ไม่แย่อย่างที่สุด : เปิดสถิติเกมรุกแมนฯ ยูฯ ดีที่สุดในลีก?

Maruak Tanniyom

ไม่แย่อย่างที่สุด : เปิดสถิติเกมรุกแมนฯ ยูฯ ดีที่สุดในลีก? image

หลังจากผ่านฤดูกาลอันโหดร้าย ด้วยการจบในอันดับ 15 ของตาราง ซีซั่นนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังไม่ฟื้นดี ด้วยผลงานกระท่อนกระแท่น จาก 3 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก  

ทั้งนี้ แม้จะมีฟอร์มที่แฟนบอลต้องส่ายหน้า แต่หากมองลึกลงไปกลับพบว่า ปีศาจแดง คือทีมที่มีเกมรุกที่น่ากลัวที่สุดในพรีเมียร์ลีก

เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? ติดตามไปพร้อมกัน 

เกมรุกสุดอันตราย 

อาจจะเรียกว่าฟื้นตัวได้ไม่เต็มปากสำหรับ แมนฯยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ เพราะแม้ว่าเกมนัดล่าสุด พวกเขาจะเก็บ 3 คะแนนเหนือ เบิร์นลีย์ แต่รูปเกมต้องเรียกว่าหืดจับ

นี่ยังไม่นับว่าชัยชนะเหนือทีมน้องใหม่ ยังเป็นเพียงการเอาชนะคู่แข่งเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา จนทำให้ไม่ว่ามองจากมุมไหน พวกเขาก็ยังสะบักสะบอมอยู่พอสมควร 

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นสิ่งที่เห็นจากการแข่งขัน เพราะหากมองลึกลงไปจะพบว่า ปีศาจแดง กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเกมรุก ที่เป็นทีมที่น่ากลัวที่สุดในพรีเมียร์ลีก 

จากการวิเคราะห์ของ BBC Sports พบว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ โดดเด่นอย่างมากในการสร้างสรรค์เกม โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งความผิดพลาดของคู่แข่ง 

จากสถิติพวกเขาคือทีมที่มีโอกาสยิงมากที่สุดใน 10 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวนถึง 165 ครั้ง และมีประตูที่ควรจะได้ (Expected Goals) ถึง 16 ลูก มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลีก 

แต่ปัญหาของพวกเขาคือการจบสกอร์ เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้เพียงแค่ 9 ลูก หรือแค่ราว 5.5 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น แย่ที่สุดที่สุดในลีก (ไม่นับทีมตกชั้น) 

ไม่ต่างจากเกมรับที่เปื่อยยุ่ยราวกับ ทิชชู่ หลังปีศาจแดง กลายเป็นทีมที่ถูกหาจังหวะยิงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก ถึง 91 ครั้ง และเสียไป 17 ประตู (อันดับ 14) พร้อมด้วยอัตราที่คู่แข่งเปลี่ยนเป็นประตูถึง 18.7 เปอร์เซ็นต์ รั้งอันดับสุดท้ายของลีก 

อย่างไรก็ดี แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีอีกสถิติที่น่าสนใจคือ พวกเขาเป็นทีมที่ครองเกมได้มากที่สุดเป็นอันดับ 7 ของลีก ซึ่งถ้าหากเกมรุกของพวกเขามีประสิทธิภาพมากพอ ปีศาจแดง ก็อาจจะเก็บแต้มได้มากกว่าเดิมถึง 2 เท่า หรือราว 16 แต้ม แทนที่จะเป็นแค่ 8 แต้ม 

ผลงานดีขึ้น 

ในวันที่ รูเบน อโมริม เข้ารับงาน แมนฯ ยูไนเต็ด ในเดือนพฤศจิกายน 2024 เขาเป็นเหมือนความหวังที่เข้ามากอบกู้ทีมที่รั้งอยู่ในอันดับ 14 ของตารางในขณะนั้น 

แต่เมื่อเวลาผ่านไป อันดับของทีมก็ถดถอยลงอย่างไม่น่าเชื่อ จนร่วงมาอยู่อันดับ 16 ของตาราง ก่อนเกมนัดสุดท้าย ยังดีที่ชัยชนะเหนือ แอสตัน วิลลา ในนัดปิดฤดูกาล พอที่จะทำให้พวกเขาจบด้วยอันดับ 15 ของพรีเมียร์ลีก 2024/25 

อย่างไรก็ดี หากดูจากสถิติ 30 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีกของ อโมริม จะพบว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะโอกาสการทำประตูที่ควรได้เมื่อเทียบกับประตูที่ได้จริง (ไม่นับจุดโทษ) หรือที่เรียกว่า Non-penalty xG difference (npxG) 

ค่านี้มักจะถูกใช้เป็นตัววัดประสิทธิภาพในเกมรุกที่แท้จริง โดยจะเอาโอกาสในการทำประตู หรือ xG ลบด้วยประตูที่เกิดขึ้นจริง ที่หากผลเป็นบวก จะหมายความว่าทำประตูได้มากกว่าที่คาดไว้ ส่วนหากเป็นลบจะหมายถึงทำประตูได้น้อยกว่าที่คาดไว้  

สำหรับ อโมริม เขาประเดิมคุมทีมนัดแรกในเกมกับ อิปสวิช ทาวน์ ด้วยค่า npxG ที่ -0.9 และดีขึ้นจนมาแตะ 0 แต่หลังจากนั้นมันก็ดิ่งลงเรื่อยๆ เป็น -4.3 ในเกมพ่ายอาร์เซนอล 2-0 มาเป็น -4.5 ในเกมเสมอเอฟเวอร์ตัน 2-2 และต่ำสุดที่ -6.7 ในเกมกับ อิปสวิช แม้ว่าจะเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-2 ก็ตาม 

อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 ตัวเลขนี้ของพวกเขาก็กระเตื้องขึ้น มาเป็น -5.4 เป็น -3.3 และนับตั้งแต่เกมพ่าย เวสต์แฮม 0-2 ที่มีค่า npxG ที่ +1.5 พวกเขาก็ไม่เคยลงมาต่ำกว่า 0 และขึ้นไปสูงสุดที่ +3.9 ในเกมเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกที่พ่ายอาร์เซนอล 0-1

สิ่งนี้กำลังบอกอะไร? อธิบายอย่างสรุปก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถสร้างโอกาส และน่าจะได้ประตูมากกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่สามารถจบสกอร์ได้เฉียบคมพอ 

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเสียประตูอย่างง่ายได้ จนทำให้ประตูที่กว่าจะยิงได้ต้องลำบากลำบนนั้นไร้ความหมาย และเก็บแต้มไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็น 

ทางแก้ไขนั้นง่ายมากแต่ก็ทำยาก นั่นก็คือปรับปรุงการจบสกอร์ให้เฉียบคมขึ้น และลดการถูกยิงให้น้อยลง แต่ถ้าหากพวกเขาทำได้ ผลการแข่งขันที่ต้องการย่อมมาถึงแน่นอน  

เพราะจากสถิติตอนนี้ มันสามารถบอกได้ชัดเจนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มมีสัญญาณบางอย่างที่ดีขึ้น ภายใต้การคุมทัพ อโมริม ในซีซั่นที่ 2 นี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

Maruak Tanniyom

ลีดส์ ยูไนเต็ด, ญี่ปุ่น, มังงะ