ถ้าจะมีภาพหนึ่งที่สะท้อนค่ำคืนของมอร์แกน โรเจอร์ส ได้ชัดที่สุด มันเกิดขึ้นในครึ่งหลังที่เวมบลีย์…สนามที่เปียกชุ่ม ฝนพรำไม่หยุด และอังกฤษกำลังพยายามหาประตูที่สอง
โรเจอร์ส รับบอลจากเดแคลน ไรซ์ ก่อน “วาง” จังหวะแรกให้แฮร์รี เคน อย่างเหนือชั้น จากนั้นเขาหันตัว วิ่งสอดแนวรับเซอร์เบีย รับบอลคืนจากเคน ก่อนจะจ่ายต่อแบบสัมผัสเดียวให้มาร์คัส แรชฟอร์ดอีกครั้ง ทุกอย่างถูกต้องตามตำรา…จนถึงจังหวะสุดท้ายที่เขากำลังจะง้างยิง แต่ดันเสียหลักลื่นบนพื้นหญ้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝน
มันเป็นคืนนั้นของโรเจอร์ส—วันที่เขาทุ่มเท ทำงานหนัก ทำถูกแทบทุกอย่างตามแนวทางของโธมัส ทูเคิล แต่กลับไม่อาจสร้าง “จังหวะชี้เป็นชี้ตาย” ให้โลกจดจำได้สักครั้งหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดที่บอกว่า เบอร์ 10 ตำแหน่งนี้ “เป็นของเขาคนเดียว”
และนั่นคือปัญหา เพราะวันนี้โรเจอร์สอยู่ในศูนย์กลางของ “ดีเบตใหญ่ที่สุด” ของทีมชาติอังกฤษตอนนี้…
แย่งตำแหน่งกับ จู๊ด เบลลิงแฮม โดยตรง
ทูเคิ่ลต้องตัดสินใจเลือก NO.10 ระหว่าง เบลลิงแฮม หรือ โรเจอร์ส
สิ่งที่ทูเคิลย้ำตั้งแต่ก่อนเกมคือ “ความชัดเจน”
เขาต้องการให้ผู้เล่นรู้ว่าใครแย่งตำแหน่งกับใคร ไม่มีพื้นที่ของการประนีประนอม ไม่มีการลองผิดลองถูกข้ามขั้น เพราะทุกอย่างถูกวางเพื่อเป้าหมายชัดเจน—ฟุตบอลโลก
แต่ความชัดเจนนี่เอง ที่ทำให้ทุกคำชมต่อโรเจอร์ส เท่ากับการตั้งคำถามกับเบลลิงแฮม และทุกครั้งที่พูดถึงเบลลิงแฮม ก็ย้อนกลับมาที่โรเจอร์ส เพราะ…
เบอร์ 10 มีได้คนเดียว
ทูเคิลเคยพูดว่า เขาจะไม่ส่งทั้งสองคนลงพร้อมกันในเกมนี้ ดังนั้นมันคือเกม “ตัดสินตำแหน่งตัวจริง” ใครลง…อีกคนต้องนั่ง
และตั้งแต่เบลลิงแฮมถูกเรียกกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง สายตาทุกคู่มองไปที่คำถามเดียวเขาจะยึดตำแหน่งคืนหรือไม่?
โรเจอร์ส: ผู้เล่นที่ยึดตำแหน่งจากฟอร์ม ไม่ใช่ชื่อเสียง
ตั้งแต่เกมอันดอร์รา 6 กันยายน โรเจอร์สคือคนที่ “ชนะใจโค้ชในสนามซ้อม”
ต่อยอดมาถึงเกมถล่มเซอร์เบีย 5-0 ในเบลเกรด ซึ่งเป็นค่ำคืนสำคัญที่สุดในยุคทูเคิล เกมที่เขาแอสซิสต์ให้นอนี มาดูเอเก ทำประตูที่แฟนอังกฤษยังพูดถึงจนทุกวันนี้
เขาเล่นดีต่อเนื่อง เล่นดีทุกครั้งที่ได้โอกาสดังนั้น ถ้าทูเคิลต้องการ “ยืนหยัดตามมาตรฐาน” เขาจำเป็นต้องให้โรเจอร์สเป็นตัวจริง แม้เบลลิงแฮมจะกลับมาแล้วก็ตาม
แต่ครั้งนี้…โรเจอร์สต้องการมากกว่านั้นเขาต้องการ “โมเมนต์” เขาต้องการ “หลักฐาน” เขาต้องการช็อตที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเบอร์ 10 ควรเป็นของเขาและนั่นคือสิ่งที่เขาไม่มีในคืนนี้
ในขณะที่โรเจอร์สทำงานหนักส่วนเบลลิงแฮมกลับเติมประกายในทันที
ช่วงเวลาที่โรเจอร์สอยู่ในสนามคือการเคลื่อนที่อย่างมีวินัย ไล่เพรสหนัก วิ่งหาพื้นที่ ทำงานเพื่อระบบมากกว่าตัวเอง แต่เมื่อเขาถูกเปลี่ยนออกในนาทีที่ 65 ทุกอย่างก็พลิกไปทันที
เพราะเบลลิงแฮมลงมาแล้ว…สนามดู “แห้ง” ขึ้นทันที
เขาแตะบอลครั้งแรกก็พาบอลหนีเนมานยา กูเดลจ์ อย่างกับลื่นบนคอนกรีตเล่นหนึ่ง-สองกับรีซ เจมส์ จนได้เตะมุมและจังหวะที่อังกฤษยิงประตูที่สอง ก็มาจากเขาที่ลงต่ำไปแย่งบอล ก่อนลากขึ้นหน้าแล้วแทงให้ฟิล โฟเดน จนนำไปสู่การจบสกอร์ของเอเบเรชี เอเซ่
มันคือความต่างของ “ทำงานหนัก” กับ “สร้างอิมแพกต์” และในเกมระดับทีมชาติ…อิมแพกต์คือทุกอย่าง
บทสรุป: ใครควรเป็นเบอร์ 10?
ถ้าโรเจอร์สมีช่วงเวลาที่ชี้ขาด ทูเคิลคงเลือกเขาต่อแบบไม่ลังเลและเบลลิงแฮมอาจต้องรอต่อไปจนถึงปีหน้า
แต่เมื่อคืนนี้โรเจอร์ส “ดีแต่ไม่เด็ด” ในขณะที่เบลลิงแฮม “น้อยแต่น๊อกเอาต์”
ทูเคิลจึงเหมือนได้ “ใบอนุญาต” ให้เลือกใครก็ได้…โดยไม่มีใครโต้แย้ง
และเมื่ออังกฤษเดินทางไปแอลเบเนียในเกมสุดท้ายของรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกคงไม่มีใครแปลกใจ หากเบลลิงแฮมกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง
บางทีนี่อาจเป็นสัปดาห์ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของตำแหน่งเบอร์ 10 ทีมชาติอังกฤษก็ได้ เพราะเมื่อถึงค่ำคืนของฟุตบอลโลกมันอาจกลายเป็นเวทีที่เบลลิงแฮมแสดงให้โลกเห็นว่า ตำแหน่งนี้ ไม่ได้อยู่ในภาวะถกเถียงอีกต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง