แชมป์ฝรั่งเศสที่สอนบทเรียนให้ อินเตอร์, เรอัล มาดริด และบาเยิร์น มิวนิค ต้องพ่ายหมดรูป กลับเป็นฝ่าย “พัง” ภายใน 45 นาที
และคนที่ยกหัวไม้เบสบอลขึ้นทุบเปลือกแข็ง PSG ในรอบชิง ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ที่ MetLife Stadium ไม่ใช่ใครที่ไหน โคล พาลเมอร์และ เหล่าเด็กพันล้านปอนด์ที่เชลซีรวมตัวกันมา
โคล พาลเมอร์: เด็กหนุ่มที่ได้ขึ้นบิลบอร์ดยักษ์เบอร์ 1 ของโลก
ก่อนเกมจะเริ่ม ฟีฟาสร้างภาพ “พาลเมอร์” ยืนกินมื้อกลางวันบนคานเหล็กเหนือแมนฮัตตัน กลายเป็นไวรัลทั่วโลก… และเจ้าตัวก็ลงสนามมา ลงมือพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ใช่แค่ภาพ
นาที 22: ซัดเรียดเข้าเสาแรกแบบนิ่งเฉียบ
นาที 30: ดึงหลอกหนึ่งจังหวะ ก่อนซัดลูกเดิม ใส่ ดอนนารุมม่า อีกรอบ
นาที 43: จ่ายทะลุช่องให้ โจอา เปโดร ชิพข้ามหัว ดอนนารุมม่า
ภายใน 45 นาที พาลเมอร์ 2 ประตู 1 แอสซิสต์ กลายเป็น คีย์แมนที่ฆ่าความฝันของ PSG แบบไร้ปราณี
มาเรสก้า x เชลซี : แท็กติกบีบเกม + ความกล้าได้กล้าเสีย
“เราชนะใน 10 นาทีแรก” – เอ็นโซ่ มาเรสก้า
แผนการเพรสสูง ไล่คนต่อคน ปิดทุกช่องว่าง และเน้นเจาะฝั่งซ้ายของ PSG กลายเป็นสูตรลับที่ทำให้แชมป์ยุโรปอย่าง PSG เหมือนกลายเป็นทีมเยาวชน
มาร์ค กูกูเรย่า ถูกดึงผมจนอีกฝ่ายโดนแดง
เปโดร เนโต ตามดับเครื่องชน อัชราฟ ฮาคิมี่ ได้ตลอด 90 นาที
มาโล กุสโต และ โรเบิร์ต ซานเชซ ก็เล่นได้เหนือคำวิจารณ์
นี่คือทีมเชลซีที่ “เชื่อในแผน” และ “มั่นใจในตัวเอง”
เปแอชเช: พังทั้งเกม พังทั้งจิตใจ
หลังเสียงนกหวีดยาว หลุยส์ เอ็นริเก้ โค้ชของ PSG ที่พาทีมคว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว กลับหลุดคุมอารมณ์ จนมีภาพเหมือนตบหน้า โจอา เปโดร ต้องให้ คิมเพมเบ้ มาลากออก
“ผมแค่พยายามห้ามศึก ไม่ให้บานปลาย” – เอ็นริเก้ให้สัมภาษณ์
แต่บรรยากาศทั้งในและนอกสนาม สะท้อนชัดว่า PSG ไม่ได้แค่แพ้ แต่คือ แพ้แบบถูกทำให้ไร้ความมั่นใจจนไม่เชื่อว่าจะเป็นทีมเต็งแชมป์
เชลซียุคใหม่: จาก “ทีมพันล้าน” สู่ “ทีมแชมป์โลก”
พวกเขาเป็นทีมที่อายุน้อยที่สุดในทัวร์นาเมนต์ ไม่มีนักเตะอายุเกิน 27 ปี แต่คว้า 2 แชมป์ในฤดูกาลเดียว (คอนเฟอเรนซ์ ลีก และสโมสรโลก)
พวกเขามี
พาลเมอร์ —ตัวแบกทุกอย่างของทีม
ซานเชซ — ผู้รักษาประตูที่พิสูจน์ตัวเองได้ในเกมสำคัญ
กุสโต – แบ็กที่รอดแรงกดดันจากเหล่าผู้เล่นของเปแอชเช
เจา เปโดร – ดาวรุ่งที่ยิง 3 ประตูจาก 3 นัด
และข้างหน้า...ยังมีชื่ออย่าง เจมี กิทเท่นส์ และ เอสเตวาโอ วิลเลียน รอเข้ามาเสริม
สถานีแล้วต่อไป?
เชลซีจะเปิดบ้านเจอ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน และ เอซี มิลาน ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ก่อนเปิดพรีเมียร์ลีกพบ คริสตัล พาเลซ
ขณะที่ PSG จะเปิดฤดูกาล 2025/26 ด้วย ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ พบ สเปอร์ส วันที่ 13 ส.ค.
แต่ไม่ว่าจะใครต้องเจอเชลซีต่อจากนี้ พวกเขาคงรู้แล้วว่า…นี่ไม่ใช่ทีมที่ตัวตลกหรือทีมรวมดาวรุ่งล้นทีมหรือซื้อตัวเหมือนเล่นเกมอีกต่อ
และหลังจากนี้พวกเขาพร้อมแล้วกับการต่อสู้ในฤดูกาลที่จะถึง
บทความที่เกี่ยวข้อง