One Hit Wonder : แจ็คสัน มาร์ติเนซ ดาวยิงเนื้อหอมยุโรป ที่เอาอนาคตไปทิ้งในแดนมังกร

Editorial Team
One Hit Wonder : แจ็คสัน มาร์ติเนซ ดาวยิงเนื้อหอมยุโรป ที่เอาอนาคตไปทิ้งในแดนมังกร image

92 ประตูจาก 136 นัด เพียงพอที่จะทำให้ แจ็คสัน มาร์ติเนซ กลายเป็นนักเตะเนื้อหอมที่ได้รับความสนใจไปทั่วยุโรป 

ทว่า หลังจากเล่นในสเปนเพียงแค่ 7 เดือน เขากลับช็อคโลก ด้วยการย้ายไปเล่นในไชนีส ซูเปอร์ลีก จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต 

เกิดอะไรขึ้นกับยอดดาวยิงรายนี้? ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกัน 

ศิษย์เก่าปอร์โต 

มาร์ติเนซ เกิดที่เมืองควิบโด ทางตะวันตกของ โคลอมเบีย และเริ่มต้นชีวิตนักเตะอาชีพกับ อินดีเพนดิเอนเต เมเดยิน ทีมเดียวกับที่ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักในโลกฟุตบอล 

แม้จะเริ่มต้นแบบไม่หวือหวา แต่เมื่อตั้งตัวได้ เขาก็กลายเป็นกองหน้าตัวหลักของทีม ก่อนจะซัดไปถึง 52 ประตูจาก 130 เกม พร้อมช่วยให้ อินดีเพนดิเอนเต คว้าแชมป์ลีกในปี 2009 

ทว่า ผลงานที่ยอดเยี่ยม ก็ยังไม่ดีพอที่จะทำให้ มาร์ติเนซ ได้ย้ายไปเล่นในลีกยุโรป จนมาได้ ชิอาปาส์ ในลีกสูงสุดเม็กซิโกรับไปดูแล และฝากผลงาน 33 ประตูจาก 64 เกมในช่วง 3 ปี

มันเป็นช่วงเดียวกับที่เขาถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ ก่อนจะได้เป็นหนึ่งใน 23 คนสุดท้ายชุดลุย โคปา 2011 ที่ โคลอมเบีย จอดป้ายในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

อย่างไรก็ดี เพียงแค่ 1 ปีหลังจากนั้นยุโรปก็เรียกหา และเป็น เอฟซี ปอร์โต สโมสรดังจากโปรตุเกส ที่ขึ้นชื่อเรื่องการปลุกปั้นนักเตะจากอเมริกาใต้ คว้าตัวเขาไปร่วมทีม แทนที่การจากไปของ ราดาเมล ฟัลเกา หัวหอกรุ่นพี่ในทีมชาติ ด้วยค่าตัว 8.8 ล้านยูโร 

และมันก็เป็นการย้ายทีมที่เหมาะเจาะ เมื่อ มาร์ติเนซ เข้ามาทดแทน ฟัลเกา ได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยการยิงไปถึง 26 ประตูจาก 30 นัดในพรีเมรา ลีกา โปรตุเกส 2012/13 ที่ทำให้เขาคว้าดาวซัลโวสูงสุดของลีก พร้อมพา ปอร์โต้ คว้าแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่ 

ฤดูกาลต่อมา ดาวยิงชาวโคลอมเบีย ยังคงรักษามาตรฐานตัวเองเอาไว้ได้ หลังซัดไป 29 ประตูในทุกรายการ ก่อนที่ในฤดูกาล 2014/15 เขาจะยิงได้มากที่สุด นับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในยุโรป ด้วยการยิงไป 32 ประตูจาก 42 นัด (ในลีก 21 ประตู) 

จำนวนดังกล่าวไม่เพียงทำให้ มาร์ติเนซ คว้ารางวัลดาวซัลโวลีกโปรตุเกส 3 สมัยติดเท่านั้น แต่ยังทำให้เขากลายเป็นแข้งเนื้อหอม และได้รับความสนใจจากทีมดังทั่วยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เอซี มิลาน, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ อาร์เซนอล 

ทว่า สุดท้าย เจ้าตัวก็สร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการซบอก แอตเลติโก มาดริด ในลาลีกา สเปน ด้วยค่าตัวสูงถึง 35 ล้านยูโร 

ก่อนที่มันจะกลายเป็นการตัดสินใจที่ทำให้เขาลืมไปลง

จากสเปนสู่ลีกจีน

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ มาร์ติเนซ ตัดสินใจย้ายไปเล่นให้ แอตฯ มาดริด คือการอยากจะตามรอย ฟัลเกา ที่เคยสร้างผลงานสุดยอดในสีเสื้อของตราหมี ด้วยการยิงไปถึง 72 ประตู จาก 87 นัด ก่อนย้ายไป โมนาโก ในปี 2013 

แต่ครั้งนี้มันกลับไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ เพราะแม้ประเดิมสนามด้วยการยิงไป 2 ประตูจาก 2 เกมแรก แต่หลังจากนั้น เขาก็ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า จนหมดสิทธิ์ลงสนามไปเป็นเดือน 

และเมื่อหายจากอาการบาดเจ็บ เขาก็พบว่าตัวเองต้องตกเป็นตัวสำรองของ อองตวน กรีซมันน์ และ เฟร์นันโด ตอร์เรส ทำให้เดือนกุมภาพันธ์ 2016 หรือเพียง 7 เดือนหลังย้ายมา แอต มาดริด เขาช็อคโลก ด้วยการย้ายไป เล่นให้ กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ ในไชนีส ซูเปอร์ลีก ด้วยค่าตัวสถิติเอเชียที่สูงถึง 42 ล้านยูโร 

จริงอยู่ที่ตอนนั้น ลีกจีนกำลังอยู่ในยุคเฟื่องฟู หลังนักเตะชื่อดังจากยุโรปอย่าง ออสการ์, รามิเรส หรือ อักเซล วิตเซล พาเหรดกันไปโกยเงินหยวน แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็ถูกมองว่ามันคือการปิดประตูการก้าวไปสู่ระดับเวิลด์คลาสของนักเตะเหล่านั้น 

แถมในตอนนั้น มาร์ติเนซ กำลังอายุ 28 ปี ซึ่งถือว่าเป็นช่วงพีคของตำแหน่งศูนย์หน้า อีกทั้งเขาเพิ่งจะได้พิสูจน์ตัวเองในลีกระดับท็อปอย่างลาลีกา ยังไม่ถึงหนึ่งปี

อย่างไรก็ดี ภายหลังเพื่อนร่วมทีมหลายคนก็ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุในการตัดสินใจของ มาร์ติเนซ ในครั้งนี้ หนึ่งในนั้นคือ กาบี เฟอร์นันเดซ ที่บอกว่าสาเหตุที่กองหน้าชาวโคลอมเบีย ไม่สู้ต่อกับ แอตฯ มาดริด มาจากปัญหาเรื่องวิธีคิด

“เราทุกคนเห็นว่า แจ็คสัน ไม่ได้เข้ากับทีมของเรา เพราะว่าวิถีในการทำงานของเขา“ กาบี กล่าวกับ Radio Marca 

ส่วน โอลิเวอร์ ตอร์เรส ที่รู้จักกับ มาร์ติเนซ เป็นอย่างดี หลังเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ ปอร์โต มาก่อน ก็เสริมว่าแนวคิดของ มาร์ติเนซ ที่ชอบโดดเดี่ยวตัวเอง และไม่ค่อยสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม คือสิ่งที่ทำให้เขาใช้ชีวิตในสเปนอย่างยากลำบาก 

“เราพยายามพูดคุยกับเขาอย่างจริงจังสัปดาห์ละครั้ง ทุกคนพยายามช่วยเขา แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไร” ตอร์เรส กล่าวกับ Marca 

“(แจ็คสัน) เชื่อในพระเจ้ามากกว่าตัวเอง เขาโดนความกดดันเล่นงาน เขาไม่เคยดูมั่นใจเลย” เพื่อนร่วมทีมที่ไม่ประสงค์ออกนามเสริม 

“ปัญหาของเขาคือ ขาดความสามารถในการปรับตัวเข้ากับทีมที่เต็มไปด้วมิติ” 

นอกจากนี้ ด้วยสไตล์การเล่นของ แอตฯ มาดริด ที่เน้นลูกโต้กลับ ทำให้ ดิเอโก ซิเมโอเน สั่งให้ มาร์ติเนซ ลงต่ำมาล้วงบอล แทนที่จะวิ่งฉีกกองหลังเหมือนที่โปรตุเกส ซึ่งทำให้เขาไม่มีความสุขและเลือกย้ายออกจากทีม 

ทว่า การย้ายไปจีนกลับเป็นการเอาอนาคตไปทิ้ง เพราะแม้ว่า มาร์ติเนซ จะออกสตาร์ทได้อย่างร้อนแรง ยิง 3 ประตู จาก 3 เกมแรก แต่เขาก็มาได้รับบาดเจ็บหนักที่ข้อเท้า จนพลาดการลงสนามไปถึง 23 นัดในฤดูกาลแรก 

แถมหลังจากนั้นเขาจะมาเจ็บซ้ำที่แผลเก่า จนหมดสิทธิ์ลงเล่นตลอดฤดูกาล 2017 และ 2018 และเพื่อไม่ให้ขาดทุนไปมากกว่านี้ กวางโจว จึงขอยกเลิกสัญญากับ มาร์ติเนซ และปล่อยออกจากทีมแบบไม่มีค่าตัว 

อันที่จริงในตอนคัมแบ็คกลับมาเล่นในลีกโปรตุเกสกับ ปอร์ติโมเนนเซ เขาทำผลงานได้ไม่เลว หลังยิงได้ถึง 9 ประตูจาก 27 เกม ทว่าด้วยอายุที่มากขึ้น บวกกับอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า ทำให้ มาร์ติเนซ ถูกปล่อยตัวออกจากทีมีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2020 

มาร์ติเนซ พยายามหาทีมค้าแข้งต่อ แต่ไม่มีใครกล้าเสี่ยงกับอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ทำให้สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจแขวนสตั๊ดด้วยวัย 34 ปี

แทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือชะตากรรมของศูนย์หน้าที่เคยได้รับความสนใจไปทั่วยุโรป แต่กลับต้องลงเอยกับการไร้ทีมต้นสังกัดจนต้องเลิกเล่น มันคือเป็นภาพสะท้อนของชีวิตนักฟุตบอล ที่ทั้งผันผวนและเปราะบางกว่าที่คิด 

จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหากวันนั้น มาร์ติเนซ ตัดสินใจไม่ไปจีน ชีวิตของเขาจะมาลงเอยอย่างน่าเศร้าแบบนี้หรือเปล่า?

บทความที่เกี่ยวข้อง

Senior Editor