“เขาคงเป็นนักเตะระดับโลกไปแล้ว ถ้าไม่มีแมคโดนัลด์” คำจำกัดความของ ราฟาเอล ซิลวา ที่มีต่อ แอนเดอร์สัน
ย้อนกลับไปในปี 2007 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างความฮือฮาด้วยการทุ่มเงินถึง 30 ล้านยูโร คว้าตัว แอนเดอร์สัน กองกลางวัย 19 ปีมาร่วมทีม
แม้จะถูกวิจารณ์เรื่องค่าตัวมหาศาล สำหรับผู้เล่นที่ผ่านการลงสนามมาแค่ 50 นัดเศษ แต่ทีมแมวมองของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนั้นก็ยืนยันว่านี่คือนักเตะที่เก่งกว่า เวย์น รูนีย์ เสียอีก
แต่สุดท้าย แอนเดอร์สัน ห่างไกลจากคำว่าสำเร็จในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด จนเป็นหนึ่งในรอยด่างสำหรับการซื้อตัวของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือปีศาจแดง
เกิดอะไรขึ้นกับวอนเดอร์คิดชาวบราซิลรายนี้ ติดตามไปพร้อมกัน
เด็กมหัศจรรย์แห่งบราซิล
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าพรสวรรค์ ความอุตสาหะ หรือข้อจำกัดในชีวิต ที่ทำให้ แอนเดอร์สัน มุ่งมั่นจนขึ้นมาแจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่ของ เกรมิโอ ได้ตั้งแต่อายุ 16 ปี
อันที่จริง แอนเดอร์สัน ก็ไม่ต่างจากเด็กคนอื่น ที่อยากเล่น อยากสนุก ทว่า 2 ปีก่อนได้เดบิวท์ เขาก็เจอกับจุดเปลี่ยนในชีวิต เมื่อพ่อมาเสียชีวิตอย่างกระทันหัน ที่ทำให้เขาซึ่งเป็นพี่คนโต ต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย
ขณะที่เพื่อนแถวบ้านใช้เวลาไปกับการเที่ยวเล่น ยาเสพติด และความรุนแรง แอนเดอร์สัน มีเป้าหมายเดียวคือฟุตบอล เพราะมันคือแหล่งรายได้ที่จะช่วยให้พี่น้องและแม่พ้นความยากลำบากไปได้
จนกระทั่งในปี 2004ความตั้งใจของ แอนเดอร์สัน จะสัมฤทธิ์ผล เมื่อเขาสามารถเบียดขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของ เกรมิโอ ทีมเดียวที่เคยปลุกปั้น โรนัลดินโญ ตำนานทีมชาติบราซิล ได้สำเร็จ
และ แอนเดอร์สัน โชว์ของตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนาม หลังตะบันฟรีคิกสุดสวยในเกมกับ นาซิอองนาล แม้สุดท้ายจะไม่สามารถช่วยให้ เกรมิโอ รอดตกชั้นได้ก็ตาม
ทว่า การลงไปเล่นในลีกรอง ยิ่งทำให้ แอนเดอร์สัน ได้มีโอกาสโชว์ฝีเท้ามากขึ้น ก่อนที่เขาจะยิงไป 8 ประตูจาก 25 เกมในทุกรายการ พร้อมช่วยให้ เกรมิโอ เลื่อนชั้นกลับมาเล่นในลีกสูงสุดได้สำเร็จ
ผลงานดังกล่าว ยังทำให้ แอนเดอร์สัน ถูกเรียกติดทีมชาติบราซิล U17 ชุดลุยศึกเยาวชนโลก 2005 ที่เปรู ก่อนที่เขาจะเป็นกำลังสำคัญให้ขุนพลแซมบ้า เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
แม้สุดท้ายบราซิล จะจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์ แต่ฟอร์มอันสุดยอดของ แอนเดอร์สัน ทำให้เขาถูกเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของของทัวร์นาเมนต์

ด้วยดีกรีขนาดนี้ ทำให้ ปอร์โต ที่ขึ้นชื่อเรื่องการชอบปั้นนักเตะจากละตินอเมริกา ไม่รอช้าจัดการเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ แอนเดอร์สัน ตั้งแต่หน้าร้อน 2005 ก่อนจะย้ายมาอยู่กับทีมในเดือนมกราคม 2006 หรือ 3 เดือนก่อนเขาอายุ 18 ปี ด้วยค่าตัว 7 ล้านยูโร
แอนเดอร์สัน ใช้เวลาไม่นานก็สามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ในโปรตุเกสได้ทันที เขาลงเล่นให้ 5 เกมในครึ่งฤดูกาลแรก และอีก 19 เกมในฤดูกาล 2006/07 ที่ทำไป 2 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์
แข้งชาวบราซิลยอมรับว่า การสูญเสียพ่อ ทำให้เขาต้องโตกว่าเด็กวัยเดียวกัน และมันก็มีประโยชน์สำหรับเขาที่ต้องใช้ชีวิตต่างแดนตั้งแต่อายุยังน้อย
“ผมชินกับการต้องเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนอายุ 15 ผมคิดว่าตัวเองอายุ 23-24 ปีแล้ว และต้องตัดสินใจอะไรยากๆ เกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง” แอนเดอร์สัน อธิบาย
หลังจบฤดูกาลดังกล่าว แอนเดอร์สัน ก็กลายเป็นแข้งเนื้อหอม จากผลงานที่โดดเด่นเกินวัย และสุดท้ายก็กลายเป็นแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทุ่มเงินสูงถึง 30 ล้านยูโร คว้าตัวดาวเตะวัย 19 ปีไปร่วมทีม
ทว่า การเซ็นสัญญาครั้งนี้กลับเป็นหนึ่งในรอยด่างในฐานะผู้จัดการทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
พังเพราะปาก
อันที่จริง ก่อนที่ แอนเดอร์สัน จะย้ายมายุโรป แมนฯ ยูไนเต็ด ก็สนใจในตัวเขาอยู่แล้ว จนถึงขนาดที่ เฟอร์กี้ ส่งน้องชาย มาร์ติน เฟอร์กูสัน ไปเช็กฟอร์มถึงบราซิลมาแล้วหลายครั้ง
“ผมส่ง มาร์ติน ไปดูฟอร์มเขาทุกเกมประมาณ 4-5 สัปดาห์ มาร์ตินบอกว่า ‘อเล็กซ์ เขาเก่งกว่า รูนีย์ อีก” เฟอร์กูสันกล่าวในหนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัว
“‘พระเจ้าช่วย อย่าพูดแบบนั้น’ ผมบอกเขาไป ‘เขาต้องดีกว่า รูนีย์ แน่ๆ’ มาร์ตินยืนกรานมาแบบนั้น”
ด้วยความคาดหวังดังกล่าว ทำให้ แอนเดอร์สัน ถูกใช้งานบ่อยครั้งตั้งแต่ฤดูกาลแรก และลงเล่นไปถึง 38 เกมในทุกรายการ รวมถึงนัดชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีก 2008 ที่ถูกส่งลงเป็นตัวทีเด็ดไปยิงจุดโทษจนชนะ เชลซี คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ
“แอนเดอร์สัน ยอดเยี่ยมมาก เขาไม่เกรงกลัวแม้กระทั่งต้องเจอกับ สตีเวน เจอร์ราร์ด ผมคิดว่าเขารับมือตรงส่วนนั้นได้ดีมาก สตีเวน ค่อนข้างเงียบนะวันนี้” เซอร์อเล็กซ์ กล่าวหลังเกมบุกชนะ ลิเวอร์พูล เมื่อเดือนธันวาคม 2007
ซีซั่นต่อมา ก็ยังเป็นช่วงเวลาที่เขาได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะแม้จะมีอาการบาดเจ็บ แข้งชาวบราซิลก็ยังลงเล่นไปถึง 38 เกมในทุกรายการ แถมยังคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี (Golden Boy) รางวัลเดียวกันที่ ลิโอเนล เมสซี, เชสก์ ฟาเบรกัส หรือ เซร์คิโอ อเกวโร ได้รับ
“แอนเดอร์สัน เล่นได้เยี่ยมมาก เด็กคนนี้มีอะไรพิเศษจริงๆ” กุนซือชาวสก็อตกล่าวถึงลูกทีม

อย่างไรก็ดี เมื่อเวลาผ่านไป พัฒนาการของ แอนเดอร์สัน ดูจะไม่กระเตื้องขึ้นเลย เพราะแม้จะได้รับโอกาสบ่อยครั้งจากเฟอร์กี้ แต่เขากลับทำประตูหรือแอสซิสต์ได้น้อยมาก
นอกจากนี้เขายังมีอาการบาดเจ็บบ่อยครั้ง และเคยพักยาวถึง 6 เดือน รวมถึงปัญหาเรื่องอาหารการกิน ที่ ราฟาเอล ดา ซิลวา เคยออกมาแซวว่าเขาติดอาหารแมคโดนัลด์มาก ซึ่งส่งผลต่อสภาพร่างกาย และฟอร์มการเล่น
“เขาเคยได้รับบาดเจ็บใหญ่ และมีปัญหากับวิธีการกิน ที่ส่งผลกระทบต่อตัวเขา” ราฟาเอล กล่าว
“มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ฟอร์มที่ดีที่สุดเกิดขึ้นตอนที่เขาได้ลงเล่นบ่อยๆ เพราะตอนนั้นเขากินได้ไม่มาก ผมขอพูดถึงเขาแล้วกันว่าถ้าเขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เขาคงเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก”
“ผมพูดอย่างจริงจัง ผมไม่รู้เขาเคยจริงจังกับอะไรหรือเปล่า เขาแค่รักชีวิตที่สบาย และกินอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า”
สุดท้ายฟอร์มของเขาก็ค่อยๆ ดิ่งลงเหว และเมื่อเฟอร์กี้จากไปในปี 2013 ก็เหมือนเป็นการปิดฉากอนาคตของ แอนเดอร์สัน เขาเริ่มจากการถูก เดวิด มอยส์ ปล่อยให้ ฟิออเรนตินา ยืมตัว ก่อนจะถูก หลุยส์ ฟาน กัล ปล่อยตัวออกจากทีมในปี 2015
อันที่จริงเขามีโอกาสกลับมาเล่นในยุโรปกับ อดานา เดเมียร์สปอร์ ในลีกตุรกี ในช่วงสั้นๆ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าจดจำ ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2020 ด้วยวัยเพียง 31 ปี
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ แอนเดอร์สัน คือภาพสะท้อนของชีวิตนักฟุตบอลอาชีพอย่างแท้จริง ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ฝีเท้า แต่ยังต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ และวินัยของตัวเอง
น่าเสียดายที่แข้งชาวบราซิล ต้องกลายเป็นอีกดาวดับที่ไปไม่สุดในโลกฟุตบอล และที่น่าเจ็บปวดก็คือ ส่วนหนึ่งของสาเหตุนั้นดันเกิดขึ้นเพราะตัวของเขาเอง