จากบทสัมภาษณ์หลังจบเกม ลิเวอร์พูล บุกไปเสมอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-3 ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ น่าจะพูดกันได้ค่อนข้างเต็มปากแล้วว่าช่วงเวลาของเขากับทีมหงส์แดงใกล้ที่จะจบลงแล้ว และเป็นการจบแบบไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ซะด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับแฟนบอลน่าจะรู้กันเป็นอย่างดีว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ใหม่อะไรนัก เพราะมีให้เห็นหลายเคสต์ที่นักเตะต้องออกจากสโมสรไปเพราะมีปัญหากับโค้ช
ดังนั้นเรามาลองย้อนดูสักหน่อยว่านอกจากเรื่องของ ซาลาห์ กับ อาร์เน่อ ชล็อต แล้วจะมีใครอีกบ้างที่พอจะนึกได้แบบไม่ต้องย้อนกลับไปไกลมาก ตามอ่านต่อได้ที่นี่
โรนัลโด้-เทน ฮาก

กรณีที่ใกล้เคียงกับซาลาห์ที่สุดคงหนีไม่พ้นมหากาพย์ระหว่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2022 ที่เริ่มต้นจากความไม่ลงรอยกับกุนซืออย่าง เอริก เทน ฮาก จนนำไปสู่การให้สัมภาษณ์ประวัติศาสตร์กับ เพียร์ส มอร์แกน
โรนัลโด้เลือกใช้เวทีนั้นระบายความอัดอั้นว่าเขารู้สึก "ถูกหักหลัง" และประกาศชัดเจนว่าเขาไม่เคารพผู้จัดการทีม เพราะอีกฝ่ายไม่ให้เกียรติเขาก่อน ซึ่งถ้อยคำเหล่านั้นแทบจะเหมือนกับสิ่งที่ ซาลาห์ เพิ่งระบายออกมาเป๊ะ ๆ
บทสรุปของเรื่องราวนั้นรวดเร็วและเด็ดขาด เมื่อ CR7 เลือกที่จะท้าทายอำนาจของสโมสรผ่านสื่อสาธารณะผ่านรายการของ เพียร์ส มอร์แกน แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปกป้องโครงสร้างทีม ด้วยการที่ โรนัลโด้ ถูกยกเลิกสัญญาด้วยความยินยอมทั้งสองฝ่ายแทบจะในทันที
ซานโช-เทนฮาก

อีกหนึ่งกรณีที่สะท้อนคำว่า "แพะรับบาป" ได้ชัดเจนคือศึกระหว่าง เจดอน ซานโช และ เอริก เทน ฮาก แม้บารมีของ ซานโช่ จะเทียบไม่ได้กับ ซาลาห์ แต่จุดแตกหักนั้นมาจากเรื่องเดียวกัน คือความรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เมื่อ เทน ฮาก ให้สัมภาษณ์พาดพิงเรื่องมาตรฐานการฝึกซ้อม
ซานโช่เลือกที่จะตอบโต้ทันทีผ่านโซเชียลมีเดียด้วยข้อความที่ระบุว่า "ผมถูกทำให้เป็นแพะรับบาปมานานแล้ว" ซึ่งตรงกับความรู้สึกของ ซาลาห์ ในตอนนี้ที่มองว่า "มีคนอยากให้ผมรับผิดทั้งหมด" ก่อนที่สุดท้าย ซานโช กับปีศาจแดง จะแยกทางกันในเวลาต่อมา
ลูกากู-ทูเคิล

มาที่ลอนดอน กรณีของ โรเมลู ลูกากู กับ เชลซี คือตัวอย่างของการใช้สื่อเป็นเครื่องมือระบายความไม่พอใจจนพังไม่เป็นท่า กองหน้าค่าตัวสถิติสโมสรเลือกที่จะลัดขั้นตอน แอบไปให้สัมภาษณ์กับสื่ออิตาลีถึงความไม่พอใจในแท็กติกของ โธมัส ทูเคิล การกระทำนี้ถูกมองว่าเป็นการหักหลังความไว้ใจของเพื่อนร่วมทีมและโค้ชอย่างรุนแรง ไม่ต่างอะไรกับการที่ ซาลาห์ เลือกพูดความในใจหลังเกม โดยที่สโมสรไม่ทันได้ตั้งตัวหรือรู้อะไรมาก่อน
ผลที่ตามมาก็คือ ลูกากู ถูกดร็อปออกจากทีมทันทีในเกมบิ๊กแมตช์ แม้จะมีการขอโทษในภายหลัง แต่รอยร้าวที่เกิดขึ้นนั้นลึกเกินไป ความเชื่อใจระหว่างนักเตะกับโค้ชได้พังทลายลง และสุดท้ายลูกากูก็กลายเป็นส่วนเกินที่ต้องย้ายออกไปแบบที่ไม่มีแฟนบอลคนไหนของสิงห์โตน้ำเงินครามเสียดาย
ซัวเรซ-บาร์เซโลนา, คูมัน

ในวันที่บอร์ดบริหารต้องการถ่ายเลือดใหม่ ซัวเรซ ได้รับเพียงโทรศัพท์สั้นๆ 1 นาทีจาก โรนัลด์ คูมัน ว่าเขาไม่อยู่ในแผนการทำทีมอีกต่อไป สิ่งที่ซัวเรซออกมาพูดภายหลังเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่สโมสรปฏิบัติกับเขาเหมือนคนไร้ค่า ทั้งที่เขาทุ่มเทให้ทีมมาตลอดหลายปี ซึ่งคล้ายกับสิ่งที่ ซาลาห์ กำลังบอกถึง ลิเวอร์พูล อยู่ในบทสัมภาษณ์ล่าสุด
ก่อนที่ในเวลาต่อมา ซัวเรซ จำต้องย้ายออกจากถิ่นคัมป์ นู ทั้งน้ำตา ไปอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด แล้วสามารถพาทีมตราหมีคว้าแชมป์ลาลีกาได้ในปีเดียวกันนั้นด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง
"เธอน่าจะชอบผมมากกว่าด้วย" โอลา ไอนา แข้งฟอเรสต์เผยแอบคุยกับแฟนนักเตะคนอื่นอยู่
ส่องผลงาน เชสก์ ฟาเบรกาส ทำไมถึงเป็นกุนซือเนื้อหอมคนใหม่ของยุโรป?
"ซิโก้" กับลูกสาวโผล่ช่อง TikTok ฝรั่ง เล่นเกมแฟนพันธุ์แท้ลิเวอร์พูล