ในโลกของฟุตบอลระดับสูง ความสามารถอย่างเดียวไม่พอ
“ทัศนคติ” คือสิ่งที่ตัดสินว่าใครจะขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด และใครจะหายไปจากแสงไฟ
บทเรียนครั้งสำคัญกลางโรงอาหาร ของเด็กวัย 16 ปี
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมผู้พาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองความยิ่งใหญ่ในยุค 90s และ 2000s รู้เรื่องนี้ดี — และเขาไม่เคยลังเลที่จะถ่ายทอดบทเรียนเหล่านั้นให้กับนักเตะที่พร้อมจะฟัง...ไม่ว่าจะเป็นนักเตะระดับ เวย์น รูนี่ย์ หรือ เดวิด เบ็คแฮม หรือแม้แต่ ดาวรุ่งโนเนมวัย 16 ปีคนหนึ่งชื่อ ร็อบบี้ เบรดี้ (Robbie Brady)
เรื่องนี้เกิดขึ้นในวันธรรมดาวันหนึ่งที่สนามซ้อมแคร์ริงตัน
ร็อบบี้ เบรดี้ ดาวรุ่งชาวไอริชเพิ่งย้ายมาอยู่กับยูไนเต็ดหลังอายุครบ 16 ปี เขาเข้าแคมป์เยาวชน และเหมือนเด็กหลายคนที่ฝันอยากก้าวขึ้นทีมชุดใหญ่ให้ได้
ในวันนั้น เขากำลังเข้าแถวรออาหารในโรงอาหารของสโมสร
แล้วจู่ ๆ ก็มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เดินมาตัดหน้าเข้าคิว
เบรดี้ไม่พูดอะไร ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ทั้งสิ้น เขา "ยอม" ให้โรนัลโด้แซงคิวไปเฉย ๆ ด้วยความเคารพต่อสตาร์ของทีม
แค่เรื่องแซงคิว แต่ไม่ใช่กับเฟอร์กูสัน
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และสิ่งที่เขาพูดกับเบรดี้หลังจากนั้น คือบทเรียนชีวิตที่ติดตัวเบรดี้ไปตลอด
“ฉันอยากให้เธอคิดว่าตัวเองเก่งกว่าเขา”
“เธอควรเชื่อว่าเธอจะแย่งตำแหน่งของเขาให้ได้ อย่าไปยอมคนอื่นแบบนั้นอีก”
มันไม่ใช่แค่เรื่องคิวอาหาร แต่มันคือ ทัศนคติของนักฟุตบอลที่อยากขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด
เพราะถ้าคุณยังรู้สึก “ตัวเล็ก” ตั้งแต่ยืนอยู่ในคิว...
คุณจะไม่มีวัน “ตัวใหญ่” พอจะอยู่ในสนามเดียวกันกับคนอย่างโรนัลโด้ได้
เส้นทางหลังจากนั้น
แม้เบรดี้จะไม่สามารถแจ้งเกิดกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้เต็มตัว และลงเล่นไปเพียง 1 นัดเท่านั้นก่อนจะถูกปล่อยยืมและย้ายถาวรไป ฮัลล์ ซิตี้
แต่เขาก็เติบโตมาเป็นนักเตะที่เคยผ่านทั้ง นอริช, เบิร์นลี่ย์, บอร์นมัธ และปัจจุบันอยู่กับ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ ในแชมเปียนชิพ
ในปี 2015 เขาย้อนความหลังว่า
ตอนนั้นเขายังเด็กเกินไป ยังเกร็งเกินไป และยังไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าการเป็นนักเตะระดับแมนฯ ยูไนเต็ด “ต้องใช้ใจแบบไหน”
“ช่วงเวลานั้นกับยูไนเต็ดคือบทเรียนสำคัญ มันทำให้ผมโตขึ้น และเข้าใจว่าคุณต้องแข็งแกร่งทั้งร่างกายและความคิด ถ้าจะอยู่ในระดับสูง”
บทความที่เกี่ยวข้อง