ด้วยผลงานการพา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าทริปเปิลแชมป์ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ก่อนได้โอกาสมาคุมทีมชาติไทยชุดใหญ่ คงไม่มีใครปฏิเสธว่า มาซาทาดะ อิชิอิ เป็นหนึ่งในกุนซือมากฝีมือคนหนึ่ง
แต่หากให้พูดถึงผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ของกุนซือชาวญี่ปุ่นรายนี้ในการทำงานที่แผ่นดินสยาม คงต้องย้อนกลับไปในฤดูกาล 2020-21 ที่เขาได้เปลี่ยนให้ สมุทรปราการซิตี้ กลายเป็นทีมที่น่าจับตามองที่สุดในศึกไทยลีก
เรื่องราวในวันนั้นเป็นเช่นไร? ติดตามได้ที่นี่
ยอดฝีมือที่ญี่ปุ่น
ก่อนย้ายมาทำงานที่ประเทศไทย มาทาซาดะ อิชิอิ นับเป็นกุนซือฝีมือเยี่ยมของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น หลังพา คาชิม่า แอนท์เลอร์ส คว้าแชมป์เจลีก สมัยที่ 8 ในฤดูกาล 2016 ได้อย่างยิ่งใหญ่ก่อนคว้ารางวัลโค้ชยอดเยี่ยมของเจลีกเป็นเครื่องการันตีฝีมือ
ในปีเดียวกันนั้น อิชิอิ ยังสามารถพาทัพกวางเขาเหล็ก เข้าชิงชนะเลิศศึกชิงแชมป์สโมสรโลกกับ เรอัล มาดริด ได้อีกด้วย ก่อนพาทีมยันเสมอราชันชุดขาวที่อุดมไปด้วยแข้งระดับโลก 2-2 และแพ้จุดโทษไปอย่างน่าเสียดาย

แต่แล้วในปี 2017 อิชิอิ ก็ตัดสินใจแยกทางกับ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ก่อนไปทำงานกับ โอมิยะ อาร์ดิจา ทีมในเจลีก 2 แต่หลังจากผลงานไม่เข้าเป้าเจ้าตัวก็ขอลาออกเพื่อรับผิดชอบผลงาน และมาทำงานเป็นพนักงานในศูนย์อาหารของโรงเรียนประถมในเมืองคาชิม่า เพื่ออยู่ใกล้ชิดครอบครัวมากขึ้น
หลังทำงานในศูนย์อาหารได้ไม่นาน อิชิอิ ก็ได้รับข้อเสนอจากทีมในไทยลีก ซึ่งหากพูดกันตามตรงด้วยโปรไฟล์ของเขาคงต้องเป็นทีมระดับบิ๊ก ๆ เท่านั้น แต่ปรากฏว่าทีมที่ยื่นข้อเสนอมากลับเป็นทีมระดับกลางตารางที่เพิ่งได้สิทธิ์ทำทีมมาไม่นานอย่าง สมุทรปราการ ซิตี้
ภารกิจปั้นดินให้เป็นดาว
แม้จะไม่ใช่ทีมระดับแนวหน้าของเมืองไทย แต่กุนซือเลือดซามูไรก็ตัดสินใจรับความท้าทายครั้งนี้ทันที ก่อนเดินทางมาเปิดตัวกับทีมในเดือนธันวาคม 2019 พร้อมตั้งเป้าหมายพาทัพเขี้ยวสมุทรติดท็อปทรีให้จงได้
“รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เข้ามาทำทีม สมุทรปราการ ซิตี้ ครั้งนี้เป็นการทำงานต่างประเทศครั้งแรกของผม” มาทาซาดะ อิชิอิ กล่าวในงานเปิดตัว
“เป้าหมายของผมสอดคล้องกับนโยบายของทีมคือการทำงานกันเป็นทีม หน้าที่ของผมคือการพาทีมทำผลงานให้ดีที่สุดโดยจะต้องติดเป็น 1 ใน 3 ของลีกให้ได้ นอกเหนือจากนี้ผมยังต้องการจะทำทีมให้เป็นที่รู้จักในระดับเอเชียด้วย”

แม้จะตั้งเป้าหมายไว้สูงลิบ แต่กลายเป็นว่าเมื่อเปิดฤดูกาล 2020-21 สมุทรปราการซิตี้ กลับไม่ชนะใครเลย 4 เกมติดต่อกัน และเก็บได้เพียงคะแนนเดียวเท่านั้น ก่อนที่ไทยลีกจะต้องพักการแข่งขันเป็นเวลา 7 เดือน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19
แต่เมื่อกลับมาทำการแข่งขันได้อีกครั้ง ปรากฏว่า สมุทรปราการ ทำผลงานได้ดีขึ้นชัดเจน ราวกับเป็นทีมใหม่ พวกเขาไม่แพ้ใคร 5 เกมติดต่อกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการบุกไปเสมอ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 2-2 ซึ่งนับเป็นทีมแรกของฤดูกาลที่บุกมาแต้มที่ บีจี สเตเดี้ยม ได้สำเร็จ ก่อนที่ปีนั้น “เดอะ แรบบิท” จะเข้าป้ายคว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่
ส่วนเรื่องตัวผู้เล่นนั้น แกนหลักก็มาจาก พัทยา ยูไนเต็ด เดิม ที่เคยเป็นพันธมิตรของ เมืองทอง ยูไนเต็ด เท่ากับว่านักเตะส่วนใหญ่คือผู้เล่นที่ไม่สามารถสอดแทรกขึ้นไปอยู่กับกิเลนผยองได้อย่างเต็มตัว ทั้งในรายของ ปฏิวัติ คำไหม, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, ชญาวัต ศรีนาวงษ์ และ กัปตันทีม พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี

อย่างไรก็ดี อิชิอิ สามารถเค้นศักยภาพที่ดีที่สุดของพวกเขาออกมาได้ จนทำให้ทั้งหมดที่กล่าวไปล้วนก้าวไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ได้อย่างภาคภูมิ เช่นเดียวกับ 2 แนวรับตัวหลักในทีมชุดนั้นอย่าง จักพัน ไพรสุวรรณ และ เออร์เนสโต ภูมิภา
แต่หากจะให้เอ่ยถึงดาวเด่นในทีมชุดนั้นก็คงต้องยกให้เป็น เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ปีกดาวรุ่งที่คว้ารางวัลท็อปแอสซิสต์ หลังจ่ายให้เพื่อนทำประตู 14 ครั้ง และอีกคนก็คือ บาร์รอส ทาร์เดลลี่ ศูนย์หน้าชาวบราซิลเจ้าของฉายามือปืนลีกรอง ที่กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งด้วยการกระหน่ำไป 25 ประตู จากการลงสนาม 24 เกม พร้อมซิวรางวัลดาวซัลโว
ระหว่างฤดูกาล สมุทรปราการ ซิตี้ สามารถเอาชนะได้ทั้ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี, การท่าเรือ เอฟซี และ เมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยวิธีการเล่นอันตื่นตาตื่นใจ ภายใต้ระบบสุดคลาสสิคอย่าง 4-4-2 ก่อนที่ฤดูกาลดังกล่าวพวกเขาจะก้าวไปจบอันดับที่ 6 ของตาราง ได้เหนือความคาดหมาย
ถึงวันบอกลาเขี้ยวสมุทร
ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมของนักเตะหลายราย ผนวกกับสถานการณ์ทางการเงินของสโมสร ทำให้ สมุทรปราการ ซิตี้ จำเป็นต้องปล่อยผู้เล่นตัวหลักออกไปจากทีม ไม่ว่าจะเป็น พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, เออร์เนสโต ภูมิภา, จักพัน ไพรสุวรรณ และ ธีระพล เยาะเย้ย ไม่เว้นแต่ บาร์รอส ทาร์เดลี ที่ย้ายไปอยู่ ซูวอน เอฟซี ในเกาหลีใต้
แต่กระนั้นช่วงเริ่มฤดูกาล 2021-22 สมุทรปราการ ซิตี้ ก็ยังทำผลงานได้น่าประทับใจ ไม่แพ้ตลอด 4 เกมแรก จนเกาะกลุ่มหัวตาราง แต่ไม่นานหลังจากนั้นฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงก็แผ่วไปซะดื้อ ๆ ซ้ำร้ายปีกตัวเก่งอย่าง เจริญศักดิ์ ก็มาโชคร้ายได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องพักนานหลายเดือน

ด้วยคุณภาพผู้เล่นที่ดร็อปลงไปทั้งไทยและต่างชาติ ทำให้ตลอดเลกแรก สมุทรปราการ สามารถคว้าชัยได้เพียง 2 นัดเท่านั้น จบเลกแรกในอันดับที่ 13 กระทั่งวันที่ 1 ธันวาคม สโมสรได้ออกแถลงการณ์ว่าพวกเขาตัดสินใจแยกทางกับ อิชิอิ อย่างเป็นทางการด้วยความยินยอมทั้งสองฝ่าย
ปิดตำนานกุนซือเลือดซามูไรแห่งเมืองปากน้ำด้วยผลงานคุมทีม 50 นัด ชนะ 21 เสมอ 10 แพ้ 19 และสร้างนักเตะชั้นนำขึ้นมาติดทีมชาติไทยได้อย่างมากมาย