เกมรุกนอกสนามของนาโปลี :เมื่อพรีเมียร์ลีกกลายเป็นตลาดมือสองที่คอนเต้เลือกใช้

Nopphasin Kulabburi

เกมรุกนอกสนามของนาโปลี :เมื่อพรีเมียร์ลีกกลายเป็นตลาดมือสองที่คอนเต้เลือกใช้ image

เมื่อ อันโตนิโอ คอนเต้ ผนึกกำลัง ออเรลิโอ เด ลอเรนติส พลิกนาโปลีให้กลายเป็นบ้านใหม่ของเหล่าดาวดังจากพรีเมียร์ลีก
ฤดูร้อนนี้ เมืองเนเปิลส์ไม่เพียงมีแสงแดดที่แผดจ้าและวิวทะเลที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ยังมีกลิ่นไอของชัยชนะที่อบอวลจากการคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อาอีกครั้ง

"ถ้าคุณรวย นาโปลีคือสวรรค์" นักข่าวท้องถิ่น วินเชนโซ เครเดนดิโน กล่าวไว้แบบติดตลกแต่ก็จริงจัง “วันนี้คุณล่องเรือไปคาปรี พรุ่งนี้ไปอมัลฟี มะรืนไปเดินเล่นในปอมเปอี อาหารก็สุดยอด มีกิจกรรมให้ทำเพียบ นาโปลีมีเสน่ห์แบบนั้นมาเสมอโดยเฉพาะสำหรับคนมีเงิน”

และเมื่อเมืองที่เคยเป็นบ้านของ ดีเอโก้ มาราโดน่า กลับมาผงาดอีกครั้งในฐานะแชมป์อิตาลี พวกเขาไม่เพียงรื้อฟื้นประวัติศาสตร์ แต่ยังเปลี่ยนกลยุทธ์การซื้อขายนักเตะโดยสิ้นเชิง

ของมือ 2 จากพรีเมียร์ลีกในมือของ คอนเต้

ออเรลิโอ เด ลอเรนติส คือเจ้าของสโมสรที่ขึ้นชื่อเรื่องความรอบคอบด้านการเงิน เขาไม่เคยหว่านเงินอย่างบ้าคลั่งเหมือนเจ้าของทีมในอังกฤษ แก่นแท้ของธุรกิจนาโปลีคือ “ซื้อมาขายไป” และการปั้นดาวรุ่งจากลีกเล็ก

แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

“เขากำลังได้กลิ่นเลือด” เครเดนดิโน เปรียบเปรยอย่างถึงแก่น
“ตอนนี้เขามองเห็นโอกาสข้างหน้า เห็นความสั่นคลอนของทีมใหญ่อื่น ๆ และพร้อมจะล่า”

จุดเริ่มต้นแห่งการล่า : จาก สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ถึง เควิน เดอ บรอยน์

การเปลี่ยนผ่านเริ่มต้นเมื่อ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเป็นกองกลางตัวหลักของนาโปลี เขาไม่เพียงลงสนาม แต่ลงรากลึกถึงหัวใจชาวเนเปิลส์ในฐานะ “ไอ้หนุ่มเลือดนักสู้จากอังกฤษ”

และนั่นคือแค่จุดเริ่มต้น…ฤดูร้อนนี้ นาโปลีคว้าตัว เควิน เดอ บรอยน์ อดีตจอมทัพของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบไร้ค่าตัว พร้อมค่าเซ็นสัญญา 8.5 ล้านปอนด์ และค่าเหนื่อยปีละ 4.7 ล้านปอนด์ กลายเป็นแข้งค่าเหนื่อยอันดับ 2 ของทีมรองจาก โรเมลู ลูกากู ที่ก็เพิ่งย้ายจาก เชลซี มาเช่นกัน

ตามมาด้วย บิลลี่ กิลมอร์ และรายชื่อลือสะเทือนเกาะอังกฤษอย่าง แจ็ค กรีลิช, เจดอน ซานโช และ อเลฆานโดร การ์นาโช

นี่ไม่ใช่การช็อปปิ้งแบบทดลอง แต่มันคือการส่งสัญญาณว่า นาโปลี ภายใต้ยุค อันโตนิโอ คอนเต้ ไม่ได้มองตัวเองเป็นทีมรองอีกต่อไป

เพราะอะไรพรีเมียร์ลีกกลายเป็นแหล่งของถูกสำหรับนาโปลี

แม้ค่าตัวและค่าเหนื่อยจะสูง แต่ เครเดนดิโน วิเคราะห์ว่า
“นักเตะบางคนที่เล่นในพรีเมียร์ลีกแบบฟอร์ม 6 เต็ม 10 พอย้ายมาเล่นในเซเรีย อา พวกเขากลายเป็น 8 เต็ม 10 ได้ทันที”

เพราะอะไร?

  • เซเรีย อาเล่นช้ากว่า กดดันน้อยกว่า

  • ระบบแท็คติกซับซ้อนแต่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นใช้ประสบการณ์

  • นักเตะสไตล์พละกำลังสูง เช่น ลูกากู มักไปไม่สุดในอังกฤษเพราะคู่แข่งก็แข็งเหมือนกันหมด แต่พอย้ายมาอิตาลีกลับโดดเด่นทันที

และเมื่อรวมกับชื่อของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่ขึ้นชื่อว่า “โค้ชสายล่าแชมป์” เขาไม่ใช่คนที่มานั่งปั้นเด็กแบบ มิเกล อาร์เตต้า หรือ ชาบี เอร์นานเดซ เขาคือคนที่พร้อมจะคว้าแชมป์ตอนนี้ ทันที และไม่มีคำว่ารอเวลา

อันโตนิโอ คอนเต้ : โค้ชผู้เปลี่ยน DNA ของนาโปลี

คอนเต้ กลายเป็นโค้ชคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์เซเรีย อาได้กับ 3 สโมสร ทั้ง ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน และล่าสุด นาโปลี

“ถ้าคุณอยากปั้นเด็กก็ไปเลือกโค้ชคนอื่น ถ้าเลือกคอนเต้ก็อย่าบ่นเวลาเขาขอซื้อลูกากู” — เครเดนดิโน พูดติดตลกแต่ตรงใจแฟนบอล

คอนเต้คือนักกลยุทธ์ที่ “หมกมุ่นกับการชนะ” เขาไม่ต้องการทีมพลังหนุ่มแบบยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่เขาต้องการ “ดาวรุ่งที่โตแล้ว” — แข้งวัย 24–28 ที่ผ่านเวทีใหญ่และหิวกระหาย

นาโปลีวันนี้ : ไม่ได้ขายฝัน แต่ขายความจริง

แม้เว็บไซต์ TRANFERMARKET จะจัดให้นาโปลีเป็นสโมสรอันดับ 30 ของโลกในมูลค่าทีม แต่พวกเขามีความได้เปรียบที่ไม่ใช่ตัวเลข

  • โครงสร้างการเงินที่มั่นคง

  • ความเป็น “ธุรกิจครอบครัว” ของตระกูล เด ลอเรนติส ที่ดูแลสโมสรดั่งเลือดเนื้อ

  • การวางแผนก่อนใครในตลาดนักเตะ

  • เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ชีวิตแบบอิตาลี

จากทีมที่เคยล้มละลายในปี 2004 จนต้องเริ่มจากลีกดิวิชั่น 3 วันนี้พวกเขากลับมายืนเหนือ ยูเวนตุส, เอซี มิลาน และ อินเตอร์ มิลาน พร้อมเป้าหมายที่ชัดเจน — แชมป์อิตาลี และยึดยุโรป

บทส่งท้าย : เมืองที่ทำให้ดาวรุ่งกลายเป็นดาวเด่น

ไคแนน เดวิส อดีตกองหน้า แอสตัน วิลล่า เคยพูดไว้ตอนย้ายไป อูดิเนเซ่ ในเซเรีย อา ว่า
“ในอิตาลีแท็คติกช้ากว่าอังกฤษเยอะ ผมแข็งแรงก็จริง แต่ที่นี่ผมโดดเด่นมากกว่า เพราะไม่ค่อยมีใครเล่นแบบผม”

มันคือบริบทที่อธิบายว่า ทำไมนักเตะอังกฤษที่ถูกลืมจึงกลับมารุ่งอีกครั้งในอิตาลี และถ้า เควิน เดอ บรอยน์ ยังเชื่อว่าเขาสามารถเรียนรู้บางสิ่งใหม่ ๆ ได้จากอิตาลี บางที แจ็ค กรีลิช หรือ เจดอน ซานโช อาจกำลังจ้องมองเรือจากลอนดอนเพื่อมุ่งหน้าไปยังอ่าวเนเปิลส์เช่นกัน

เพราะนาโปลีในวันนี้ ไม่ใช่เมืองสำหรับการพักผ่อนอีกต่อไป แต่มันคือ เมืองแห่งโอกาสสำหรับผู้กล้า และสนามรบของเหล่านักล่าที่ต้องการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง.

บทความที่เกี่ยวข้อง

Nopphasin Kulabburi

นักเขียน Sporting News Thailand ที่ติดตามทั้งกีฬาฟุตบอล, บาสเก็ตบอล รวมถึงแวดวงอีสปอร์ต