จากรากเหง้าที่แสนยากจน สู่พลังที่ทำให้ไคเซโด กลายเป็นกองกลางคนสำคัญของเชลซี

Nopphasin Kulabburi

จากรากเหง้าที่แสนยากจน  สู่พลังที่ทำให้ไคเซโด กลายเป็นกองกลางคนสำคัญของเชลซี image

ฟุตบอลโลกสมัยใหม่เต็มไปด้วยเรื่องราว “เทพนิยาย” ของนักเตะจากบ้านยากจนที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด และหนึ่งในนั้นคือ มอยเซส ไคเซโด เด็กชายจากซานโต โดมิงโก ประเทศเอกวาดอร์ ผู้เคยต้องยืมรองเท้าเพื่อนลงสนามฝุ่น ก่อนจะกลายเป็นนักเตะค่าตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวนเงิน 115 ล้านปอนด์ เมื่อเชลซีคว้าตัวเขาจากไบรท์ตัน

เรื่องราวของไคเซโดไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางนักฟุตบอล แต่เป็นการเดินทางเพื่อครอบครัว เพื่อชีวิตใหม่ และเพื่อพิสูจน์ว่าความฝันใหญ่ไม่เคยเล็กเกินไปสำหรับเด็กที่เติบโตในละแวกที่เต็มไปด้วยแก๊งค์และความยากจน

El Niño Moi: เด็กชายผู้ออกเดินทางเพื่อครอบครัว

ไคเซโดคือบุตรคนเล็กจากพี่น้องสิบคน บ้านเกิดของเขามีสนามฝุ่นที่ใช้ก้อนหินแทนเสาประตู และหลายครั้งเขาต้องลงเล่นโดยไม่สวมรองเท้า

แต่ในใจของเด็กชายผู้นี้มีสองความฝันชัดเจน เป็นนักฟุตบอลอาชีพ และช่วยให้ครอบครัวหลุดพ้นจากความยากจน

ที่ โรงเรียนฟุตบอล Mujer Trabajadora เขาได้พบกับ อีวาน เกร์ร่า อดีตนักฟุตบอลอาชีพที่ผันตัวมาเป็นโค้ชและกลายเป็นพ่อคนที่สองของไคเซโด เกร์ร่าเล่าว่า

“เขาไม่มีค่ารถมาซ้อม ผมต้องไปเคาะประตูบ้านบอกว่า ‘ไปเถอะ!’ หรือบางครั้งเขาก็ยืมสตั๊ดเพื่อนมาเล่น แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็เก่งที่สุดในสนามเสมอ”

จากสนามบ้าน ๆ สู่โอกาสที่เปลี่ยนชีวิต

เมื่อโตขึ้น ไคเซโดถูกคัดเลือกติดทีมท้องถิ่น ก่อนจะได้รับโอกาสกับสโมสรสมัครเล่น ไจปาดิดา แต่เส้นทางไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาเคยถูกปฏิเสธเพียงเพราะไม่มีเงินค่าอาหารและค่าที่พัก

จนกระทั่งปี 2016 อินเดเพนเดียนเต้ เดล วัลเล มองเห็นแวว และดึงเขาเข้าสู่ระบบเยาวชนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาใต้

แม้ก้าวมาถึงตรงนั้น ทุกอย่างก็ไม่ได้ง่ายดาย ไคเซโดเคยเกือบถอดใจเพราะคิดถึงบ้านและปรับตัวไม่ได้ กระทั่งแม่บอกเขาประโยคที่เปลี่ยนชีวิต:

“กลับไม่ได้หรอกลูก… เพราะลูกมาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว”

ก้าวแรกสู่สตาร์

ด้วยความมุ่งมั่น ไคเซโดกลายเป็นคีย์แมนของทีม U20 อินเดเพนเดียนเต้ พาทีมเข้าชิงโคปา ลิเบอร์ตาดอเรส รุ่นเยาวชน และยิงประตูสุดสวยใส่ ฟลาเมงโก ยักษ์ใหญ่ของบราซิล

ชื่อของเขาเริ่มดังก้องในอเมริกาใต้ ก่อนที่ ไบรท์ตัน จะชิงตัดหน้าหลายสโมสรใหญ่ในยุโรป เซ็นสัญญาเพียง 4.5 ล้านปอนด์ ในปี 2021

เพียงสองปีต่อมา ไคเซโดกลายเป็นหัวใจแดนกลางของทีม สะท้อนทั้งพลัง ความดุดัน และความฉลาดทางฟุตบอล จน เชลซี มองว่าเขาคือจิ๊กซอว์สำคัญในการพาทีมกลับมาลุ้นแชมป์อีกครั้ง

จาก Santa Domingo สู่ Stamford Bridge

เด็กชายที่เคยยืมสตั๊ดลงสนามฝุ่น วันนี้ไคเซโดเดินลงสู่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเสียงเพลง “The Liquidator” ดังก้อง โดยมีทั้งความฝันของตัวเอง และความฝันของครอบครัวที่เขาแบกไว้บนบ่า

สำหรับ El Niño Moi ทุกก้าวคือบทพิสูจน์ว่า

“จากดินฝุ่น ก็สามารถขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดของโลกได้”

บทความที่เกี่ยวข้อง

News Correspondent