บันไดสู่แข้งยอดเยี่ยม : เคล็ดลับความฟิต โม ซาลาห์ ในวัย 33 ปี

Guy Tanapon

บันไดสู่แข้งยอดเยี่ยม : เคล็ดลับความฟิต โม ซาลาห์ ในวัย 33 ปี image

จากนักเตะที่ล้มเหลวกับ เชลซี ในวันนั้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แข้งชาวอียิปต์ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าเขามีของกับ ลิเวอร์พูล ก่อนที่จะได้สร้างประวัติศาสตร์และคว้ารางวัลไว้มากมาย ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็เพิ่งจะได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ PFA เป็นหนที่ 3 ไปหมาด ๆ

วิธีและสไตล์การเล่นของ ซาลาห์ ถือว่าเป็นอะไรที่ใช้ร่างกายหนักมาก ๆ แต่ ซาลาห์ ในวัย 33 ปี ก็ดูเหมือนจะยังไม่แผ่วลงไปเลย ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้เขามาอยู่จุดนี้นั่นก็คือร่างกายของเขา ที่ยังคงฟิตและแข็งแรงอยู่เสมอ

ว่าแต่ ดาวเตะจากแอฟริการายนี้มีวิธีดูแลร่างกายตัวเองอย่างไรบ้าง ถึงฟิตปั๋ง และเป็นกำลังหลักของ ลิเวอร์พูล อยู่ได้จนถึงตอนนี้ ตามอ่านต่อได้ที่

ซ้อมต่อนอกสนาม

ซาลาห์ ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้กับทาง L'Equipe เมื่อปี 2022 ว่าช่วงที่เขาอยู่กับ โรมา เขาก็มีอายุที่เริ่มเยอะขึ้นทุก ๆ วัน เขาจึงต้องการมองหาสิ่งที่ช่วยให้เขาสามารถฟื้นตัวจากแมตช์แข่งหรืออาการบาดเจ็บได้ดีและเร็วขึ้น

ซึ่งสิ่ง ๆ นั้นก็คือการทำ เวท เทรนนิ่ง และ คาร์ดิโอ จากนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะสร้างยิมขนาดเล็กที่บ้าน ซื้อของต่าง ๆ เพื่อฝึกซ้อมแยกกับที่สโมสร โดยที่เทรนเนอร์ส่วนตัวมาคอยคุมเข้มให้

เขารู้สึกว่าตอนนั้น เขาเป็นนักเตะที่ตัวเล็ก และร่างกายไม่ได้แข็งแรงอะไรมาก เขาจึงต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงร่างกายให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และเพื่อพร้อม สำหรับกลับไปเล่นในลีกที่มีความเข้มข้นสูงอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อักครั้ง

กล้ามหน้าท้อง

หนังสือ Chasing Salah ของ ไซมอน ฮิวจ์ส ได้เขียนเอาไว้ว่าในปี 2017 เมื่อ ซาลาห์​ ได้กลับมาพรีเมียร์ลีกอีกครั้งกับ ลิเวอร์พูล เขาก็เริ่มตั้งหน้าตั้งตาเข้ายิมเล่นเวทอย่างจริงจัง

ฮิวจ์ส กล่าวว่าก่อนซ้อม ซาลาห์ ไม่ได้ไปรวมตัวกับเพื่อน ๆ เพื่อทำการพูดคุยผ่อนคลาย แต่กลับเข้ายิมเพื่อเล่นกล้ามท้องให้เห็นกล้ามเนื้อได้ชัดมากขึ้น

ฮิวจ์ส กล่าวว่า การเล่นกล้ามท้องในตอนนั้นของ ซาลาห์ ก็เพื่อจุดประสงค์ที่ว่าเขาจะสามารถบิดตัวเปลี่ยนทิศทางตอนเลี้ยงบอลหรือวิ่งหลอกล่อคู่แข่งในสนามได้ไวมากยิ่งขึ้น เพราะมีจุดกลางลำตัวที่แข็งแรง

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงจุดโทษ เซาแธป์ตัน พบ ลิเวอร์พูล ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2024-25

Cryotherapy

นอกจากเครื่องออกกำลังกายที่บ้านของเขาที่สามารถกินพื้นที่ไปได้กว่า 2 ห้อง ซาลาห์​ ยังใส่ใจเรื่องการฟื้นฟูร่างกายหลังซ้อมและหลังแข่งแบบสุด ๆ

ด้วยการซื้อเครื่อง Cryotherapy หรือว่าเครื่องทำความเย็น -80 องศาถึง -112 องศา มาไว้ที่บ้านเพื่อเอาตัวเข้าไปแช่ เพราะการทำแบบนี้ จะทำให้นักเตะสามารถลดอาการปวดเมื่อยและล้าจากการเล่นกีฬาได้ดีขึ้น

"บ้านผมน่าจะเหมือนกับโรงพยาบาลซะมากกว่า" ซาลาห์ กล่าว

"ภรรยาของผมมาบ่นกับผมว่า ผมใช้เวลากับเครื่องมือต่าง ๆ ในยิมของผมมากกว่าอยู่กับเธอเสียอีก"

และดูเหมือนว่าการเล่นเวทเพิ่มเติมและการฟื้นฟูร่างกายแบบมือโปรของเขาจะช่วยได้จริง ๆ เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซาลาห์ แทบจะไม่มีอาการบาดเจ็บหรือพลาดการลงสนามให้กับหงส์แดงเลย

พิลาทิส และ โยคะ

นอกจากเวทและ Cryotherapy แล้ว ซาลาห์ ยังเล่น พิลาทิส อีกหนึ่งในกีฬาที่กำลังมาแรงมาก ๆ ในหมู่สาว ๆ ด้วย เพราะนี่คืออีกกีฬาที่ฝึกการเคลื่อนไหวของร่างกายให้มีความคล่องตัวขึ้น

และ โยคะ ซาลาห์ ก็ไม่พลาดที่จะทำมัน เพราะเขาต้องการที่จะฝึกสมาธิและจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายตัวเอง โดยท่าที่เขาชอบมากที่สุดก็คือท่ายืนขาเดียว วางฝ่าเท้าอีกข้างไว้บนต้นขาด้านในของขาที่ยืนอยู่ และยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ

อาหารก็สำคัญ

ซาลาห์ เปิดเผยว่าเขาไม่ชอบกินขนมปัง เพราะมองว่าเป็นอาหารที่ให้พลังงานเยอะเกินไป เขาเลยเปลี่ยนมาเป็นขนมปังโฮลวีตแทน ซึ่งเขาจะกินมันเป็นอาหารเช้าคู่กับถั่วและอะโวคาโด

"คุณต้องตัดขนมปังแบบปกติออกไปเลย ลดผลิตภัณฑ์พวกนม อย่ากินพวกชีสอะไรมากนัก แล้วไปเพิ่มอาหารสีเขียว ๆ แทน อีกอย่างหนึ่งก็คือต้องลดน้ำตาลด้วย" ซาลาห์​ ตอบคำถามว่าทำอย่างไรถึงเห็นกล้ามเนื้อชัด

ซาลาห์ กล่าวต่อว่า บรอกโคลี มันเทศ ปลา ไก่ และสลัด เป็นอาหารโปรดของเขา แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่กินอาหารอย่างอื่นเลย เขาก็กินพิซซ่า ซูชิ เดือนละ ครั้ง แต่ห้ามมากกว่านั้น เรียกได้ว่ากินเพื่อให้รางวัลตัวเองพอ

Mohamed Salah

และหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดเลยที่ทำให้ ซาลาห์ ฟิต และแทบไม่มีอาการบาดเจ็บเลยก็คือการที่เขาไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย และใช่ เพราะว่าเขาเป็นมุสลิม แต่เรื่องการไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ก็สามารถใช้ได้กับนักกีฬาทุกคน

เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังเคยชื่นชม ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน ว่าพวกเขาทั้งสองฟื้นฟูจากการเล่น แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ 7 เกมได้ไวมาก ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะพวกเขาทำงานหนัก และไม่มีแอลกอฮอล์เข้าร่างกาย

บทความที่เกี่ยวข้อง

Guy Tanapon

 นักเขียน The Sporting News Thailand ผู้รักการดูฟุตบอล, ดูหนัง, ฟังเพลง และตีดอท