เมื่อคุณนึกภาพนักฟุตบอลระดับท็อปเดินทางไปสนามซ้อม สิ่งที่โผล่มาในหัวอาจเป็นรถสปอร์ตคันหรู เสียงเครื่องยนต์คำราม และแฟลชจากช่างภาพที่รอหน้าประตูสนาม แต่ไม่ใช่กับชายคนนี้ — เฮคตอร์ เบเยริน
กองหลังของเรอัล เบติสเลือกเส้นทางที่ตรงข้ามกับกระแส เขาไม่ได้ขับซูเปอร์คาร์ ไม่จ้างคนขับส่วนตัว แต่เลือกปั่นจักรยานหรือขึ้นรถสาธารณะไปซ้อมทุกวัน
“มันง่ายกว่ามากถ้าจะนั่งแท็กซี่ แต่ผมอยากทำให้เห็นว่ายังมีวิธีที่ยั่งยืนกว่านั้น เมืองของเราควรมีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น และรถให้น้อยลง” เบเยรินเล่าอย่างเรียบง่าย
สำหรับนักฟุตบอลวัย 30 ปีคนนี้ “ความยั่งยืน” ไม่ใช่คำเท่ ๆ ที่ไว้ใส่ในแคปชัน แต่คือหลักในการใช้ชีวิตที่เขาพยายามยึดถือและแบ่งปันกับผู้ติดตามกว่า 3.7 ล้านคนบนโซเชียลมีเดีย
และไม่นานมานี้ เขาก็เพิ่งได้รับรางวัล Global Champion จากงาน BBC Green Sport Awards เกียรติยศที่มอบให้กับนักกีฬาผู้ขับเคลื่อนแนวคิดเพื่อโลกที่ดีกว่า
จากเวนเกอร์สู่แนวคิดเรื่อง “การใช้ชีวิตอย่างมีสติ”
แม้จะเป็นชาวสเปนโดยกำเนิด แต่สำเนียงอังกฤษของเบเยรินยังชัดราวกับเด็กลอนดอน เพราะเขาย้ายมาอยู่กับอะคาเดมีของอาร์เซน่อตั้งแต่อายุ 16 ปี และที่นั่นเองคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต
“อาร์แซน เวนเกอร์ สอนผมหลายอย่าง ไม่ได้สอนเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยตรง แต่สอนให้มองชีวิตแบบองค์รวม เมื่อคุณใส่ใจโลกที่ให้ชีวิตกับคุณ ความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจก็จะตามมาเอง”
สำหรับเบเยริน แนวคิดเรื่อง ‘sustainability’ ไม่ได้หมายถึงแค่ลดคาร์บอนหรือรีไซเคิล แต่คือการมองโลกด้วยความกรุณา ต่อธรรมชาติ ต่อผู้คน และต่อตัวเอง
พลังของเสียงที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
เบเยรินใช้พื้นที่ของตัวเองในฐานะนักฟุตบอลเป็นเครื่องมือในการสื่อสารเรื่องสิ่งแวดล้อมเสมอ เขาเชื่อว่า
“เมื่อคุณมีอำนาจเสียง คุณก็มีความรับผิดชอบ”
“ทุกครั้งที่มีไมค์จ่อปาก นั่นคือโอกาสในการสร้างการเปลี่ยนแปลง”
เขาว่าชีวิตของเขาเต็มไปด้วยการตัดสินใจเล็ก ๆ ที่สะท้อนแนวคิดนี้ การเป็นวีแกน การเลือกเสื้อผ้ามือสอง การใช้ของให้นานที่สุดก่อนส่งต่อให้คนอื่นใช้ต่อ
“ผมใช้เวลาหกเดือนกว่าจะตัดสินใจซื้อรองเท้าคู่หนึ่ง และทุกวันนี้ผมก็ยังใส่มันอยู่ มันไม่ใช่เรื่องแฟชั่น แต่มันคือการให้คุณค่ากับสิ่งที่เรามี”
จากเบติสถึงโลกใบเขียว
เมื่อกลับมาเล่นให้ เรอัล เบติส ทีมรักของครอบครัว เขาพบว่าสโมสรแห่งนี้มีแนวทางเดียวกับเขาในเรื่องสิ่งแวดล้อม เบติสมีโครงการ Forever Green Foundation ที่นำแนวคิดรักษ์โลกมาปรับใช้กับทุกส่วนของสโมสร ตั้งแต่การทำเก้าอี้สนามจากอวนประมง ไปจนถึงเสื้อแข่งที่ผลิตจากสาหร่าย เยื่อไม้ และพลาสติกรีไซเคิล
“เบติสไม่ใช่แค่สโมสรฟุตบอล แต่มันคือพื้นที่ที่คนได้เติบโต รู้สึกมีคุณค่า และได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเอง” เขากล่าวอย่างภูมิใจ
นอกจากนี้ เบเยรินยังเป็นผู้ถือหุ้นของ Forest Green Rovers สโมสรอังกฤษที่ได้รับการยกย่องว่า
“เป็นทีมฟุตบอลที่ยั่งยืนที่สุดในโลก” อีกด้วย
ความย้อนแย้งของฟุตบอลยุคโลกาภิวัตน์
เบเยรินไม่ปฏิเสธว่า ฟุตบอลยุคนี้เต็มไปด้วยความขัดแย้ง นักเตะต้องเดินทางข้ามทวีปหลายหมื่นไมล์เพื่อแข่งขันในรายการที่จัดเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า ขณะที่โลกกำลังร้อนขึ้นทุกวัน
“ผมไม่ได้มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนั้น แต่ผมก็จะไม่หยุดพูดในสิ่งที่ผมเชื่อ แม้ผมจะเป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ ในวงการนี้ แต่เสียงของเรามันมีความหมาย”
เขายกตัวอย่างฟุตบอลหญิงว่าเป็นโมเดลของ “พลังแห่งความสามัคคี” ที่สามารถเปลี่ยนแปลงระบบได้จริง “พวกเธอสู้ด้วยกัน และชนะด้วยกัน นั่นคือสิ่งที่ฟุตบอลชายยังขาดอยู่”
ถ้าเรากล้าพอ โลกคงไม่เหมือนเดิม
สำหรับเบเยริน ความฝันไม่ใช่แค่การคว้าแชมป์ แต่คือการใช้ชื่อเสียงที่มีเพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้น โลกที่นักฟุตบอลไม่ต้องเลือกระหว่างความสำเร็จกับความรับผิดชอบ
“ถ้าเรานักฟุตบอลกล้าพอจะลุกขึ้นพูดในสิ่งที่ถูกต้อง โลกนี้คงไม่เหมือนเดิม”
และในวันที่เขาถูกเพื่อนร่วมทีมยื่นซองประกาศรางวัล BBC Green Sport Award ให้กลางบทสัมภาษณ์ เบเยรินเพียงยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า
“ผมไม่เคยคิดว่าจะได้รางวัลจากสิ่งที่ผมทำในชีวิตประจำวัน มันแค่สิ่งที่ผมเชื่อเท่านั้นเอง”
บทความที่เกี่ยวข้อง