แผนโค่นเก้าอี้ : เมื่อเบื้องหลังเปลี่ยนกุนซือจาก นูโน เป็น เอนจ์ เกิดขึ้นตั้งแต่ฤดูกาลยังไม่เริ่ม

Nopphasin Kulabburi

แผนโค่นเก้าอี้ : เมื่อเบื้องหลังเปลี่ยนกุนซือจาก นูโน เป็น เอนจ์ เกิดขึ้นตั้งแต่ฤดูกาลยังไม่เริ่ม image

สำหรับแฟนบอลทั่วไป ฤดูร้อนของกุนซือมักหมายถึงการพักผ่อนหลังฤดูกาลอันยาวนาน แต่สำหรับ อังเก้ ปอสเตโคกลู มันคือการเดินทางที่มากกว่าการพักร้อน เพราะมันเต็มไปด้วยสายสัมพันธ์ การพบปะ และการวางหมากเพื่อเส้นทางใหม่ในอาชีพโค้ช ที่สุดท้ายพาเขามาจบลงที่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 

บทความนี้อ้างอิงและเรียบเรียงจากรายงานเชิงลึกของ The Athletic เกี่ยวกับเบื้องหลังการจากไปของ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต และการเข้ามาของ อังเก้ ปอสเตโคกลู ที่น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

ฤดูร้อนที่กรีซ และเงาของอนาคต

เดือนมิถุนายน ปอสเตโคกลูยังคงเป็นผู้จัดการทีมท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สโมสรที่เขาพาทีมคว้า ยูโรปาลีก แต่กลับหล่นไปอยู่อันดับ 17 ของพรีเมียร์ลีก ความสำเร็จเชิงถ้วยรางวัลไม่อาจกลบเสียงวิจารณ์เรื่องผลงานในลีกได้ ตำแหน่งของเขาที่ลอนดอนเริ่มสั่นคลอน

เขาเลือกกลับกรีซ บ้านเกิดที่เขาจากไปตั้งแต่เด็ก พักผ่อนริมทะเลเอเธนส์ เดินทางไปยังเกาะปารอสและครีต แต่ในความจริง นี่ไม่ใช่เพียงแค่ทริปพักผ่อนธรรมดา เพราะตลอดการเดินทาง ปอสเตโคกลูใช้เวลาพบปะกับผู้คนในวงการฟุตบอลกรีก หนึ่งในนั้นคือ ยานนิส ปาปาโดปูลอส ผู้มีอิทธิพลในวงการ และที่สำคัญคือมีสายสัมพันธ์ที่โยงเข้ากับ เอวาเกลอส มารินากิส เจ้าของฟอเรสต์

จากวันนั้น ความบังเอิญเริ่มถูกแทนที่ด้วย “ความตั้งใจ” ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

ความสัมพันธ์ที่ก่อตัว

ปอสเตโคกลูมีประวัติผูกพันกับมารินากิสมานาน ทั้งการพบปะในงานฟุตบอลกรีซ หรือแม้แต่ช่วงที่เขายังคุมเซลติกและมีโอกาสนั่งพูดคุยกับ สตีฟ คูเปอร์ กุนซือเก่าของฟอเรสต์ในเอเธนส์ ความสัมพันธ์เหล่านี้ค่อยๆ ก่อตัว จนกลายเป็นทุนทางสังคมที่ปูทางไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ในอีกฟากหนึ่งของสมการ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต กำลังสูญเสียที่มั่นในห้องเครื่องฟอเรสต์ ความสัมพันธ์กับมารินากิสเริ่มแตกร้าว ขัดแย้งกับ เอดู อดีตผู้บริหารอาร์เซน่อลที่เพิ่งเข้ามานั่งเป็นหัวหน้าฝ่ายฟุตบอล และรู้สึกว่าตัวเองถูกกันออกจากการมีส่วนร่วมด้านการเสริมทัพ

สำหรับนูโน่ ความไม่พอใจนี้กลายเป็นความขัดแย้งที่ไม่อาจประสาน แม้เขาจะเป็นที่รักของนักเตะและแฟนบอล แต่ในสงครามอำนาจภายใน เขากลายเป็นผู้แพ้

จุดแตกหัก

ความตึงเครียดปะทุขึ้นเมื่อข่าวลือการดึงปอสเตโคกลูรั่วไหลสู่สื่ออิตาลีในเดือนสิงหาคม นูโน่เลือกตอบโต้ต่อหน้าสื่อด้วยประโยคที่กลายเป็นวลีสะท้อนความจริงในวงการ
Where there’s smoke, there’s fire. I know how things work.
(เมื่อมีควัน ก็ต้องมีไฟ ผมรู้ดีว่าวงการนี้ทำงานอย่างไร)

คำพูดนี้เท่ากับยอมรับกลายๆ ว่าเขารู้อนาคตตัวเองกำลังถูกเขียนขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับผลงานในสนามอีกต่อไป

แม้ชัยชนะเหนือเบรนท์ฟอร์ด 3-1 จะยืดอายุกุนซือโปรตุเกสไว้ชั่วคราว แต่ความเสียหายต่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับบอร์ดบริหารกลับ “เกินกว่าจะเยียวยา”

จุดจบของนูโน่ และการเริ่มต้นใหม่

คืนวันที่ 2 กันยายน ฟอเรสต์ประกาศปลดนูโน่ในเวลา 00.15 น. ด้วยแถลงการณ์เพียงสามบรรทัด ก่อนจะยืนยันแต่งตั้งปอสเตโคกลูในอีก 13 ชั่วโมงถัดมา

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและเฉียบคมนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ฟอเรสต์เตรียมการมานานแล้ว และฤดูร้อนของปอสเตโคกลูในกรีซไม่ใช่แค่การพักผ่อน แต่คือการ “เซ็นสัญญาเงียบ” ที่รอวันประกาศอย่างเป็นทางการ

สำหรับนักเตะ ฟอเรสต์เสียโค้ชที่พวกเขารักและเคารพในตัวนูโน่ แต่ในอีกด้านหนึ่ง สโมสรได้กุนซือที่มีโปรไฟล์ระดับยุโรป และเชื่อมโยงโดยตรงกับอำนาจของมารินากิส

คำถามต่ออนาคต

เรื่องราวทั้งหมดนี้สะท้อนถึงสิ่งหนึ่งที่เป็นแก่นแท้ของฟุตบอลยุคใหม่ นั่นคือ “เกมนอกสนาม” มักทรงอิทธิพลกว่าผลงานจริงในสนามเสมอ

นูโน่แพ้เพราะเขาอยู่ผิดขั้วอำนาจ ขณะที่ปอสเตโคกลูชนะเพราะเขาเลือกสายสัมพันธ์ที่ถูกต้อง คำถามคือ
เส้นทางใหม่นี้จะพาฟอเรสต์ไปสู่ความสำเร็จ หรือจะเป็นเพียงอีกหนึ่งบททดลองที่จบลงรวดเร็วเหมือนกุนซือคนก่อน?

บทความที่เกี่ยวข้อง

Nopphasin Kulabburi

นักเขียน Sporting News Thailand ที่ติดตามทั้งกีฬาฟุตบอล, บาสเก็ตบอล รวมถึงแวดวงอีสปอร์ต