ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ทาคุฮิโระ นาคาอิ หรือ “ปิปี้” คือเด็กมหัศจรรย์แห่งวงการฟุตบอลญี่ปุ่น จนถึงขนาดทำให้ เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ของสเปน ต้องคว้าตัวไปร่วมทีมตั้งแต่อายุเพียง 11 ปี
หลังจากนั้น เขาก็ยังพัฒนาตัวเองได้อย่างน่าสนใจ จนถูก ซีเนดีน ซีดาน เฮดโค้ชของ มาดริด ในตอนนั้นดึงไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่ และติดอันดับยอดดาวรุ่งของโลกจากสื่อดังอย่าง The Guardian
ทว่า ฤดูกาลนี้ นาคาอิ กลับมีสถานะเป็นนักเตะดิวิชั่น 5 ของสเปน อะไรที่ทำให้ดาวเตะที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเทียบชั้นกับ ทาเคฟุสะ คุโบะ มาถึงจุดนี้
ติดตามไปพร้อมกัน
รุ่นน้อง คุโบะ
มันคือปรากฎการณ์ ความหวังใหม่ หรืออะไรก็ตาม แต่ในปี 2014 คือหมุดหมายสำคัญของฟุตบอลญี่ปุ่น เมื่อพวกเขาผู้เล่นอยู่ในทีมเยาวชนของ บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด พร้อมกัน
รายแรกคือ ทาเคฟุสะ คุโบะ ที่ต่อมาก้าวมาเป็นตัวหลักของทีมชาติญี่ปุ่น ขณะที่อีกคนคือ ทาคุฮิโร นาคาอิ ที่ถูกราชันชุดขาวดึงตัวมาตั้งแต่อายุเพียง 11 ปี
"เขาเข้ามาทดสอบฝีเท้าในทีมชุดอายุต่ำกว่า 11 ปี และผมก็ประทับใจมากกับคุณสมบัติด้านเทคนิคของเขา" โฆเซ มานูเอล ลารา โค้ชเยาวชน เรอัล มาดริด กล่าวกับ Goal
"ตอนที่เขาขยับขึ้นมาเล่นรุ่น 12 ปี ผมก็มีโอกาสได้ฝึกสอนเขา และได้เห็นว่าเรามีเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ที่พิเศษมากๆ"
นาคาอิ หรือ ปิปี้ มีพัฒนาการที่น่าสนใจ เพราะเขาใช้เวลาไม่นาน ก็ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ในสเปน และลงเล่นให้เยาวชนมาดริด ตั้งแต่ U17 และ U19 จนกระทั่งในปี 2020 เขาก็ถูก ซีเนดีน ซีดาน กุนซือของทีมในตอนนั้นเรียกตัวไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ด้วยวัยเพียง 16 ปี

จากนั้นในปี 2022 ปิปี้ ก็ถูกวางไว้ว่าน่าจะเป็นอนาคตใหม่ของ มาดริด เต็มตัว หลังได้รับการต่อสัญญายาวออกไปจนถึงปี 2025 ก่อนที่ในฤดูกาล 2022/2023 เขาจะถูกดันขึ้นมาเล่นใน กาสติญา เบ หรือทีมสำรองของสโมสร ที่เล่นอยู่ในดิวิชั่น 2 ของสเปน
อนาคตของเขาดูจะสดใส และถูกคาดหมายว่าอาจจะเป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรก ที่ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ มาดริด สถิติที่แม้แต่รุ่นพี่อย่าง คุโบะ (ที่ย้ายมามาดริด ในปี 2019) ยังทำไม่ได้
อย่างไรก็ดี นี่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้าย
จากดาวโรจน์สู่ดาวร่วง
แม้จะถูกดันขึ้นมาเล่นในทีมเยาวชนของ มาดริด ตามลำดับแบบไม่ข้ามขั้น แต่สำหรับ กาสติญา เบ ดูจะใหญ่เกินไปสำหรับดาวเตะชาวญี่ปุ่นรายนี้
เขาแทบไม่ได้รับโอกาสจาก ราอูล กอนซาเลซ กุนซือของทีมในตอนนั้น ทั้งที่ทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาในทีมชุด U15 และได้ลงสนามไปเพียงแค่ 2 เกมในฤดูกาลดังกล่าว
เพื่อหาเกมลงเล่น ทำให้ฤดูกาลต่อมา ปิปี้ ตัดสินใจย้ายไปเล่นให้ ราโย มาญาดาฮอนดา ในดิวิชั่น 3 ของสเปน ด้วยสัญญายืมตัว แต่ก็ไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งออกมา หลังลงเล่นไป 18 เกม (ตัวจริง 5 เกม) และยิงประตูไม่ได้เลย
แต่ นาคาอิ ก็ไม่ได้ยอมแพ้ เมื่อในฤดูกาล 2024/25 เขาถูกปล่อยให้ เอสดี อโมเรียเบียตา ทีมระดับ ดิวิชั่น 3 ยืมตัวไปใช้งาน และสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมในช่วงต้นฤดูกาลได้
ทว่า ไม่รู้ว่าโชคไม่เข้าข้างหรืออะไร เพราะหลังจากกุนซือที่ดึงตัวเขามาร่วมทีมถูกปลด ปิปี้ ก็แทบไม่ได้รับโอกาสอีกเลย ก่อนจะปิดฉากกับทีมด้วยการลงเล่นไปเพียง 11 เกม และถูกส่งกลับมาในช่วงพักครึ่งฤดูกาล
แม้ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง เขาจะถูกส่งให้ ราโย คอนตาเบรีย ในดิวิชั่น 4 ยืมตัวไปใช้งาน แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้ต่างจากเดิม เมื่อเขาได้ลงเล่นไปแค่ 7 เกม รวม 370 นาทีเท่านั้น

สุดท้ายเมื่อกลับมา มาดริด เขาก็ไม่ได้ต่อสัญญา และถูกปล่อยตัวออกจากสโมสรหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนจะสร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการเซ็นสัญญากับ เลนาเนส เบ ในดิวิชั่น 5 ของสเปน เรียกว่าลดระดับอย่างน่าใจหาย
ทั้งที่มีเทคนิคและฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม แต่คำถามคือทำไมมิดฟิลด์ชาวญี่ปุ่นจึงไม่ประสบความสำเร็จกับ มาดริด หรือย้ายไปเติบโตกับทีมอื่นเหมือนรุ่นพี่อย่างคุโบะ
เหตุผลสำคัญคือพัฒนาการที่หยุดชะงัก เพราะตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับมาดริด หรือปล่อยยืมตัว เขาแทบไม่ได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง ต่างจากคุโบะ ที่สามารถยึดตัวจริงได้เกือบทุกทีมที่ไปเล่น
นอกจากนี้ร่างกายสไตล์การเล่น ที่ไม่เหมาะกับลีกสเปน เพราะแม้ ปิปี้ จะมีเทคนิคที่ยอดเยี่ยม แต่ร่างกายยังไม่แข็งแกร่งพอ โดยเฉพาะในลีกล่างที่เน้นเรื่องพละกำลัง
เรียกว่าน่าเสียดายสำหรับนักเตะที่เคยเป็นความหวังใหม่ของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น แต่กลับต้องลงมาเล่นในลีกระดับดิวิชั่น 5 ของสเปน
อย่างไรก็ดี ปิปี้ ก็ยังไม่ถือว่าหมดหวังเสียทีเดียว เพราะเขาเพิ่งจะอายุเพียงแค่ 21 ปี ซึ่งถือว่าเริ่มต้นสำหรับชีวิตนักฟุตบอลอาชีพเท่านั้น
แถมหากสามารถรีดฟอร์มในสีเสื้อของทีมสำรองของ เลกาเนส เขาก็มีโอกาสถูกดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของ เลกาเนส ซึ่งเล่นอยู่ในระดับ ลาลีกา อีกด้วย
ก็คงต้องเป็นกำลังใจให้กับ ปิปี้ ให้เค้นฟอร์มออกมาให้ได้กับโอกาสในครั้งนี้ เพื่อกลับมาเป็นความหวังใหม่ของญี่ปุ่นได้อีกครั้ง