ทัฟฟาเรล: โกลแชมป์โลกที่ถูกกีดกัน จนกลายเป็นดาวซัลโวที่อิตาลี

Maruak Tanniyom

ทัฟฟาเรล: โกลแชมป์โลกที่ถูกกีดกัน จนกลายเป็นดาวซัลโวที่อิตาลี image

นอกจากเป็นอดีตโค้ชผู้รักษาประตูของ ลิเวอร์พูลแล้ว เคลาดิโอ ทัพฟาเรล ก็มีดีกรีเป็นถึงนายทวารแชมป์โลก หลังคว้าถ้วยเวิลด์คัพกับทีมชาติบราซิล ในปี 1994 

ทว่า ครั้งหนึ่งนายด่านผู้นี้ เคยผันตัวไปเล่นเป็นกองหน้า แถมเจ้าตัวยังทำได้ดีจนคว้าตำแหน่งดาวซัลโวในทัวร์นาเมนต์ของแดนมะกะโรนี 

มันเกิดขึ้นขึ้นได้อย่างไร? ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกัน 

โกลแชมป์โลก 

หากจะพูดถึงนักเตะบราซิลที่ถูกยกย่องน้อยกว่าความเป็นจริง เคลาดิโอ ทัพฟาเรล คือหนึ่งในนั้น เขาเริ่มค้าแข้งกับ อินเตอร์นาซิอองนาล ในบ้านเกิด ก่อนจะย้ายมาค้าแข้งในยุโรปกับ ปาร์มา ในปี 1990 

ทว่า การย้ายทีมของเขามีความซับซ้อนกว่านั้น เมื่อจากรายงานของ La Gazzetta dello Sport ระบุว่า เหตุผลที่ ทัพฟาเรล ได้มาเล่นที่ปาร์มา เนื่องมาจาก Parmalat บริษัทเกี่ยวกับอาหาร ซึ่งเป็นเจ้าของทีม อยากขยายตลาดไปบราซิล จึงมองหาผู้เล่นของที่นั่น ก่อนที่หวยจะมาออกที่เขา 

แต่ถึงอย่างนั้น ทัฟฟาเรล ก็แสดงให้เห็นว่าเขามีดีกว่าการเป็นเครื่องมือทางการตลาด เมื่อลงช่วยทีมครบทั้ง 34 นัดในฤดูกาล 1990/91 พร้อมทำ 19 คลีนชีต ช่วยให้ ปาร์มา ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา จบในอันดับ 6 ของตาราง พร้อมได้สิทธิ์ไปเล่น ยูฟ่า คัพ (ยูโรปาลีกในปัจจุบัน) 

ฤดูกาลต่อมา ทัพฟาเรล ยังคงยึดตำแหน่งผู้รักษาประตูตัวจริงของ ปาร์มา ไว้อย่างเหนียวแน่น และทำอีก 13 คลีนชีท รวมถึงเซฟอุตลุตในบอลถ้วย พา “จัลโล บลู”  คว้าแชมป์โคปา อิตาเลีย ได้อีกสมัย 

แต่ราวกับโชคชะตาเล่นตลก เมื่อในฤดูกาลที่ 3 ปาร์มา ดึงตัว ฟาอุสติโน อัลปริยา กองหน้าชาวโคลอมเบีย เข้ามาเสริมทีม และทำให้ โควต้าต่างชาติ (ยุคนั้นอิตาลีจำกัดโควต้านักเตะต่างชาติไว้ที่ 3 คน) ของ ทัฟฟาเรล ต้องหลุดมือไป 

โกลชาวบราซิล ได้ลงเล่นแค่เพียง 8 เกมในฤดูกาลดังกล่าว และเพื่อไม่ให้ต้องเสียตำแหน่งในทีมชาติ ซีซั่นต่อมา ทัฟฟาเรล จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ เรจจินา ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา ด้วยสัญญายืมตัว 

แม้ว่า ทัฟฟาเรล จะเสียประตูมากขึ้นที่ เรจจินา แต่มันก็ยังดีพอที่จะทำให้เขาติดทีมชาติบราซิล ไปเล่นฟุตบอลโลก 1994 รอบสุดท้ายที่ สหรัฐอเมริกา 

และทัฟฟาเรล ก็ตอบแทนความไว้ใจของ คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรย์รา หลังเสียไปเพียง 3 ประตูตลอดทั้งทัวร์นามเนต์ ก่อนจะเซฟจุดโทษของ ดาเนียล มาสซาโร พาบราซิลผงาดคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ 

อย่างไรก็ดี แม้จะมีดีกรีเป็นแชมป์โลก แต่เขาก็ยังตกงาน 

ดาวซัลโวที่อิตาลี

อันที่จริง ทัฟฟาเรล เป็นนักเตะที่ถูกตั้งแง่มาตั้งแต่ โดยเฉพาะสื่อบราซิล ซึ่งเป็นผลพวงมาจากเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของขุนพลแซมบ้า ที่ล้มเหลวในฟุตบอลโลก 1990  

“ผู้เล่นทุกคนที่อยู่ที่นั่นเศร้ากับปี 90 มาก ในฐานะทีมและ 11 ตัวจริง เราคือทีมชาติที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลก เรามีนักเตะเยี่ยมๆ มากมาย แม้กระทั่งที่ม้านั่งสำรอง” ทัฟฟาเรล กล่าวกับ FIFA.com

“แต่เราทะเลาะกันในการซ้อม รวมถึงปัญหาเรื่องอื่นๆ และโชคร้าย แทนที่จะจะเล่นเป็นทีม แต่ผู้เล่นแต่ละคนกลับเล่นเพื่อตัวเอง” 

บวกกับก่อนฟุตบอลโลก 1994 จะเริ่มขึ้น ทัพฟาเรล ได้ย้ายไปเล่นให้ เรจจินา ทีมท้ายตาราง ซึ่งไม่แฟนบอลและสื่อในบ้านเกิดของเขา มองว่าไม่สมศักดิ์ศรีกับการเป็นนายทวารมือหนึ่งทีมชาติบราซิล 

ทำให้แม้ว่าเขาจะช่วยเซฟให้ บราซิล คว้าแชมป์โลก แต่ ทัฟฟาเรล ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับมากนัก แถมตอนกลับมาอิตาลี เรจจินา ก็ไม่เหลือที่ว่างให้เขา เมื่อทีมคว้า ซันเดย์ โอลิเซ เข้ามาในโควต้าต่างชาติคนใหม่ 

บางกระแสลือกันว่าเนื่องมาจาก ทัฟฟาเรล ทำให้ อิตาลี พลาดการเป็นแชมป์โลก เขาจึงโดนเขี่ยพ้นทีม แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้แต่อย่างใด 

หลังตกงาน ทัฟฟาเรล ก็ยังใช้ชีวิตต่อที่อิตาลี เพื่อรอข้อเสนอที่เหมาะสม อันที่จริงตอนนั้นก็มีสโมสรจากสหรัฐฯ และญี่ปุ่นติดต่อมา แต่เขาอยากเล่นในยุโรปต่อ จึงปฏิเสธไป 

แต่สุดท้าย นายด่านแชมป์โลก ก็ทนความคิดถึงต่อฟุตบอลไม่ไหว จึงกลับมาสวมสตั๊ดไปเล่นให้ทีมของโบสถ์ในท้องถิ่นอิตาลี เพียงแต่ว่าไม่ใช่ตำแหน่งผู้รักษาประตู แต่เป็นกองหน้าตัวเป้า 

และ ทัฟฟาเรล ก็ทำได้ดีกว่าที่หลายคนคิด  เมื่อโกลทีมชาติบราซิลจัดการยิงไปถึง 15 ประตูจาก 7 เกมในทัวร์นาเมนต์ พร้อมพาทีมโบสถ์คว้าแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่ 

“ผมตกงานอยู่ 7 เดือน ลองคิดดู แชมป์โลกที่ไม่มีสโมสรเล่น มันเหลือเชื่อมาก” ทัฟฟาเรล ที่สวมหมายเลข 10 ให้ทีมโบสถ์ ย้อนความหลังกับ The Guardian 

“สุดท้ายผมลงเอยกับการเล่นให้ทีมโบสถ์ที่ผมสังกัดอยู่ มันแค่ความสนุกเท่านั้น ผมขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้า และยิงไป 15 ประตูจาก 7 เกม” 

แต่นั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ ทัฟฟาเรล ลงเล่นในตำแหน่งดังกล่าว เมื่อหลังจากนั้นเขากลับไปค้าแข้งกับ แอตเลติโก มิเนโร ในบ้านเกิด ก่อนจะได้กลับมาเล่นในยุโรปอีกครั้งกับ กาลาตาซาราย ที่ก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ ยูฟ่า คัพ 2000 และแขวนสตั๊ดกับ ปาร์มา ในปี 2003 

ส่วนในนามทีมชาติ เขายังติดทัพไปเล่นในฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส ที่สุดท้ายบราซิลได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์ แต่เขาก็ยังสามารถจารึกสถิติเป็นผู้รักษาประตูที่ลงเล่นมากที่สุดในฟุตบอลโลก ที่ 18 นัด ก่อนจะมาถูก อูโก โยริส และ มานูเอล นอยเออร์ ทำลายในเวลาต่อมา 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Maruak Tanniyom

ลีดส์ ยูไนเต็ด, ญี่ปุ่น, มังงะ