“ผมว่าบรรยากาศมันแปลกๆ สนามมันค่อนข้างว่าง มันไม่เต็ม” เอนโซ มาเรสกา กุนซือของเชลซี กล่าว
ฟุตบอลสโมสรโลก 2025 เปิดฉากอย่างเป็นทางการมาเกือบอาทิตย์แล้ว ซึ่งหลายทีมก็ได้ลงวาดลวดลายต่อหน้าผู้ชมในสหรัฐฯ ที่ทำให้เริ่มเห็นทิศทางของทีมในฤดูกาลที่จะมาถึงนี้
อย่างไรก็ดี นอกจากผลประโยชน์ของสโมสรที่เข้าร่วมการแข่งขัน ไม่ว่าจะเงินโบนัส หรือการได้ลองทีมก็ตาม ทัวร์นาเมนต์นี้กลับมีเสียงตอบรับจากแฟนบอลน้อยกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะการที่บางสนามมีผู้ชมในระดับ 3,000 คน น้อยกว่าการแข่งขันในไทยลีกบางเกมเสียอีก
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ คลับเวิลด์คัพ ครั้งนี้ มีผู้ชมน้อยขนาดนี้? ติดตามไปพร้อมกัน
คนดูน้อยจริงมั้ย?
อันที่จริงหากบอกว่าสโมสรโลกครั้งนี้ มีผู้ชมน้อยทุกสนาม อาจจะไม่ถูกต้องทีเดียว เพราะบางสนามก็มีผู้ชมในระดับเกินครึ่งแสน ไปจนเกือบแสนเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นนัดเปิดสนามระหว่าง อินเตอร์ ไมอามี เจ้าภาพ และ อัล อาห์ลี ที่มีผู้ชมใน ฮาร์ดร็อค สเตเดียม ถึง 60,927 คน หรือเกมระหว่าง แอตเลติโก มาดริด และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็มีผู้ชมใน โรส โบวล์ สเตเดียม มากถึง 80,619 คน จากความจุ 89,702 คน
เช่นกันกับเกมระหว่าง โบคา จูเนียร์ส และ เบนฟิกา ที่ ฮาร์ด ร็อค ที่แม้ว่าฝ่ายหลังจะไม่ได้เป็นทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรป แต่ก็ยังมีแฟนบอลเข้ามาชมเกมถึง 55,574 คน หรือเกือบ 85 เปอร์เซนต์ของความจุ
อย่างไรก็ดี ในหลายสนาม จำนวนผู้ชมก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ยกตัวอย่างเช่น เกมระหว่าง เชลซี กับ ลอสแองเจลิส เอฟซี ในสนาม เมอร์เซเดส เบนซ์ สเตเดียม ที่มีความจุ 71,000 คน แต่กลับมีผู้ชมเพียงแค่ 22,137 คน หรือคิดเป็นเพียง 32 เปอร์เซนต์เท่านั้น
“ผมว่าบรรยากาศมันแปลกๆ สนามมันค่อนข้างว่าง มันไม่เต็ม” เอนโซ มาเรสกา กุนซือของเชลซีกล่าวหลังเกม

ไม่ต่างจากที่ ลินคอล์น ไฟแนนเชียล ฟิลด์ ระหว่าง ฟลาเมงโก กับ เอสเปรานซ์ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มของพวกเขา ที่มีคนดูเพียง 25,797 จากความจุ 67,594 คน หรือคิดเป็น 38 เปอร์เซนต์
แต่ที่เลวร้ายที่สุดคือเกมระหว่าง อุลซาน ฮุนได และ มาเมโลดี ซันดาวน์ส ที่เพิ่งแข่งจบไป เมื่อมีคนดูในสนามแค่ 3,412 คน เรียกว่าน้อยกว่าการแข่งขันในไทยลีกบางเกมเสียอีก
ต้นตอของปัญหานี้คืออะไร?
ไม่น่าสนใจพอ
ฟุตบอลสโมสร มีเค้าลางว่าจะมีปัญหาตั้งแต่ก่อนเริ่มการแข่งขัน เมื่อมีรายงานว่าตั๋วในนัดเปิดสนามขายไม่หมด จนต้องลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ให้นักศึกษาในท้องถิ่น ในราคาเกือบครึ่งต่อครึ่ง
เหตุผลสำคัญก็คือ ความน่าสนใจของการแข่งขัน เพราะแม้ว่ารายการนี้ เป็นการเจอกันระหว่างยอดทีมจากทั่วโลก แต่การขาดสโมสรแม่เหล็ก อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด, อินเตอร์ มิลาน, บาร์เซโลนา หรือ ลิเวอร์พูล ก็ทำให้การแข่งขันดูจืดชืดลงไปไม่น้อย
บวกกับการที่ฟุตบอล ไม่ได้เป็นกีฬาอันดับ 1 ของชาวอเมริกัน การที่จะยอมซื้อตั๋วเข้ามาดูทีมจากแอฟริกาเจอกับทีมจากเอเชีย ก็คงไม่ใช่ทางเลือกที่คนส่วนใหญ่ทำกัน
แถมการไปคิดว่าจะให้แฟนจากชาตินั้นๆ เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเป็นพันกิโล มาชมเกมที่สหรัฐฯ ก็คงจะเป็นการคาดหวังเกินไป เพราะมันเต็มไปด้วยค่าใช้จ่ายมากมาย ไหนจะค่าเดินทาง ค่าที่พัก ที่ต้องใช้เงินด้วยกันทั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายเกมมีผู้ชมที่บางตา จากรายงานของ มาเฮอร์ เมซานี ผู้สื่อข่าวจาก Africa Is a Country ระบุว่า ก่อนเกมระหว่าง มาเมโลดี กับ อุลซาน มีผู้ชมเพียงแค่ 97 คน ก่อนจะเพิ่มเป็น 3,412 คน จากความจุ 25,500 คน เมื่อการแข่งขันดำเนินไป

ขณะเดียวกัน เวลาในการแข่ง ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เพราะแม้ว่าหลายเกมจะเตะกันในช่วงไพร์มไทม์ของยุโรป แต่สำหรับคนท้องถิ่น เรียกว่าแย่จนไม่อยากไปดู
ยกตัวอย่างเช่นเกมระหว่าง เชลซี กับ แอลเอ เอฟซี ที่นอกจากจะแข่งในวันทำงานแล้ว ยังเริ่มแข่งตอนบ่าย 3 โมง ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่เลิกงาน แม้ว่ามันจะตรงกับเวลา 2 ทุ่ม ที่อังกฤษก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ทัวร์นาเมนต์ จัดขึ้นในช่วงที่ทีมชาติมีโปรแกรมการแข่งขัน โดยเฉพาะ คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ ที่แข่งในช่วงเวลาเดียวกัน ยังทำให้กระแสความสนใจถูกแบ่งออกไป
เหล่านี้เป็นสิ่งที่ฟีฟ่า และสหรัฐฯ เจ้าภาพ ต้องขบคิดเพื่อแก้ปัญหา เพราะอีกหนึ่งปีข้างหน้า พวกเขาจะต้องเป็นเจ้าภาพรวมในศึกฟุตบอลโลก 2026
เพราะถ้าหากเป็นแบบนี้ ดูทรงว่า เวิลด์คลับ ฉบับอเมริกา 2.0 อาจจะกร่อยกว่าที่คิดไว้ โดยเฉพาะการเป็นฟุตบอลโลกครั้งแรก ที่มีทีมเข้าร่วมถึง 48 ทีม มากกว่าสโมสรโลกถึง 0.5 เท่า