ต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย และเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความมั่นใจก่อนเข้าสู่รอบต่อไป

11. กลุ่ม G

Getty Images

เบลเยียม ทีมที่มักจะทำผลงานได้ไม่ค่อยดีอย่างหวังในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ได้รับการจับสลากที่ค่อนข้างเป็นใจ โดย "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" ถูกมองว่าน่าจะก้าวข้ามรอบแบ่งกลุ่มนี้ไปได้โดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ และหากพวกเขาทำไม่ได้ นี่อาจจะเป็นผลงานที่แย่ที่สุดในรอบหลายปีของพวกเขา

คู่แข่งอย่าง อิหร่าน และ อียิปต์ แม้จะเป็นทีมที่มีเกมรับที่เหนียวแน่นและจัดระเบียบได้ดี ซึ่งอาจสร้างความยากลำบากในการเจาะประตูให้กับ เบลเยียม ได้ โดยเฉพาะ อียิปต์ ที่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นแกนนำ แต่ในภาพรวมแล้วศักยภาพเกมรุกของทั้งสองทีมยังไม่สามารถเทียบชั้นกับทีมเต็งได้ และขาดความเฉียบคมที่จะมาโค่นทีมระดับท็อป

นิวซีแลนด์ ในฐานะตัวแทนจากโอเชียเนียถือเป็นทีมที่มีอันดับโลกต่ำที่สุดทีมหนึ่งในทัวร์นาเมนต์นี้ การที่กลุ่มนี้ขาดความเข้มข้นทำให้ เบลเยียม สามารถมุ่งเน้นไปที่การเตรียมทีมสำหรับรอบน็อกเอาต์ได้เลย และพวกเขาควรจะคว้าแชมป์กลุ่มไปครองได้อย่างสบาย

10. กลุ่ม A

แม้ เม็กซิโก ในฐานะเจ้าภาพจะไม่ได้มีกลุ่มที่ง่ายเหมือนกับเพื่อนบ้านทางเหนืออย่างสหรัฐฯ แต่ทัพ "เอล ตรี" ก็ยังน่าถือว่าพอใจกับผลการจับสลากนี้ เพราะพวกเขาไม่ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่ติดอันดับ Top 20 ของโลกเลย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความกดดันและช่วยให้พวกเขามีโอกาสเข้ารอบสูง

คู่แข่งหลักคือ เกาหลีใต้ ซึ่งจะมาพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะท้าทายเพื่อคว้าแชมป์กลุ่ม แม้ว่า เกาหลีใต้ จะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าในอดีต แต่ก็ยังเป็นทีมที่อันตรายอยู่เสมอ โดยเฉพาะความเร็วและวินัย ส่วน แอฟริกาใต้ ถือเป็นทีมที่คาดเดายากจากทวีปแอฟริกา และพร้อมที่จะสร้างความรำคาญให้กับทีมเต็งด้วยสไตล์การเล่นที่หนักหน่วง

ผู้ชนะจาก ยูฟ่า เพลย์ออฟ กลุ่ม D ซึ่งอาจเป็น เดนมาร์ก, เช็ก หรือ ไอร์แลนด์ อาจเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับเ ม็กซิโก  แต่โดยภาพรวมแล้ว ขุนพลของเม็กซิโกควรจะมั่นใจในการผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ได้อย่างสบาย กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่พอเหมาะพอเจาะสำหรับเจ้าภาพที่จะสร้างโมเมนตัม

9. กลุ่ม J

อาร์เจนตินา แชมป์เก่าและทีมที่นำโดยซูเปอร์สตาร์อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ได้รับการจับสลากเป็นใจอย่างยิ่ง โดย "ฟ้าขาว" ถูกคาดหมายว่าจะคว้าอันดับหนึ่งของกลุ่มนี้ไปครองได้อย่างง่ายดาย โดยมีแรงกดดันไม่มากเท่ากับทีมเต็งอื่น ๆ และพร้อมที่จะเดินหน้าป้องกันแชมป์อย่างเต็มที่

คู่แข่งหลักอย่าง ออสเตรีย จากยุโรป อาจเป็นทีมเดียวที่สามารถสร้างความยุ่งยากให้กับพวกเขาได้บ้างในวันที่ฟอร์มเข้าฝัก ขณะที่ แอลจีเรีย ที่มี ริยาด มาห์เรซ เป็นแกนหลัก ก็ถือเป็นทีมที่มีเกมรับที่แข็งแกร่ง และน่าจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างกำแพงเกมรับเพื่อยันเสมอทีมใหญ่อย่าง อาร์เจนตินา ซึ่งอาจเป็นความท้าทายเล็กน้อย

แม้ว่าจะมีเหตุการณ์พลิกล็อกเกิดขึ้นได้เสมอ ดังเช่นที่พวกเขาเคยพ่ายแพ้ต่อ ซาอุดีอาระเบีย ในนัดเปิดสนามปี 2022 แต่ในภาพรวมแล้วศักยภาพของคู่แข่งในกลุ่มนี้ไม่น่าจะสร้างปัญหาให้กับ อาร์เจนตินา ได้มากนัก การขับเคี่ยวหลัก ๆ จะอยู่ที่การแย่งชิงตำแหน่งอันดับ 2 ระหว่าง ออสเตรีย และ แอลจีเรีย เสียมากกว่า

8. กลุ่ม B

แคนาดา ในฐานะเจ้าภาพร่วมเป็นอีกทีมที่อยู่ในกลุ่มที่ถือว่าค่อนข้างง่าย พวกเขาได้สถานะทีมวางโถ 1 ทำให้หลีกเลี่ยงทีมยักษ์ใหญ่ไปได้ และถูกจับมาเจอกับ สวิตเซอร์แลนด์ และ กาตาร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปิดโอกาสให้เจ้าภาพทำผลงานได้ดี

สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นทีมอันดับ 17 ของโลก ถูกมองว่าน่าจะเข้าวินเป็นแชมป์กลุ่ม แต่ก็เป็นทีมที่สามารถเอาชนะได้หากแคนาดา ท็อปฟอร์ม ส่วน กาตาร์ อดีตเจ้าภาพปี 2022 ที่จบอันดับสุดท้ายในกลุ่มของตัวเอง ไม่น่าจะสร้างความท้าทายได้มากนัก แม้จะมีอันดับโลกที่ดีกว่าเมื่อครั้งเป็นเจ้าภาพครั้งก่อนก็ตาม

จุดที่น่าสนใจที่สุดของกลุ่มนี้คือผู้ชนะจาก ยูฟ่า เพลย์ออฟ กลุ่ม A ซึ่งมีโอกาสที่ อิตาลี หรือ เวลส์ จะผ่านเข้ามาได้ แม้ว่าแคนาดา จะต้องเจอกับ อิตาลี พวกเขาก็ยังคงมีศักยภาพที่ดีพอจะเบียดแย่งพื้นที่เข้ารอบได้สำเร็จ โดยรวมแล้วนี่คือกลุ่มที่แคนาดา ควรจะตั้งเป้าผ่านเข้ารอบให้ได้ และมีโอกาสสร้างผลงานที่น่าจดจำ

7. กลุ่ม F

Getty Images

กลุ่ม F เป็นกลุ่มที่มีสองทีมเต็งที่โดดเด่นอย่างชัดเจนคือ เนเธอร์แลนด์ และ ญี่ปุ่น โดยเฉพาะ ญี่ปุ่น ที่พิสูจน์ให้โลกเห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถสร้างความประหลาดใจให้กับทีมใหญ่จากยุโรปได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดังเช่นการเอาชนะเยอรมัน ในทัวร์นาเมนต์ล่าสุด การปะทะกันของทั้งสองทีมจึงเป็นเกมชี้ชะตาแชมป์กลุ่ม

อย่างไรก็ตาม ตูนิเซีย ทีมอันดับที่ 40 ของโลก แม้จะเป็นทีมที่ไม่อาจมองข้ามได้ แต่ก็ขาดดาวเด่นระดับโลกที่จะมาต่อกรกับสองทีมเต็งได้อย่างเต็มที่ และส่วนใหญ่มักจะพึ่งพาวินัยในเกมรับเป็นหลัก ซึ่งอาจไม่เพียงพอที่จะผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ได้

ผู้ชนะจาก ยูฟ่า เพลย์ออฟ กลุ่ม B ซึ่งอาจเป็น ยูเครน, สวีเดน หรือ โปแลนด์ ก็ไม่น่าจะสร้างความท้าทายที่ยากเกินไปสำหรับ เนเธอร์แลนด์ และ ญี่ปุ่น ในภาพรวมการเข้ารอบของสองทีมจากโถ 1 และ 2 จึงเป็นผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดในกลุ่มนี้ และเป็นกลุ่มที่ทีมชั้นนำไม่ต้องกังวลมากนัก

6. กลุ่ม L

กลุ่ม L เป็นกลุ่มที่มีสองทีมชั้นนำจากยุโรปอย่าง อังกฤษ และ โครเอเชีย ต้องโคจรมาพบกัน ซึ่งเป็นคู่แข่งที่คุ้นเคยกันดี ทำให้ดูน่าสนใจในตอนแรก แต่เมื่อพิจารณาจากทีมที่เหลือในกลุ่มแล้ว ดูเหมือนว่าการเข้ารอบของทั้งสองทีมไม่น่าจะเป็นเรื่องยากมากนัก

โครเอเชีย ที่เคยคว้ารองแชมป์และอันดับ 3 ในฟุตบอลโลก 2 สมัยหลังสุด จะเป็นบททดสอบที่แท้จริงของ อังกฤษ ในการชิงแชมป์กลุ่ม ส่วนคู่แข่งจากทวีปอื่นอย่าง ปานามา แม้จะเคยสร้างความปั่นป่วนให้กับทีมในคอนคาเคฟ แต่ก็ขาดอาวุธหนักที่จะมาต่อกรกับยักษ์ใหญ่ยุโรปได้ในเวทีระดับโลก

ขณะที่ กาน่า ซึ่งเคยเป็นฝันร้ายของ สหรัฐฯ ในอดีต ก็เลยช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ไปแล้ว เพราะทัพ "ดาวดำ" ชุดนี้ไม่ได้มีความแข็งแกร่งพอที่จะมาพลิกโฉมกลุ่ม L ได้ ดังนั้นจึงเป็นกลุ่มที่ อังกฤษ และ โครเอเชียน่าจะกอดคอกันเข้ารอบน็อกเอาต์ไปได้โดยไม่มีปัญหาใหญ่ และเน้นไปที่การเตรียมความพร้อมสำหรับรอบ 16 ทีมสุดท้ายซะมากกว่า

5. กลุ่ม K

โปรตุเกสของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต้องเจอกับ โคลอมเบีย ในนัดแรก ซึ่งเป็นเกมที่น่าตื่นเต้นและจะเป็นการแย่งชิงตำแหน่งแชมป์กลุ่มกันอย่างเข้มข้น กลุ่ม K นี้ถือเป็นกลุ่มแรกที่เราเริ่มเห็นว่าทีมจากโถที่ต่ำกว่านั้นมีศักยภาพที่จะสร้างความทดสอบที่จริงจังให้กับทีมเต็งได้

อุซเบกิสถาน ไม่ใช่ทีมที่จะมาล้อเล่นด้วย พวกเขาเป็นทีมที่มีประสบการณ์สูงและพัฒนาขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา และพร้อมจะสร้างความประหลาดใจให้กับทีมเต็ง ส่วนผู้ชนะจาก ฟีฟ่า เพย์ออฟ 1 ซึ่งอาจเป็น ดีอาร์ คองโก, จาเมกา หรือ นิวแคลิโดเนีย ก็ถือว่ามีความอันตรายและคาดเดายาก

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่า โปรตุเกส หรือ โคลอมเบีย จะพลาดท่าจนตกรอบแบ่งกลุ่ม แต่กลุ่มนี้จะมอบการแข่งขันที่สนุกและตึงเครียดกว่ากลุ่มอื่น ๆ และชัยชนะของทีมเต็งอาจไม่ได้มาง่าย ๆ เลย ซึ่งจัดเป็นกลุ่มที่มีความหินปานกลาง

4. กลุ่ม E

นี่คือกลุ่มที่การแข่งขันเริ่มมีความเข้มข้นและคาดเดายากขึ้น สำหรับ เยอรมัน นี่อาจเป็นฟุตบอลโลกอีกครั้งที่พวกเขาถูกจับให้อยู่ในกลุ่มที่ค่อนข้างยาก และต้องเจอกับบททดสอบที่หนักหน่วง หากพวกเขาประมาทก็อาจเกิดความผิดพลาดได้เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในทัวร์นาเมนต์ก่อน ๆ

เอกวาดอร์ คือทีมที่สร้างเซอร์ไพรส์ในรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ และจะเป็นบททดสอบที่แท้จริงสำหรับทีมจากยุโรป ขณะที่ ไอวอรี่ โคสต์ แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่ายุคโกลเด้น เจเนอเรชั่น ในอดีต แต่ก็ยังคงเป็นทีมที่อันตรายและพร้อมฉกฉวยโอกาสหากทีมเต็งประมาท

ส่วน กือราเซา อาจถูกมองเป็นทีมรองบ่อน แต่ทีมอาณานิคมดัตช์เก่านี้ได้รวบรวมนักเตะจากยุโรปที่ไม่ได้ติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์มาไว้ในทีม และสามารถสร้างความประหลาดใจได้ในทัวร์นาเมนต์นี้ ด้วยคู่แข่งที่แข็งแกร่งและคาดเดายากจากหลายทวีป กลุ่ม E จึงเป็นกลุ่มที่รับประกันความสนุกและมีโอกาสพลิกล็อกสูง

3. กลุ่ม H

ในช่วงแรกของการจับสลาก กลุ่ม H ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มแห่งความตาย เมื่อ สเปน ทีมอันดับ 1 ของโลก ถูกจับมาอยู่ร่วมกับ อุรุกวัย ซึ่งเป็นทีมจากโถ 2 ที่แข็งแกร่งและมีประวัติศาสตร์ฟุตบอลที่น่าเกรงขาม ทำให้แฟน ๆ คาดหวังถึงความวุ่นวายและเกมระดับห้าดาวตั้งแต่รอบแรก

การปะทะกันระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งของสองทวีปเป็นการรับประกันความตื่นเต้น แต่ทีมที่เหลือกลับทำให้ความเข้มข้นลดลง ซาอุดิอาระเบีย พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาสามารถเอาชนะ อาร์เจนตินา ได้ในนัดเปิดสนามปี 2022 และมักจะเล่นได้อย่างยากลำบากภายใต้แท็คติกที่เน้นวินัย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นตัวเลือกที่อันตรายที่สุดจากโถ 3

ส่วน เคปเวิร์ด จากโถ 4 ก็ไม่ใช่คู่แข่งที่จะสร้างความกังวลให้กับทีมที่มีอันดับสูงกว่าอย่าง สเปน และ อุรุกวัย มากนัก ท้ายที่สุดแล้ว กลุ่ม H นี้จึงถูกมองว่ามีทีมเต็งที่แข็งแกร่งเกินไป และอาจทำขาดให้ความสมดุล

2.กลุ่ม H

กลุ่ม C คือกลุ่มที่น่าทึ่งและน่าจับตามองที่สุดในฟุตบอลโลก 2026 อย่างไม่ต้องสงสัย บราซิล แม้จะเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก แต่ฟอร์มในช่วงหลังก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาอาจกำลังอยู่ในช่วงขาลง ภายใต้การนำของ คาร์โล อันเชล็อตติ พวกเขาต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างแท้จริงในกลุ่มนี้

คู่แข่งอย่าง โมร็อกโก คือคู่แข่งที่ยากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากโถ 2 ในเวลานี้ พวกเขามีซูเปอร์สตาร์ที่ค้าแข้งในยุโรปหลายราย ซึ่งทำให้พวกเขากลับมาอยู่ในจุดสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ นอกจากนี้การได้ สกอตแลนด์ จากโถ 3 ยิ่งทำให้สถานการณ์ยากขึ้นไปอีก เพราะพวกเขาเป็นทีมที่เล่นด้วยความยืดหยุ่นและเคยสร้างผลงานที่น่าประทับใจในรอบคัดเลือกมาแล้ว

แม้ว่า เฮติ จากโถ 4 จะไม่ใช่งานหนัก แต่การรวมตัวกันของสามทีมที่เหลือก็เพียงพอที่จะจุดประกายความตื่นเต้นและสร้างความโกลาหลในรอบแบ่งกลุ่มได้ การแข่งขันในกลุ่มนี้เต็มไปด้วยเงื่อนไขที่พร้อมจะเกิดการพลิกล็อกได้ทุกเมื่อ แฟนบอลเตรียมตัวรับชมความวุ่นวายจากกลุ่ม C ได้เลย

1.กลุ่ม I

หากต้องเลือกกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่หัวจรดท้ายอย่างแท้จริง ก็คงหนีไม่พ้น กลุ่ม I เพราะกลุ่มนี้มี 4 ทีมที่แข็งแกร่งที่สุด โดยมีทั้ง ฝรั่งเศส รองแชมป์โลก ที่มี คีเลียน เอ็มบัปเป้ เป็นแกนนำที่ต้องแบกรับความคาดหวัง

คู่แข่งที่อยู่เบื้องหลังก็พร้อมที่จะสร้างความปั่นป่วน เซเนกัล คือทีมจากแอฟริกาที่น่ากลัว โดยมีสถิติการทำประตูและเกมรับที่น่าประทับใจในรอบคัดเลือก ส่วน นอร์เวย์คื อทีมที่อันตรายที่สุดทีมหนึ่งในโถ 3 ด้วยขุมกำลังระดับโลกอย่าง เออร์ลิง ฮาลันด์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด ที่เพียงพอที่จะทำให้คู่ต่อสู้หวาดกลัวได้

ปิดท้ายด้วยผู้ชนะจาก ฟีฟ่า เพย์ออฟ 2 ซึ่งอาจเป็น อิรัก หรือ โบลิเวีย ก็ยังถือเป็นคู่แข่งจากโถ 4 ที่แข็งแกร่งกว่ากลุ่มอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเกมรับ การรวมตัวกันของ ฝรั่งเศส, เซเนกัล, นอร์เวย์ ทำให้กลุ่ม I เป็นกลุ่มที่มีระดับความยากสูงสุดและพร้อมจะเกิดการพลิกล็อกครั้งใหญ่ที่สุดในฟุตบอลโลก 2026 นี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

• ผลจับสลากแบ่งสายฟุตบอลโลก 2026 ใครอยู่กลุ่มไหน? ตามเช็คได้ที่นี่

• ไปเอามาจากไหน: เปิดสีเสื้อเหย้าทีมฟุตบอลที่ไม่เหมือนสีธงชาติ มีที่มาอย่างไร