One Hit Wonder : คัลวิน ฟิลลิปส์ ปิร์โลแห่งยอร์คเชียร์ ที่เผชิญกับฝันร้ายในถิ่นเอติฮัด

Maruak Tanniyom

One Hit Wonder : คัลวิน ฟิลลิปส์ ปิร์โลแห่งยอร์คเชียร์ ที่เผชิญกับฝันร้ายในถิ่นเอติฮัด image

มันคือชีวิตที่ไม่ต่างกับรถไฟเหาะ…ย้อนกลับไปในปี 2019 คัลวิน ฟิลลิปส์ กลายเป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญ ช่วยให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกในรอบ 16 ปี ก่อนที่เขาจะก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษ และได้เล่นในฟุตบอลโลก หลังจากนั้น 

ทว่า 6 ปีต่อมา เขากลายเป็นส่วนเกิน จนถึงขนาดถูกริบเบอร์เสื้อของ แมนฯ ซิตี้ ทั้งที่เรือใบสีฟ้าทุ่มเงินกว่า 45 ล้านปอนด์ คว้าตัวเขามาร่วมทีม เมื่อปี 2022 

เกิดอะไรขึ้นกับ กองกลางทีมชาติอังกฤษ ที่เคยถูกขนานนามว่า “ปิร์โลแห่งยอร์คเชียร์” ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกัน 

บุตรแห่งยอร์คเชียร์ 

แม้ว่า คัลวิน ฟิลลิปส์ จะเป็นชาวลีดส์โดยกำเนิด แต่กว่าที่เขาจะได้เป็นส่วนหนึ่งของลีดส์ ยูไนเต็ด ก็ต้องรอจนถึงอายุ 14 ปี หลังผ่านการทดสอบจนได้เข้ามาอยู่ในอคาเดมีของทีม 

เนื่องจากก่อนหน้านั้นเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับ วอร์ธลีย์ สโมสรท้องถิ่นที่อยู่มาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ก่อนที่ฝีเท้าจะไปเข้าตา ซอนนี สวีนีย์ แมวมองของลีดส์ และชวนมาทดสอบฝีเท้า 

อย่างไรก็ดี แม้จะมาทีหลังแต่ ฟิลลิปส์ ก็ใช้เวลาไม่นานในการเบียดขึ้นมาอยู่แถวหน้าของชุดอคาเดมี จนได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันของทีมชุดอายุไม่เกิน 18 ปี ก่อนจะได้รับสัญญาอาชีพ ในฤดูกาล 2014/15  

แม้ว่าฤดูกาลแรก เขาจะเล่นให้ทีมสำรองเป็นส่วนใหญ่ ทว่าในช่วงท้ายฤดูกาล โอกาสของ ฟิลลิปส์ ก็มาถึง เริ่มจากประเดิมถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมกับ วูล์ฟแฮมตัน เมื่อวันที่ 6 เมษายน และได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมกับ คาร์ดิฟฟ์ ในสัปดาห์ต่อมา 

อนาคตของ ฟิลลิปส์ ดูจะสดใส เมื่อได้รับการขยายสัญญาออกไปอีก 2 ปีหลังจากนั้น ทว่าการเปลี่ยนโค้ชเป็นว่าเล่นของลีดส์ จาก นีล เรดเฟิร์น ที่ให้โอกาสเขามาเป็น อูว์ โรสเลอร์ ต่อด้วยสตีฟ อีแวน ทำให้เขาได้ลงเล่นไปเพียงแค่ 10 เกมเท่านั้น 

จุดเปลี่ยนสำคัญคือการมาถึงของ แกรี มองค์ กุนซือคนใหม่ ในฤดูกาล 2016/17 เมื่อ ฟิลลิปส์ ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะคนสำคัญในระบบ 3 มิดฟิลด์ของกุนซือชาวเวลส์ร่วมกับ โรนัลโด้ วิเอรา และ เออร์นาน โอเคน จนได้ลงเล่นไปถึง 40 เกมในทุกรายการ 

แต่ปัญหาของ ลีดส์ ก็คือพวกเขาไม่สามารถรักษามาตรฐานของตัวเองได้ บางปีอาจจะลุ้นเลื่อนชั้น บางปีเป็นทีมกลางตาราง จนใช้ผู้จัดการทีมไปแล้วถึง 7 คนในระยะเวลาเพียง 5 ปี 

แน่นอนว่าการเปลี่ยนผู้จัดการทีมบ่อย ย่อมทำให้การพัฒนาการของ ฟิลลิปส์ ขาดความต่อเนื่อง แม้จะได้เล่นมากขึ้น แต่ก็ไม่โดดเด่น จนกระทั่งการมาถึงของชายที่ชื่อว่า มาร์เซโล บิเอลซา ที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล 

“บิเอลซา เป็นโค้ชที่ฉลาด เขาศึกษาวิดีโอของ คัลวิน และดูว่าเขายอดเยี่ยมในจุดไหน” สวีนีย์ กล่าวเมื่อปี 2019 

บิเอลซา เห็นว่า ฟิลลิปส์ เป็นนักเตะที่จ่ายบอลแม่น แถมยังตัดเกมได้ดี จึงให้เขาถอยลงมาเล่นในตำแหน่ง กองกลางตัวรับ รวมไปถึง เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ไว้เปิดบอลจากแนวหลัง 

และมันก็ทำให้ ฟิลลิปส์ เฉิดฉายอย่างเต็มที่ เขาเล่นได้อย่างแข็งแกร่งในตำแหน่งใหม่ และทำไป 3 แอสซิสต์ จาก 42 เกม จนได้รับเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปี แชมเปียนชิพ 2018/19 พร้อมกับ ฉายา “ปิร์โลแห่งยอร์คเชียร์” 

แต่นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อฤดูกาลต่อมา ฟิลลิปส์ กลายเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของ ลีดส์ ชุดคว้าแชมป์เดอะ แชมเปียนชิพ พร้อมได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกในรอบ 16 ปี

ด้วยฟอร์มดังกล่าวทำให้หน้าร้อนปี 2020 แกเรธ เซาธ์เกธ ตัดสินใจเรียกเขาติดทีมชาติอังกฤษ ก่อนจะได้ประเดิมสนามในเกมกับ เดนมาร์ก กลายเป็นนักเตะคนที่ 3 ที่เล่นให้ สิงโตคำราม โดยที่ไม่เคยเล่นในลีกสูงสุด รวมถึงได้เล่นใน ยูโร 2020 ทุกนัด ที่สุดท้ายทีมจบในตำแหน่งรองแชมป์ 

หลังจากยูโร 2020 เขายังคงทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในสีเสื้อของลีดส์ ทั้งที่เล่นในพรีเมียร์ลีกเป็นปีแรก และช่วยให้ทีมจบในอันดับ 9 อย่างเซอร์ไพรส์ 

อย่างไรก็ดี น่าเสียดายที่ฤดูกาลต่อมา ฟิลลิปส์ มาโดนปัญหาบาดเจ็บเล่นงาน จนลงช่วยทีมได้ไม่มากนัก และทำให้ ลีดส์ มีผลงานที่ย่ำแย่ จบอันดับ 17 รอดตกชั้นอย่างหวุดหวิด 

แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ ฟิลลิปส์ ทั้งในสโมสรและทีมชาติในช่วง 2 ปีหลังสุด ทำให้หลังจบฤดูกาล 2021/22 แมนฯ ซิตี้ ได้ทุ่มเงินสูงถึง 45 ล้านปอนด์ คว้าตัวเขาไปร่วมทีม 

ทว่า มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้าย

จากฟ้าสู่เหว

การได้เข้ามาอยู่กับทีมแชมป์เก่าอย่าง แมนฯ ซิตี้ รวมถึงภายใต้การดูแลของ ยอดโค้ชอย่าง เป๊บ กวาดิโอลาร์ น่าจะทำให้ฝีเท้าของ ฟิลลิปส์ พัฒนาต่อไปอีกได้ แต่ความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น

มันเริ่มมาจากการที่เขาได้รับบาดเจ็บ และต้องเข้ารับการผ่าตัดจนต้องพักยาวไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน บวกกับหลังเสร็จสิ้นภารกิจ รับใช้ทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลก 2022 เขายังกลับมาพร้อมกับน้ำหนักที่เกินกว่าเกณฑ์ถึง 1.5 กิโลกรัม จนทำให้ถูกดร็อปออกจากทีม 

“เขาไม่ได้บาดเจ็บ เขากลับมาพร้อมกับน้ำหนักที่เกิน ผมไม่รู้ (ว่าทำไม) เขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่สามารถลงซ้อมหรือลงเล่น” กวาดิโอลาร์กล่าว 

แม้ว่าสุดท้าย ฟิลลิปส์ จะได้ลงเล่นไปถึง 21 นัดในฤดูกาล 2022/23 แต่นั่นก็เป็นเหมือนการนับถอยหลังเวลาของเขาในถิ่นเอติฮัด สเตเดียม เมื่อเขาไม่ได้รับความไว้ใจจากกุนซือชาวสเปนอีกเลย  

เขาแทบจะกลายเป็นนักเตะที่ กวาดิโอลาร์ มองข้ามและได้สัมผัสเกมในพรีเมียร์ลีกไปเพียงแค่ 4 เกมในครึ่งฤดูกาลแรก ก่อนจะถูกปล่อยให้ เวสต์แฮม ยืมตัวไปใช้งานในตลาดนักเตะหน้าหนาว 

แต่ ฟิลลิปส์ ที่เคยแข็งแกร่งเหมือนสมัย ลีดส์ ไม่มีอีกแล้ว เขาขาดทั้งความปราดเปรียว และไร้ความมั่นใจ อีกทั้งยังก่อความผิดพลาด จนทำให้ทีมเสียประตูหลายครั้ง และได้ลงเล่นให้ เวสต์แฮมไปเพียงแค่ 8 เกมในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น 

แม้ว่าซีซั่นต่อมา เขาจะถูกปล่อยไปให้ อิปสวิช น้องใหม่ยืมตัวไปใช้งาน แต่ฟอร์มก็ยังไม่กระเตื้องขึ้น เขาแทบไม่เหลือคราบของความดุดันในอดีต จนสุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการตกชั้น 

และในฤดูกาล 2025/26 ก็แทบจะเป็นการปิดฉากชีวิตนักเตะแมนฯ ซิตี้ เพราะนอกจากจะถูกยึดหมายเลข 4 ไปให้ผู้มาใหม่อย่าง ทิจจานี่ ไรจ์นเดอร์ แล้ว เขายังไม่มีชื่อในการลงทะเบียนในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ของ แมนฯ ซิตี้ อีกด้วย

ทำให้แม้ว่าล่าสุด ฟิลลิปส์ จะได้กลับมาลงสนามให้ ซิตี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 645 วัน ในเกมคาราบาวคัพกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ แต่ในเกมกับ สวอนซี เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาก็ตกเป็นตัวสำรองอีกครั้ง 

“เป็นตัวจริงน่ะเหรอ ไม่ บางที เขาอาจจะเดินทางไปกับเรา เขาเป็นนักเตะของทีม เขากลับมาและซ้อมกับเรา เราก็ปฏิบัติกับเขาเหมือนกับนักเตะคนอื่น” กวาดิโอลาร์ กล่าวถึง ฟิลลิปส์ ก่อนเกมกับ สวอนซี  

“การตัดสินใจว่าเขาจะได้เล่นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผม เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมเสมอ ผมดีใจที่ได้เห็นเขาในห้องแต่งตัว” 

ด้วยสัญญาที่ยังเหลือจนถึงปี 2028 ทำให้ทางออกที่ดีที่สุดของ ฟิลลิปส์ ในตอนนี้คือการย้ายออกจากทีมในช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาวที่จะถึงนี้  

จากกระแสข่าว มีรายงานว่าทีมอย่าง เอฟเวอร์ตัน และ นิวคาสเซิล รวมถึงหลายในยุโรป กำลังให้ความสนใจในตัวเขา ที่จะยืมตัวไปช่วยทีมระยะสั้นๆ 

เชื่อว่าด้วยอายุเพียง 29 ปี เขายังพอมีเวลาที่จะเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกครั้ง ขณะเดียวกันเขาก็จะต้องใช้โอกาสเหล่านี้อย่างคุ้มค่า เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าอยู่ในระดับไหน 

ก็ได้แต่เป็นกำลังใจให้ ฟิลลิปส์ กลับมาคืนฟอร์มในเร็ววัน และไม่อยากเห็นเขาออกทะเลไปมากกว่านี้ 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Editorial Team