สู่ยุคปฏิวัติ : ลิเวอร์พูลในมือ อาร์เนอ ชล็อต จะเปลี่ยนไปอย่างไรในฤดูกาล 2025/26

Nopphasin Kulabburi

สู่ยุคปฏิวัติ : ลิเวอร์พูลในมือ อาร์เนอ ชล็อต จะเปลี่ยนไปอย่างไรในฤดูกาล 2025/26 image

การปฏิวัติ... มักเกิดขึ้นเมื่อทีมล้มเหลว หรืออย่างน้อยก็สะดุด แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่แอนฟิลด์ในซัมเมอร์นี้ กลับสวนทางกับตรรกะนั้นอย่างสิ้นเชิง
นี่คือทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกหมาด ๆ ที่กำลัง “รื้อ” และ “สร้าง” ไปพร้อมกัน

การปฏิวัติของหงส์แดงครั้งใหญ่พร้อมภารกิจป้องกันแชมป์

ย้อนกลับไปวันสุดท้ายของฤดูกาลที่ผ่านมา อาร์เนอ ชล็อต เดินออกมาจากห้องแต่งตัวพร้อมรอยยิ้ม เสียงเพลงฉลองแชมป์ยังดังอยู่ เขาถูกถามทันทีว่า ฤดูกาลหน้าจะต่อยอดอย่างไร

“การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่? คุณคงไม่ได้เห็นหรอก”
“มันคงแปลกไปหน่อยถ้าคุณเพิ่งคว้าแชมป์ลีกมา”

แต่แค่ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น ลิเวอร์พูลก็เดินเข้าสู่ซัมเมอร์ที่ใช้เงินมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้ — เกิน 250 ล้านปอนด์ เพื่อดึง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์, เยเรมี ฟริมปง, มิโลส เคอร์เคซ และ อูโก้ เอกิติเก้ พร้อมเล็ง อเล็กซานเดอร์ อิซัค ในดีลที่จะทุบสถิติค่าตัวสูงสุดอังกฤษ

นี่ไม่ใช่ภาพคุ้นตาของ “ลิเวอร์พูลยุคประหยัด” ที่ใช้จ่ายอย่างระมัดระวังตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ลิเวอร์พูลที่เราเคยรู้จัก... ไม่ใช่แบบนี้

ตั้งแต่ปี 2000 พวกเขาเคยครองตำแหน่งทีมใช้เงินมากที่สุดในตลาดซัมเมอร์เพียงครั้งเดียว (ปี 2018) และโดยทั่วไปแล้ว ทีมที่เพิ่งคว้าแชมป์ลีก มักไม่ใช่ผู้ทุ่มซื้อมากที่สุดในตลาดถัดไป ตัวอย่างใกล้เคียงที่สุดคือ แมนฯ ซิตี้ ปี 2019 หรือ แมนฯ ยูไนเต็ด ปี 2007

แต่ปีนี้แตกต่าง ลิเวอร์พูลไม่ได้แค่ “เติม” พวกเขากำลัง “ยกเครื่อง”
ริชาร์ด ฮิวจ์ส ผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ ส่งสัญญาณชัดเจนด้วยการทุ่มสถิติประเทศให้เวิร์ตซ์ ตามด้วยฟริมปง, เคอร์เคซ, เอกิติเก้ และอาจต่อด้วยอิซัคก่อนตลาดปิด 1 กันยายน

แม้จะได้เงินกลับจากการขาย หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูนเญซ, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และคนอื่น ๆ รวมราว 168 ล้านปอนด์ แต่ในสายตาหลายคน นี่คือการเคลื่อนไหวที่ “แรง” เกินภาพจำของสโมสร

มากเกินไปหรือพอดี?

คำถามแรกที่เกิดขึ้นคือ พวกเขากำลังเสริมมากไปหรือเปล่า? เจมี คาร์ราเกอร์ ยังอดพูดไม่ได้ว่าการล่าอิซัคทั้งที่เพิ่งได้เอกิติเก้

“มันไม่ค่อยใช่ลิเวอร์พูล”

แต่ในอีกมุม นี่คือการตอบสนองต่อความจริงที่ว่า ทีมเพิ่งเสียกองหน้าหลักไปจากโศกนาฏกรรม  การจากไปของดิโอโก้ โชตา เมื่อ 3 กรกฎาคม รวมถึงการเสริมเพื่อรับมือกับความจริงที่ ฟาน ไดค์อายุ 34, โกนาเต้เหลือสัญญาแค่ปีหน้า และแนวรับยังมีช่องโหว่ ฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูลยิงประตูมากที่สุดในลีกแล้ว และถ้าการเสริมทัพครั้งนี้สำเร็จ พวกเขาจะมี “อาวุธ” ที่โหดกว่าเดิม

ปฏิวัติจากจุดสูงสุด

จากทีมที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในปีแรกของสลอต ปีนี้เขาต้องเจอกับความท้าทายที่ตรงข้าม  การปฏิวัติครั้งใหญ่ พร้อมแรงกดดันมหาศาลที่จะต้องรักษาตำแหน่งบนยอดให้ได้

โดยปกติ ทีมที่เพิ่งคว้าแชมป์มักจะเลือก “นิ่ง” เพื่อรักษาสมดุล แต่ลิเวอร์พูลในปีนี้กลับเลือก “เร่ง” เพื่อยกระดับ ถ้าพวกเขาทำสำเร็จ นี่จะไม่ใช่แค่การป้องกันแชมป์ แต่เป็นการประกาศว่า 

“คุณสามารถปฏิวัติได้ แม้อยู่บนจุดสูงสุด”

Nopphasin Kulabburi

นักเขียน Sporting News Thailand ที่ติดตามทั้งกีฬาฟุตบอล, บาสเก็ตบอล รวมถึงแวดวงอีสปอร์ต