หลังจากถูก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ปล่อยยืมมาอยู่กับ ระยอง เอฟซี ก็ทำให้ ‘เสกสรรค์ ราตรี’ ได้ปล่อยของอย่างเต็มที่ จนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทั้งต้นสังกัด, ทีมชาติไทย U23 และล่าสุดกับทีมชาติชุดใหญ่
แต่รู้หรือไม่ว่ากว่าที่มิดฟิลด์วัย 22 ปี จะก้าวมาเป็นอนาคตของทีมชาติไทยอย่างในวันนี้ ในวัยเด็ก "กอล์ฟ" ได้คุณลุงของพี่ตูน Bodyslam หยิบยื่นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตมาให้
เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นเช่นไร? ติดตามได้ที่นี่
โอกาสจากลุงพี่ตูน
“กอล์ฟ” เสกสรรค์ ราตรี เกิดที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนอนุบาลด่านช้าง และเริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังที่สถาบันแห่งนี้ โดยมีความฝันว่าเมื่อขึ้นชั้นมัธยมจะต้องไปศึกษาต่อที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรีให้ได้
แต่ด้วยความที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นดั่งจุดหมายปลายทางของเยาวชนนับร้อยชีวิต จึงทำให้ เสกสรรค์ ไม่ผ่านการคัดเลือก และต้องเข้าศึกษาที่โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1 แทน
อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้น “กอล์ฟ” ได้โอกาสครั้งสำคัญในชีวิต เมื่อ คุณอภิรักษ์ คงมาลัย ซึ่งเป็นคุณลุงของพี่ตูน Bodyslam ได้ให้โอกาสเขาเข้ามาอยู่โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรีตามความฝัน หลังเห็นฝีเท้ามาตั้งแต่เด็ก และอยากส่งเสริมเด็กหนุ่มจากอำเภอด่านช้างรายนี้
“ผมก็เล่นฟุตบอลเรื่อย ๆ ครับ จน ป.6 ก็เริ่มไปหาที่เรียน ตอนแรกจะเข้า ม.1 ที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี แต่คัดไม่ติด เลยไปเข้าที่โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1” เสกสรรค์ ราตรี กล่าวผ่าน Fox Hunt
“พออยู่ได้เทอมนึง ผมก็ได้มาอยู่กับ โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี เพราะผู้จัดการของรถมาสด้าในจังหวัด ซึ่งเป็นลุงของพี่ตูน บอดี้แสลม (คุณอภิรักษ์ คงมาลัย) เขาอยากส่งเสริมผม”
“เนื่องจากเห็นฝีเท้าตอนอายุ 12 ปี ที่ไปลงแข่งฟุตบอลให้กับทีม มาสด้า สุพรรณบุรี ในรายการ ไพร์มินิสเตอร์ จนได้แชมป์รอบภาค ในภาคกลางครับ ผมเลยได้โอกาสมาอยู่กับ โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี”
“จากนั้น ผมก็เล่นให้โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรีหมดเลยครับ ทุกรายการที่โรงเรียนส่ง ในตำแหน่งกองกลางครับ ซึ่งผมจะเล่นได้ทั้งรับ และรุก จนมาเล่นรายการ คิง เพาเวอร์ คัพ 2018”
ฟุตบอลทีมชาติไทย
แม้ในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวโรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรีจะตกรอบภาค แต่ เสกสรรค์ ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ จนทำให้เขาติดเป็น 1 ใน 10 เยาวชนของโครงการ Fox Hunt รุ่น 4 ที่เดินทางสู่เลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เพื่อฝึกทักษะฟุตบอล 2 ปี
“ตอนแรกที่ติด 33 คนสุดท้าย ได้เข้าแคมป์ที่กิเลน วัลเลย์ ก็ดีใจอยู่ครับ แต่ก็แอบงง ๆ ว่า ติดได้ยังไง เพราะทีมก็ตกรอบภาค แต่เมื่อได้เข้าแคมป์ก็คิดว่า เราจะทำให้ดีที่สุดครับ และสุดท้ายก็สามารถติด 1 ใน 10 คนสุดท้าย”
“จุดเด่นของผม คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการครองบอล และหาจังหวะจ่ายบอลให้เพื่อนได้ครับ แต่ก็มีจุดอ่อนที่ผมต้องปรับที่อังกฤษเลย ก็คือสภาพร่างกาย และแรงปะทะ ที่อยากจะทำให้ดีกว่าเดิมครับ”
แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ณ เวลานั้น ทำให้โครงการต้องถูกยกเลิกอย่างน่าเสียดาย แต่อย่างไรก็ดี ไม่นานหลังจากนั้นฝีเท้าของ เสกสรรค์ ก็ไปเข้าตาทีมงาน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ดึงตัวไปร่วมทีมในที่สุด
“ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดพอดีครับ โครงการมันเลยยุติลงไม่ได้ไปต่อ แต่ช่วงนั้นเรียกว่าโชคดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมได้ติดแคมป์ทีมชาติ แล้วก็เล่นดี โชว์ฟอร์มดี ทาง บุรีรัมย์ ก็ให้พี่หนุน (ชนน์ชนก ชิดชอบ) ไปดูฟอร์ม และพี่หนุนก็เอามาอยู่ บุรีรัมย์” กัปตันทีมชาติไทย U23 เล่าผ่านรายการ GU Talk
“ตอนนั้นอุ่นเครื่องกับ เมืองทอง U23 พอแข่งเสร็จจะเดินกลับที่พัก พี่หนุนก็เดินมาถามว่า ‘สนใจไปอยู่ บุรีรัมย์ ไหม?’ ตอนแรกผมก็บอกว่าขอคิดก่อน แต่สุดท้ายก็มาที่ บุรีรัมย์ ครับ”
หลังย้ายมาอยู่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เสกสรรค์ ราตรี ก็เรียนรูจากพี่ ๆ และค่อย ๆ พัฒนาฝีเท้าจนก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ และได้มีโอกาสลงสนามในทุกรายการกับปราสาทสายฟ้า ไม่เว้นแต่ เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก อีลิท ก่อนที่ในฤดูกาลนี้จะย้ายมาอยู่กับ ระยอง เอฟซี ภายใต้สัญญายืมตัว