ปล้น ซ่า ค้าของโจร : เปิดชีวิตโลกใต้ดินสุดจิ๊กโก๋ของ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์

Francis Phumin

ปล้น ซ่า ค้าของโจร : เปิดชีวิตโลกใต้ดินสุดจิ๊กโก๋ของ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ image

ช่วงต้นปี 2000s จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ จัดเป็นกองหน้าระดับตีนพระกาฬ หลังตะบันประตูแบบถล่มถลาย โดยเฉพาะกับ เชลซี ที่ยิงไป 87 ประตู จาก 177 นัดรวมทุกราการ จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในตำนานของสิงห์บลูส์

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่หัวหอกทีมชาติเนเธอร์แลนด์รายนี้จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ ในช่วงวัยกำลังห้าวเขาเคยพัวพันกับโลกสีเทาและคบหากับกลุ่มเพื่อนเกเรถึงขนาดเข้าคุกเข้าตารางมาแล้ว

ชีวิตของ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ ผ่านอะไรมาบ้าง และเขาออกมาจากชีวิตตรงนั้นได้อย่างไร? ติดตามเรื่องราวชีวิตของอดีตดาวยิง เชลซี ได้ที่นี่

ชีวิตโลกใต้ดินสุดจิ๊กโก๋ของ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์

ครอบครัวของ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ เกิดที่ประเทศซูรินาม ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่ซานดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ขณะที่เขาอายุ 6 ขวบ และเนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีนึก จึงทำให้ตัวเขาคบค้าสมาคมกับกลุ่มเพื่อนเกเรจนถลำลึกไปมากกว่านั้น

“เหมือนกับเมืองส่วนใหญ่ มีทั้งคนรวยและคนจน เราเคยอยู่ในพื้นที่ยากจนที่มีคนจากซูรินาม ตุรกี และโมร็อกโกอยู่มากมาย เราอาศัยอยู่ในตึก 14 ชั้น” จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ เปิดใจผ่าน The Guardian ในปี 2005

“บางครั้งผมเล่นฟุตบอลอยู่ด้านหลังกับเพื่อน ๆ แล้วเห็นคนล้มตาย เราเห็นคนฆ่าตัวตาย 2-3 ครั้ง แต่เราก็ไม่แปลกใจเลย เพราะที่นั่นมีคนที่จิตใจแตกสลายเยอะมาก และมีเรื่องร้าย ๆ ตลอดเวลา

Jimmyfloydhasselbaink

“ผมพกมีดติดตัวตลอด แต่ไม่เคยใช้เลย เพราะจริง ๆ แล้วแค่ให้ทำดูเท่เท่านั้นเอง แต่ไม่เคยพกปืนเลยนะ เพราะผมกลัวปืนมาก ผมเคยเห็นคนถูกยิงในรถกลางถนนเลย”

“จริง ๆ แล้วผมเป็นคนเรียนเก่ง แต่สิ่งสำคัญกว่าคือต้องดูเท่ ซึ่งมันโง่มาก และมันยากลำบากสำหรับแม่ผม เธอต้องเลี้ยงดูลูก 6 คนที่มาจากซูรินาม พ่อผมซึ่งนิสัยไม่ดี ยังอยู่ซูรินามอยู่ และนั่นคือเหตุผลที่ผมเลือกทางที่ผิด”

“คืนหนึ่งเราไปอัมสเตอร์ดัมเพื่อดูคอนเสิร์ต Public Enemy เราไม่มีตั๋วเลยต้องไปขโมยจากคนอื่น แต่คนที่เราขโมยตั๋วไปกลับแจ้งตำรวจ จากนั้นตำรวจจึงไปค้นบ้านผมและพบกับนาฬิกาและวิทยุรถยนต์ ใช่ ผมเคยค้าของโจร”

“ผมไปขึ้นศาลและยืนต่อหน้าผู้พิพากษา เธอส่งผมไปที่ศูนย์กักขังเป็นเวลา 3 เดือน ผมแกล้งทำเป็นว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่จริง ๆ แล้วผมกลัวชิบเป๋งเลย ผมมีความรู้สึกสะเทือนใจตอนที่เดินเข้าไปในห้องอันน่ากลัว”

“ผมต้องอยู่ร่วมกับผู้ชายอีก 3 คน คนหนึ่งสติแตก เขาไม่ได้แสดงความรุนแรงก็จริง แต่คุณต้องคอยสังเกตเขาอย่างใกล้ชิด เขาเป็นชาวโมร็อกโก และคุณไม่มีทางรู้เลยว่าเขากำลังตะโกนอะไรอยู่ เพราะเขาพูดภาษาดัตช์ไม่ได้”

“เมื่อผมออกมาจากคุก ผมใช้เวลานานมากกว่าจะฝึกวินัยได้ แต่ฟุตบอลเป็นสิ่งเดียวที่ผมสัญญากับแม่ว่าผมจะทำอะไรที่ดีกว่าในชีวิตได้”

หลังออกจากคุก จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ ก็มุ่งมั่นบนเส้นทางลูกหนังอย่างเต็มที่ และถอยห่างจากชีวิตสีเทาแบบเต็มตัว ก่อนได้รับโอกาสจาก เทลสตาร์ เวลเซน กระทั่งแจ้งเกิดในเวลาต่อมา

“ผมอยากเล่าเรื่องราวทั้งหมด ผมอยากเล่าชีวิตของตัวเองให้ตรงตามความเป็นจริง และมันก็ไม่ได้ดีเสมอไป ผมอยากพูดคุยกับเด็ก ๆ ที่กำลังเผชิญความยากลำบากในชีวิต เพราะผมรู้ดีว่าพวกเขากำลังเผชิญกับอะไรอยู่” อดีตหัวหอก เชลซี เขียนไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติ

“เป็นเรื่องง่ายสำหรับเด็ก ๆ ที่จะจมอยู่กับเรื่องแย่ๆ ในชีวิต ผมเคยทำแบบนั้นอยู่พักหนึ่ง แต่ผมก็ได้เรียนรู้ว่ายังมีเรื่องดี ๆ อยู่เช่นกัน ผมเรียนไม่จบ ผมทำผิดพลาดครั้งใหญ่ และผมไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำ”

“ฟุตบอลเป็นสิ่งเดียวที่เปลี่ยนชีวิตผมไปอย่างสิ้นเชิง ผมไม่รู้แน่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฟุตบอลไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม แต่ผมก็พอเดาได้อยู่ ฟุตบอลเป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่ผมมี แต่เมื่อคุณเริ่มเล่น ชีวิตของคุณก็จะมีจุดมุ่งหมาย”

“ฟุตบอลทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น และผมซาบซึ้งในทุกสิ่งที่กีฬามอบให้ ผมคือหลักฐานที่มีชีวิตที่พิสูจน์ว่าฟุตบอลสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้”

บทความที่เกี่ยวข้อง

Francis Phumin

นักเขียน The Sporting News Thailand ผู้ที่หลงไหลในเสน่ห์ของฟุตบอล