บางครั้ง…คุณก็รู้ได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น คน ๆ นั้นแหละ คือ “ใช่” สำหรับคุณ คุณสัมผัสได้ในหัวใจ ว่าจะเดินไปด้วยกันอีกยาวนาน แต่บางครั้ง มันก็ไม่ง่ายแบบนั้น
คุณอาจเอาเขาไปเปรียบกับคนที่มาก่อนหน้า อาจจะไม่ชอบตั้งแต่แรก หรืออาจจะต้องใช้เวลาเรียนรู้กว่าจะเข้าใจกันจริง ๆ
กับแฟนบอลน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต ก็เป็นแบบนั้น
นูโน กับ การถูกทิ้งไว้กลางทาง
นูโน่ เข้ามารับไม้ต่อจาก สตีฟ คูเปอร์ — ผู้พาสโมสรกลับสู่พรีเมียร์ลีกในรอบ 23 ปี ผู้ที่แฟนบอลยังคงร้องเพลงให้ แม้ในเกมที่พ่ายฟูแล่ม 0-5 อย่างน่าเจ็บปวดก่อนถูกปลด คูเปอร์คือกุนซือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ฟอเรสต์ รองจากตำนานอย่าง ไบรอัน คลัฟ
ดังนั้น งานของนูโน่จึงหนักตั้งแต่วันแรก แต่เขาทำได้ และทำเกินความคาดหมายด้วยซ้ำ
เขาพาฟอเรสต์กลับไปเล่นฟุตบอลยุโรปในรอบ 30 ปี
เขาสร้างค่ำคืนแห่งความทรงจำ ที่แฟน ๆ จะเล่าให้ลูกหลานฟังต่อไป
แต่กว่าทุกอย่างจะมาถึงตรงนั้น มันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทน
ครึ่งฤดูกาลแรกหลังจากคูเปอร์ถูกปลด เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ไม่ใช่แค่เรื่องในสนาม แต่รวมถึงปัญหานอกสนามด้วย
การถูกหักแต้มจากการละเมิดกฎ PSR, ทวีตดราม่าที่สโมสรออกมาบ่นผู้ตัดสิน, และบรรยากาศมืดมนที่มีทั้งความรู้สึก “ถูกกลั่นแกล้ง” และความจริงที่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น
นูโน่เองก็มีส่วนไม่น้อย ทั้งแท็กติกที่อึดอัด การตัดสินใจที่ชวนงง แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ฤดูกาลนั้นมันคือ “การเอาตัวรอด” ไม่ใช่แค่บนตารางคะแนน แต่คือการพาสโมสรไปถึงซัมเมอร์อย่างยังหายใจอยู่
และเมื่อฤดูกาลใหม่มาถึง เขาก็แปรเปลี่ยนจากคนที่ถูกกังขา…สู่ฮีโร่
ค่ำคืนที่แอนฟิลด์ โอลด์แทรฟฟอร์ด และความทรงจำไม่รู้ลืม
ชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1969
บุกชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดครั้งแรกในรอบ 30 ปี ก่อนจะย้ำแค้นในบ้าน
คัมแบ็กสุดมันส์ใส่แอสตัน วิลล่า
หักปีกแชมป์เก่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ถล่มไบรท์ตัน 7-0
และบทสรุปคือการได้ไปลุยยุโรป
ฤดูกาลนั้นไม่ใช่แค่เรื่องผลการแข่งขัน แต่มันคือการฟื้นคืนชีวิตให้แฟนบอล ฟอเรสต์กลับมา “มีความสุข” อีกครั้ง และในภาพนั้น มีกุนซือโปรตุกีสคนนี้ยืนยิ้มสงบนิ่งอยู่เสมอ
กุนซือผู้หลงใหลใน “จังหวะชีวิต”
อาร์เชอร์ อาลี นักแสดงและแฟนฟอเรสต์ เคยบรรยายถึงนูโน่ว่าเหมือน “พระนักปราชญ์” สงบ นิ่ง และเปี่ยมด้วยปัญญา
เขาเล่นเครื่องดนตรีแปลกตาอย่าง แฮนด์แพน (Handpan) ระหว่างการประชุมกับลูกทีม และแม้กระทั่งโชว์ให้สื่อดูหลังจบฤดูกาล มันสะท้อนว่าเขาไม่ได้เชื่อแค่แท็กติกหรือสถิติ แต่เชื่อใน “บรรยากาศ” และ “สายสัมพันธ์”
การเก็บตัวที่ปรีซีซั่น 2024 คือจุดเริ่มต้นของทีมที่แข็งแกร่งที่สุดทีมหนึ่งในยุคพรีเมียร์ลีก บรรยากาศที่สร้างขึ้นในตอนนั้นถูกมองว่าเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ
จุดแตกหักที่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้น
แต่เพียงแค่การเปิดปากต่อหน้าสื่อหลังเกมแรกของฤดูกาล ประโยคที่บอกว่าสภาพทีมไม่ดี และความสัมพันธ์กับเจ้าของทีม เอวานเจลอส มารินากิส ตึงเครียด — กลายเป็นชนวนระเบิด
ปัญหากับ เอดู (ผอ.เทคนิค) ที่บานปลายไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้นูโน่เลือกเส้นทางที่เสี่ยงที่สุด คือการ “พูดออกมาตรง ๆ” และนั่นก็นำไปสู่การสิ้นสุดความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่ายอาจเสียใจในภายหลัง
มันคือการจากไปที่ไม่จำเป็น และอาจทิ้งร่องรอยเจ็บปวดต่ออนาคตของฟอเรสต์
ทีมที่กำลังจะสวยงาม…แต่กลับสะดุด
นี่คือฤดูกาลที่ฟอเรสต์ควรเดินหน้าต่อ ฟุตบอลยุโรป เบอร์ใหญ่ ๆ ในยูโรป้าลีก ขุมกำลังใหม่ 13 คน มูลค่าเกือบ 200 ล้านปอนด์ นี่น่าจะเป็นฤดูกาลที่งดงาม
แต่ตอนนี้ กุนซือคนใหม่ ซึ่งสื่อรายงานว่าจะเป็น อังเก้ ปอสเตโคกลู ต้องรีบเข้ามารับช่วง และเจอภารกิจสุดโหดตั้งแต่ต้น ทั้งการปรับตัวกับทีมใหม่ และการออกไปเล่นเกมเยือน 4 นัดติด รวมถึงการบุกไปเยือนเรอัล เบติสที่เซบีย่า
รักแท้ที่ถูกพรากไปกลางทาง
แฟนบอลบางส่วนอาจรู้สึกว่านูโน่ไม่ใช่คนที่จะพาทีมไป “อีกระดับ”
แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เขาเองก็เริ่มปรับวิธีการเล่น มีสัญญาณของการพัฒนาเพียงแค่ใน 3 เกมแรกของซีซั่นใหม่
เพียงแต่เราไม่มีวันได้รู้แล้วว่ามันจะไปไกลแค่ไหน
ที่ชัดเจนคือ นูโน่ได้กลายเป็นคนที่แฟนฟอเรสต์รักจริง ๆ ชื่อของเขาถูกขับร้องในสนามไม่ต่างจากคูเปอร์
เพียงแต่เรื่องราวของเขากับสโมสร…มันจบลงกลางทาง เหลือไว้เพียงคำถามว่า “มันจะเป็นยังไงถ้าเขาได้อยู่ต่อ?”
วันนี้ ฟอเรสต์กลับเข้าสู่ความวุ่นวายที่เราอาจคาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าไม่น่าจะสงบได้นานนัก ส่วน นูโน่ เอสปิริโต ซานโต ตอนนี้อาจกำลังใช้เวลาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในเกาะฟอร์เมนเตรา ใกล้อิบิซ่า นั่งริมชายหาด ลงทะเล และปล่อยใจให้สงบ…ห่างไกลจากความวุ่นวายที่น็อตติ้งแฮม
บทความที่เกี่ยวข้อง