นอกจากความสำเร็จในการคุมทีม เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังเป็นที่รู้จักในฐานะกุนซืออารมณ์ร้อน ที่ไม่ว่านักเตะหรือผู้ตัดสิน ก็ล้วนโดน “ไดร์เป่าผมพิฆาต” เล่นงานกันมาทั้งนั้น
ทำให้ตลอดการเป็นโค้ชกว่า 26 ปี เซอร์เฟอร์กี้ ถูกไล่ออกจากสนามถึง 17 ครั้ง เรียกได้ว่าแทบไม่มีกุนซือคนไหนในลีกแดนผู้ดีที่ที่ถูกแบนมากกว่าเขาอีกแล้ว
อย่างไรก็ดี กลับมีครั้งหนึ่งที่ต่างออกไป เมื่อ เฟอร์กูสัน มาโดนความอารมณ์ร้อนทำร้ายตัวเองจนถูกไล่ออก แถมไม่ใช่ฐานะโค้ช แต่เป็นผู้เล่น หลังเปลี่ยนตัวเองลงสนาม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ติดตามไปพร้อมกัน
นัดกระชากมิตร
ย้อนกลับไปในปี 1976 ซึ่งเป็นช่วงที่ เฟอร์กูสัน เพิ่งจะแขวนสตั๊ดได้ไม่นาน เขามีโอกาสคุมทีม เซนต์ เมียร์เรน ในลีกสก็อตแลนด์ ไปเตะปรีซีซั่นก่อนเปิดฤดูกาลที่แคริบเบียน
ฟังแล้วอาจจะดูแปลกใจว่าทำไมทีมจากสก็อตแลนด์ ต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาปรีซีซั่นถึงอเมริกากลาง เหตุผลก็คือ แฮร์โรลด์ เคอร์รี ประธานสโมสรเซนต์ เมียร์เรน มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายวิสกี้ที่นี่
นั่นทำให้ เฟอร์กูสัน ต้องพาลูกทีมมาเตะนัดกระชับมิตรกับทีมท้องถิ่น และมันก็ดำเนินไปได้ด้วยดี จนกระทั่งการมาถึงของทีมชาติกายอานา
ตอนนั้น ทีมชาติกายอานา กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก และการได้เล่นกับทีมจากยุโรป ก็ถือเป็นกำไร เพราะนี่คือโอกาสในการทดสอบทีมในระดับที่หาได้ยาก
ทำให้นัดกระชับมิตร เป็นเพียงแค่ชื่อ เพราะทันทีที่ผู้ตัดสินให้สัญญาณเขี่ยลูก แข้งกายอานา ก็เดินหาผู้เล่น เซนต์ เมียร์เรน ราวจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะเข้าสกัด โรเบิร์ต ทอร์แรนซ์ กองหน้าของทีมจากสก็อตฯ จนตัวลอย
เฟอร์กูสันได้เห็นก็รู้สึกโมโห จึงเข้าไปพูดกับกรรมการทันที แต่ก็ไม่มีบทลงโทษอะไรตามมา และเมื่อกองหน้าของเขาถูกเตะอีกครั้งก่อนหมดครึ่งแรก กุนซือชาวสก็อตฯ ก็ไม่ทนอีกแล้ว

“พอกันที เดี๋ยวผมลงไปเอง” เฟอร์กูสันบอกกับ เดวิด โพรแวน ผู้ช่วยผู้จัดการทีม
อันที่จริง ในการทัวร์แคริบเบียนครั้งนี้ เฟอร์กี้ ที่เคยเล่นในตำแหน่งกองหน้า และ โพรแวน ที่เคยเป็นปีกก็ใส่ชื่อตัวเองในฐานะตัวสำรองอยู่แล้ว แต่เป็นแค่ความสนุกเท่านั้น พวกเขาไม่ได้คิดจะลงสนาม ยกเว้นแค่นัดนี้
“ไอเลวนั่น มันจะมากไปแล้ว” เฟอร์กี้ยืนยันกับโพรแวน
ครึ่งหลัง ทุกคนจึงได้เห็นภาพที่ไม่คุ้นเคย นั่นคือ เฟอร์กูสัน ปรากฎตัวในชุดแข่งของ เซนต์ เมียร์เรน แบบเต็มยศ และไม่นานโอกาสในการเอาคืนให้ลูกทีมของเขาก็มาถึง
มันเป็นจังหวะที่บอลถูกครอสเข้ามาในกรอบเขตโทษ เฟอร์กูสัน พยายามยื้อยุดกับแนวรับกายอานาเพื่อเข้าหาบอล แต่หลังจากนั้นไม่นาน แนวรับคู่แข่งก็ล้มกลิ้งพร้อมกับร้องลั่น
สิ้นเสียงโอดโอย ผู้ตัดสินก็ชูใบแดงไล่ เฟอร์กูสัน ออกจากสนามทันที แม้จะไม่รู้ว่ารายละเอียดของการ “เอาคืน” ของเฟอร์กี้ ว่าเป็นอะไร แต่จากบริบทเขาน่าจะเล่นนอกเกม จนกรรมการปล่อยไปไม่ได้อย่างแน่นอน
“ห้ามบอกเรื่องผมถูกไล่ออกครั้งนี้กับใครเด็ดขาด” เฟอร์กูสัน บอกกับลูกทีมหลังจบเกม
อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่ครั้งเดียวที่เขาส่งตัวเองลงสนาม
ความหลังที่แคริบเบียน
ผ่านเวลามาปลายทศวรรษที่ 1980s ที่แม้ว่า เฟอร์กี้ ย้ายมาคุม แมนฯ ยูไนเต็ด แล้ว แต่หมู่เกาะในทะเลแคริบเบียนก็ยังเป็นหมุดหมายที่เขาชื่นชอบ และพาทีมมาเตะนัดอุ่นเครื่องอยู่เป็นประจำ
เช่นกันกับปี 1987 ที่ปีศาจแดง ยกผลมาเยือน เบอร์มิวดา ในช่วงพักเบรกกลางฤดูกาล เพื่อลงเตะกับทีมชาติเบอร์มิวดา และสโมสรท้องถิ่นที่ชื่อว่า โทรจัน
และในเกมนัดที่ 2 นี้ ที่มีผู้ชมถึง 2,000 คนในสนาม เฟอร์กูสัน ก็สร้างความฮือฮา ด้วยการเปลี่ยนตัวเองลงสนามในช่วง 25 นาทีสุดท้าย พร้อมกับ อาร์ชี ค็อก ผู้ช่วยผู้จัดการทีมวัย 40 ปี
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้ช่วยของเขาก็แผลงฤทธิ์ เมื่อจัดการซัดไกล 35 หลา เขาไปตุงตาข่าย ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกนำ 4-2 ส่วนเฟอร์กี้ ที่ตอนนั้น อายุ 45 ปี ก็เกือบเบิกสกอร์ให้ตัวเองได้เช่นกันจากลูกโหม่ง

“มันตลกมาก เพราะตอนนั้นเขาอยู่ในวัย 40 แล้ว และเราก็ยั่วเขาว่ามันง่ายแค่ไหนที่จะผ่านคนแก่คนนี้” เลเวลิน ซิมมอนส์ อดีตผู้รักษาประตูของ โทรจันกล่าวกับ Bermuda Sun เมื่อปี 2013
“ทรอย เบอร์เคลีย์ ได้เปรียบที่เขาสามารถผ่านผู้เล่นยูไนเต็ดได้ รวมถึง เฟอร์กี้ และเราก็ทำได้ 2 ประตูในการเจอกับเขา มันเป็นเกมที่สนุก นักเตะหลายคนประทับใจในตัวคู่แข่งที่พวกเขาเจอ”
“เราไม่ได้เห็นไดร์เป่าผมพิฆาต เขาน่าจะอายุ 45 ปีแล้วมั้ง แต่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและมุ่งมั่น ที่ยังเห็นได้อย่างชัดเจนในทุกวันนี้”
“เฟอร์กูสัน คือนักเตะที่แก่สุดในสนาม แต่มันก็เป็นการแข่งขันที่เข้มข้น และเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ”
และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่ เฟอร์กูสัน ส่งตัวเองลงสนาม เขาไม่เคยทำแบบนั้นอีกเลย จนกระทั่งวางมือจากการเป็นโค้ชอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2013