ใครจะคว้าแชมป์? 10 อันดับทีมเต็ง ฟุตบอลโลก 2026

Francis Phumin

ใครจะคว้าแชมป์? 10 อันดับทีมเต็ง ฟุตบอลโลก 2026 image

FIFA via Getty Images

อีกไม่กี่อึดใจการแข่งขันที่มวลมนุษยชาติทุกคนต่างรอคอยอย่างศึกฟุตบอลโลก 2026 จะเปิดฉากฟาดแข้งกัน

ซึ่งการเพิ่มทีมเป็น 48 ชาติ หมายความว่าโอกาสในการคว้าแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนั้นเปิดกว้างมากกว่าที่เคย 

AllSportsPeople Thailand ได้รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ทั้งฟอร์มปัจจุบัน ศักยภาพของนักเตะ และความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์ล่าสุด เพื่อจัดอันดับ 10 ชาติที่มีโอกาสดีที่สุดในการคว้าตำแหน่งแชมป์โลกมาครอง ณ เวลานี้

10 อันดับทีมเต็ง ฟุตบอลโลก 2026

10. สหรัฐอเมริกา

ในฐานะหนึ่งในเจ้าภาพร่วม สหรัฐฯ ได้รับสิทธิ์เข้ารอบอัตโนมัติ และได้รับกลุ่มที่ค่อนข้างง่าย พวกเขาเป็นทีมที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องในแง่ของขุมกำลัง โดยมีนักเตะที่ค้าแข้งในสโมสรชั้นนำของยุโรปอย่าง คริสเตียน พูลิซิช และ เวสตัน แม็คเคนนี่ เป็นแกนหลัก

แม้พวกเขาจะยังไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเต็งจ๋า แต่การได้เล่นในบ้านต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองในรอบแบ่งกลุ่มที่น่าจะผ่านไปได้ง่าย เป็นแรงผลักดันมหาศาลที่อาจพาให้พวกเขาไปได้ไกลกว่าที่คาดคิด และสร้างเซอร์ไพรส์ได้ในรอบลึก ๆ

9. นอร์เวย์

Erling Haaland

นอร์เวย์ อาจถูกมองเป็นม้ามืด เพราะเป็นการกลับสู่ฟุตบอลโลกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1998 แต่การที่พวกเขามีสองซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง เออร์ลิง ฮาลันด์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด เป็นแกนหลัก ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเป็นทีมที่น่าจับตาอย่างยิ่ง

ขุมกำลังของนอร์เวย์ชุดนี้มีความลึกและคุณภาพที่สูงในหลายตำแหน่ง การถูกจัดอยู่ในกลุ่ม I ซึ่งถูกเรียกว่า Group of Death กับ ฝรั่งเศส และ เซเนกัล จะเป็นบททดสอบที่สำคัญ แต่ถ้าหากพวกเขาสามารถผ่านเข้ารอบไปได้ นั่นหมายถึงพวกเขากำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มแรงที่สุดและพร้อมจะสร้างความปั่นป่วนในรอบน็อกเอาต์

8. เนเธอร์แลนด์

Memphis Depay Netherlands 090225

แม้จะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศมาแล้วถึง 3 ครั้ง และไม่เคยได้สัมผัสแชมป์เลย "อัศวินสีส้ม" ยังคงเป็นหนึ่งในชาติที่คาดเดาได้ยาก แต่เต็มไปด้วยคุณภาพ พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในฟุตบอลโลก 2022 ก่อนจะพ่ายให้กับ อาร์เจนตินา ในการดวลจุดโทษในรอบก่อนรองชนะเลิศ

เนเธอร์แลนด์ มีโครงสร้างเกมรับที่แข็งแกร่งและมีนักเตะสายเลือดใหม่ที่กำลังเติบโต โดยมีแกนหลักจากสโมสรชั้นนำในยุโรป การได้อยู่ในกลุ่ม F ที่มี ญี่ปุ่น เป็นคู่แข่งสำคัญ ทำให้พวกเขามีโอกาสสูงที่จะเข้ารอบลึก ๆ ได้อีกครั้ง และพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถก้าวข้ามกำแพงในรอบรองชนะเลิศได้หรือไม่

7. โปรตุเกส

Cristiano Ronaldo Portugal

โปรตุเกส ไม่เคยคว้าแชมป์โลกมาก่อน แต่ได้พัฒนาสู่การเป็นทีมที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีประสบการณ์จากการคว้าแชมป์ยูโร 2016 และยูฟ่า เนชันส์ ลีก ถึง 2 สมัย

แม้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะมีอายุ 41 ปี เมื่อถึงทัวร์นาเมนต์ในปี 2026 แต่ โปรตุเกสชุดนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขาเพียงคนเดียว พวกเขามีกองกลางและแนวรุกที่เต็มไปด้วยผู้เล่นพรสวรรค์มากมาย การที่ทีมชุดนี้มีขุมกำลังเชิงลึกและประสบการณ์ในการเป็นแชมป์รายการใหญ่ ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ท้าชิงที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

6. บราซิล

Neymar e Vini Jr

"เซเลเซา" แชมป์โลก 5 สมัย ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเต็งเสมอแม้ว่าฟอร์มในช่วงหลังจะไม่น่าประทับใจนัก โดยเฉพาะการตกรอบก่อนรองชนะเลิศในฟุตบอลโลก 2 ครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม การได้ คาร์โล อันเชล็อตติ เข้ามารับงานคุมทีมถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่

ภายใต้การคุมทีมของโค้ชชาวอิตาลี บราซิล ตั้งเป้าที่จะกอบกู้ชื่อเสียงและลุ้นแชมป์สมัยที่ 6 โดยมี วินิซิอุส จูเนียร์ ปีกตัวเก่งของ เรอัล มาดริด เป็นหัวใจสำคัญในเกมรุก การที่พวกเขาอยู่ในกลุ่ม C ร่วมกับ โมร็อกโก และ สกอตแลนด์ อาจเป็นบททดสอบที่ท้าทาย แต่คุณภาพนักเตะรายบุคคลยังคงทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่อันตรายที่สุด

5. เยอรมัน

หลังจากฟอร์มที่น่าผิดหวังในฟุตบอลโลก 2 ครั้งล่าสุด เยอรมัน กลับมาสู่จุดที่พร้อมจะสร้างผลงานที่ดีอีกครั้ง พวกเขาเป็นชาติที่ประสบความสำเร็จในเวทีโลกมาอย่างยาวนาน และมีศักยภาพที่จะคว้าแชมป์ได้เสมอ

โอกาสในการคว้าแชมป์ของ "อินทรีเหล็ก" ขึ้นอยู่กับว่าดาวรุ่งพรสวรรค์อย่าง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ และผู้เล่นสำคัญอย่าง โจชัว คิมมิช จะสามารถเค้นฟอร์มระดับโลกออกมาได้หรือไม่ การได้อยู่ในกลุ่ม E ที่มี เอกวาดอร์ และ ไอวอรี่โคสต์เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่ง จะเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นของพวกเขาในรอบแรก

4. อังกฤษ

อังกฤษ กำลังเข้าสู่ช่วงฟอร์มที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบหลายปี ภายใต้การนำของ โธมัส ทูเคิ่ล ทีม "สิงโตคำราม" มีขุมกำลังที่โดดเด่นในทุกตำแหน่ง และมีเกมรับที่เหนียวแน่นมาก พวกเขาทำสถิติไม่เสียประตูเลยตลอด 8 นัดในรอบคัดเลือกที่ผ่านมา

ด้วยศักยภาพของผู้เล่นที่อยู่ในช่วงพีคและประสบการณ์จากทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่ต่อเนื่อง อังกฤษ มีทุกองค์ประกอบที่จะยุติความเจ็บปวดจากการรอคอยแชมป์โลกตั้งแต่ปี 1966 และถูกคาดหมายว่าจะไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศหรือมากกว่านั้น

3. ฝรั่งเศส

Kylian Mbappe France Francia 2025

การเข้าชิงฟุตบอลโลก 2 ครั้งติดต่อกัน เป็นข้อพิสูจน์ถึงคุณภาพที่แท้จริงของทีม "ตราไก่" พวกเขามีขุมกำลังเชิงลึกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกฟุตบอล ที่อุดมไปด้วยผู้เล่นยอดเยี่ยมในทุกตำแหน่ง

คีเลียน เอ็มบัปเป้ ยังคงเป็นผู้เล่นที่สร้างความแตกต่างได้มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ และผู้เล่นอย่าง ไมเคิล โอลิเซ่ ก็พร้อมที่จะเป็นตัวพลิกเกมให้ทีมของ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ เช่นกัน การอยู่ในกลุ่ม I ที่เป็น Group of Death อาจทำให้รอบแบ่งกลุ่มเหนื่อยหน่อย แต่ก็ไม่น่าจะหยุดยั้งเส้นทางของพวกเขาได้

2. สเปน

สเปน ในฐานะทีมแชมป์ยุโรปสมัยล่าสุดและทีมอันดับ 1 ของโลก ณ ปัจจุบัน กลับมาเป็นหนึ่งในตัวเต็งของศึกฟุตบอลโลกอีกครั้ง หลังพบกับความผิดหวังในสมัยที่ผ่าน ๆ มา

"กระทิงดุ" ผสมผสานคุณภาพทางเทคนิคและการครองบอลที่เคยเป็นเอกลักษณ์เข้ากับผู้เล่นที่มีความเร็วและพร้อมสร้างสรรค์เกมรุก โดยเฉพาะดาวรุ่งอย่าง ลามีน ยามาล และ นิโก้ วิลเลียมส์ ที่เป็นดั่งอาวุธสำคัญที่พร้อมจะสร้างความปั่นป่วนให้กับเกมรับของทุกทีม ด้วยคุณภาพและประสบการณ์ พวกเขาตั้งเป้าที่จะคว้าแชมป์โลกให้ได้อีกครั้ง

1. อาร์เจนตินา

Argentina's Lionel Messi with World Cup 2022

(getty)

เขาว่ากันว่า "การเป็นแชมป์ว่ายากแล้ว แต่การป้องกันแชมป์นั้นยากกว่า" แต่แชมป์เก่าอย่าง อาร์เจนตินา ภายใต้การนำของ ลิโอเนล เมสซี่ กลับแข็งแกร่งขึ้นนับตั้งแต่คว้าแชมป์ที่กาตาร์ 

อาร์เจนตินา อยู่ในกลุ่ม J ที่ค่อนข้างง่าย ทำให้พวกเขามีโอกาสสร้างโมเมนตัมที่ดีตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แม้เมสซี่จะอายุมากขึ้น แต่แกนหลักของทีมก็ยังคงเหนียวแน่นและผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็พัฒนาขึ้น ทำให้ "ฟ้าขาว" ถูกยกให้เป็นทีมเต็งอันดับ 1 ที่มีโอกาสดีที่สุดในการคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

บทความที่เกี่ยวข้อง

Senior Editor