ย้อนกลับไปกว่า 20 ปีก่อน เด็กชายวัย 11 ปีจากย่าน Wavertree ของเมืองลิเวอร์พูล กำลังเริ่มต้นเส้นทางในอคาเดมีของเอฟเวอร์ตันด้วยความฝันหนึ่งเดียว ใช้ฟุตบอลเปลี่ยนชีวิตของครอบครัวให้ดีขึ้น
เขาชนะถ้วยเยาวชนมากมาย ถึงขั้นได้รับรางวัลจาก ราฟา เบนิเตซ อดีตกุนซือลิเวอร์พูลด้วยซ้ำ
ข่าวลือเริ่มกระจายไปทั่วเมอร์ซีย์ไซด์ถึง “เด็กมหัศจรรย์คนใหม่ของเอฟเวอร์ตัน” ชื่อของ รอสส์ บาร์กลีย์ ถูกพูดถึงในฐานะ “เวย์น รูนีย์ คนต่อไป”
แต่เรื่องราวของเด็กคนนี้ กลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนที่หลายคนคาดหวัง…
จากเด็กในบ้านเช่าสู่ความฝันของครอบครัว
บาร์กลีย์เติบโตมากับแม่และน้องสาวในบ้านเช่ารัฐบาลกลางลิเวอร์พูล
“แม่ผมเลี้ยงผมคนเดียว” เขาเล่า “แม่อยู่ในช่วงที่ยากลำบากมาก เพราะต้องดูแลผมกับน้องโดยไม่มีใครช่วยเลย”
เขาใช้ฟุตบอลเป็น “ทางหนี” จากชีวิตที่ยากจนและลำบาก
การได้ติดทีมเยาวชนเอฟเวอร์ตันคือจุดเปลี่ยนเพียงแค่ขึ้นไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่ เขาก็สามารถซื้อบ้านให้แม่ได้หลังหนึ่ง นั่นคือรางวัลของลูกชายที่ใช้ความฝันสร้างความสุขให้ครอบครัวได้จริงๆ
แต่ชีวิตไม่ได้ง่ายเสมอไปในวัย 16 ปี บาร์กลีย์เกือบได้เดบิวต์กับทีมชุดใหญ่เหมือนรูนีย์ หากไม่ใช่เพราะอาการ “ขาหักสามท่อน” ระหว่างเล่นให้ทีมชาติอังกฤษชุดยู-19 ที่เกือบจะทำให้ฝันทุกอย่างดับลงในพริบตา
จากฮีโร่ของเมือง สู่เป้าหมายของแรงกดดัน
“ตอนนั้นผมเหมือนหายใจไม่ออกในเมืองลิเวอร์พูล”
บาร์กลีย์พูดถึงช่วงที่เริ่มโด่งดังกับเอฟเวอร์ตัน
ในวัย 19 เขาติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ทุกสายตาในเมอร์ซีย์ไซด์มองเขาเป็น “คนที่จะกลายเป็นเจอร์ราร์ดของฝั่งเอฟเวอร์ตัน” แต่ความคาดหวังที่มากเกินไป กลับกลายเป็นแรงกดดันมหาศาลที่กัดกินหัวใจของเขา
เขาเริ่มรู้สึกว่าทุกครั้งที่เดินออกไปข้างนอก มีคนจ้องจับผิด ทุกกล้องมือถือคือภัย ทุกเสียงซุบซิบคือแรงบีบหัวใจ
“ผมไม่อยากให้ใครเข้ามาใกล้ ไม่อยากให้ใครพูดถึงเวลาผมกินข้าว หรือออกไปเที่ยวกลางคืน” เขากล่าว
จนวันหนึ่ง ความเครียดเริ่มถูกระบายผ่านสิ่งที่หลายคนในวงการฟุตบอลใช้เหมือนกัน “แอลกอฮอล์”
เมื่อเครื่องดื่มมึนเมากลายเป็นที่พึ่งทางจิตใจ
บาร์กลีย์ไม่ปฏิเสธว่า “เรื่องเหล้า” คือสิ่งที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาแย่ลง
เขาเล่าว่าครั้งหนึ่งไปดื่มในวันอาทิตย์ ก่อนเกมกับเชลซีวันพุธ และถูกถ่ายวิดีโอเอาไปลงข่าว
“แฟรงค์ แลมพาร์ด เรียกผมไปคุย เขาไม่ได้ตำหนิรุนแรง แต่เตือนให้ผมรู้จักเลือกเวลาให้ถูก...”
บทเรียนวันนั้นเจ็บปวด เพราะเขาถูกถอดชื่อจากม้านั่งสำรอง ต้องนั่งดูเกมอยู่บนรถบัสทั้งน้ำตาและนั่นคือจุดที่เขาเริ่มถามตัวเองว่า
“ผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”
“ผมเลิกดื่มตั้งแต่ซัมเมอร์ที่ผ่านมา และจะไม่แตะมันอีกเลยตลอดอาชีพที่เหลืออยู่”
เขาพูดอย่างหนักแน่น “ผมเป็นพ่อคนแล้ว ผมอยากมีสติและรับผิดชอบมากขึ้น”
เมื่อโลกฟุตบอลไม่ใช่ที่หลบใจ
เขายอมรับว่าในช่วงอยู่เชลซี ความโดดเดี่ยวในลอนดอนทำให้เขายิ่งหลงทาง
“ผมไม่มีแฟน แม่ก็ไม่ได้มาบ่อย อยู่ในเมืองที่มีอะไรให้ทำทุกคืน มันง่ายมากที่จะออกไปดื่ม”
ความหงุดหงิดจากการเป็นตัวสำรองถูกระบายด้วยการเที่ยว
“ผมเป็นนักเตะที่ต้องรู้สึกมีค่า ถ้าผมไม่ได้ลง ผมจะเริ่มสงสัยในตัวเองทันที”
มันคือวงจรที่วนซ้ำ ความกดดันนำไปสู่ความผิดพลาด และความผิดพลาดยิ่งทำให้เขาถูกตัดสินหนักขึ้น
บทเรียนของลูกผู้ชาย
วันนี้ รอสส์ บาร์กลีย์อายุ 31 ปี เขานั่งให้สัมภาษณ์ที่ศูนย์ฝึกของแอสตัน วิลล่าอย่างใจเย็นกว่าเดิมมากใบหน้าที่เคยเคร่งเครียดกลับเต็มไปด้วยสติและความเข้าใจในชีวิต
“ผมเคยเสียความมั่นใจไปหลายครั้ง ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทุกคนสามารถผิดพลาดได้
สิ่งสำคัญคือคุณต้องยอมพูด ยอมขอความช่วยเหลือ ผมเองก็ไปพบจิตแพทย์กีฬา และมันช่วยผมได้จริงๆ”
เขายอมรับว่าทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ตั้งแต่ขาหัก, ข่าวฉาว, ไปจนถึงการย้ายออกจากเอฟเวอร์ตันทั้งน้ำตา ล้วนหล่อหลอมให้เขาเป็นคนที่แข็งแรงขึ้นในวันนี้
จาก ลูตัน สู่ วิลล่า: การกลับมาที่ไม่มีแสงแฟลช แต่มีแสงแห่งศรัทธา
หลังการผจญภัยล้มเหลวในฝรั่งเศสกับนีซ บาร์กลีย์กลับมาพรีเมียร์ลีกกับ ลูตัน และกลายเป็นหัวใจสำคัญของทีมเล็กที่สู้กับทุกยักษ์ใหญ่ด้วยหัวใจไม่ยอมแพ้
เขาเป็นนักเตะที่แฟนลูตันยกย่องมากที่สุด คนที่เล่นด้วยความรักต่อเกม ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงที่เคยมี
และนั่นคือสิ่งที่ อูไน เอเมรี เห็น เขาดึงบาร์กลีย์มาที่แอสตัน วิลล่าในปี 2024 พร้อมคำพูดสั้นๆ ว่า
“ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่มีพรสวรรค์แบบคุณถึงมีเส้นทางชีวิตแบบนั้น”
บาร์กลีย์ยิ้ม “เขาเป็นโค้ชที่พูดตรงมาก ไม่มีคำพูดสวยหรู เขาแค่พูดความจริง และผมชอบแบบนั้น”
วันนี้ที่แสงสว่างส่องนำทางให้ รอสส์ บาร์กลีย์
วันนี้เขาเป็นทั้งนักฟุตบอลและคุณพ่อ มีลูกชายตัวน้อยกับคู่ชีวิต แคทเธอลีนซ์
ชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยพังเพราะความดื้อรั้นและการหนีความจริง กลับกลายเป็นแรงผลักให้เขาเริ่มต้นใหม่
“ผมอาจทำหลายอย่างผิดไป แต่ทุกอย่างทำให้ผมกลายเป็นคนที่ดีขึ้น”
“สิ่งที่ผมฝันตอนนี้ไม่ใช่การเป็นสตาร์อีกต่อไป... ผมแค่อยากคว้าแชมป์กับวิลล่า เพื่อโค้ช เพื่อเพื่อนร่วมทีม และเพื่อพิสูจน์ให้ลูกชายเห็นว่า พ่อคนนี้ไม่ยอมแพ้อีกแล้ว”
จาก “เด็กท้องถิ่นผู้ถูกเทียบกับรูนีย์” สู่ “ผู้ชายที่เรียนรู้จะรักตัวเอง”
รอสส์ บาร์กลีย์ ไม่ใช่ดาวรุ่งแห่งอังกฤษอีกต่อไปเขาอาจไม่กลายเป็น “เจอร์ราร์ดแห่งเอฟเวอร์ตัน” อย่างที่หลายคนหวังแต่เขากลับกลายเป็นตัวอย่างของ “คนที่ไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดนิยามชีวิต”
จากเด็กหนุ่มที่เคยขอให้ดันแคน เฟอร์กูสันขับรถไปส่งบ้านสู่ผู้ใหญ่ที่เลือกจะขับชีวิตตัวเองอย่างมีสตินี่คือ รอสส์ บาร์กลีย์
“ชายผู้เลิกเหล้า เพื่อเริ่มต้นใหม่กับฟุตบอล... และกับชีวิตที่ใสสะอาดกว่าเดิม”
บทความที่เกี่ยวข้อง