ในวันที่เพื่อนร่วมรุ่นต่างแขวนสตั๊ดไปกันหมดแล้ว แต่ชายวัย 58 ย่าง 59 ที่ชื่อ คาซูโยชิ มิอุระ ยังคงลงสนามกับนักเตะรุ่นหลาน หลังเตรียมย้ายไปอยู่กับ ฟุกุชิมะ ยูไนเต็ด ใน J3 ซึ่งหมายความว่าเขาจะลงเล่นฟุตบอลอาชีพเป็นฤดูกาลที่ 41
แม้เข็มนาฬิกาจะเดินผ่านไปกี่ยุคสมัย แต่ "คิง คาซู" ยังคงเป็นนักฟุตบอลอาชีพมายาวนานเกือบ 4 ทศวรรษ กลายเป็นแบบอย่างให้กับนักฟุตบอลรุ่นหลัง และเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมืออาชีพและระเบียบวินัย
แล้ว คาซูโยชิ มิอุระ มีเคล็ดลับดูแลตัวเองอย่างไร ถึงทำให้ “อายุ” ไม่สามารถพลัดพรากเขาไปจากฟุตบอลได้? ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่
ค้นพบความมืออาชีพที่บราซิล
คาซูโยชิ มิอุระ เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพตั้งแต่ปี 1986 กับ ซานโตส ทีมดังในบราซิล ก่อนจะพเนจรไปค้าแข้งยังหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเกิดญี่ปุ่น, อิตาลี, โครเอเชีย, ออสเตรเลีย และ โปรตุเกส โดยปัจจุบันบนวัย 58 ปี “คิง คาซู” ยังคงค้าแข้งอยู่อย่างที่เราทราบ ๆ กัน
ซึ่งเมืองหลวงของฟุตบอลอย่างประเทศบราซิลนั่นเองคือสถานที่ที่ทำให้ มิอุระ ค้นพบความเป็นมืออาชีพที่แท้จริงและถูกปลูกฝังเรื่องระเบียบวินัยให้แก่เขา จนทำให้ทุกวันนี้เขายังไม่มีความคิดที่จะเลิกเล่นฟุตบอลแต่อย่างใด และมีแต่ต้องการพัฒนาตัวเองในทุกวัน
“เลิกเล่นเหรอ? ไม่แม้แต่สักวินาทีเดียว” คาซูโยชิ มิอุระ กล่าวกับ FIFA เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
“แต่ถึงอย่างนั้น ตอนอายุประมาณ 35 หรือ 40 ปี ผมก็เริ่มบอกตัวเองว่า ‘ผมคงเล่นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว’ แทนที่จะคิดเลิกเล่น ผมกลับคิดที่จะผลักดันตัวเองให้มากขึ้น ในแง่นั้น ผมจึงสร้างวินัยในตนเองขึ้นมา มันไม่ใช่ว่าคำว่า ‘เลิกเล่น’ ไม่ได้อยู่ในพจนานุกรมของผม และผมไม่เคยรู้สึกอยากทำอย่างนั้นเลย”
JOGOU NO PALMEIRAS E NO SANTOS!
— J.League Insider - Brasil (@JInsiderBR) February 26, 2024
Hoje é aniversário de Kazuyoshi Miura, o Kazu. Atacante japonês com passagens por Palmeiras, Santos e Coritiba aqui no Brasil, além de Verdy Kawasaki, Vissel Kobe e Yokohama FC no Japão.
Ainda atuante no futebol, jogando pelo Oliveirense (2ª… pic.twitter.com/5IZ58p1xXm
“ผมอยากชนะ ผมอยากพัฒนาตัวเอง ผมอยากเล่นอยู่เสมอ การไม่ได้ลงเล่นเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับผม และเป็นเช่นนั้นมาตลอด ถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนไปก็คงเป็นตอนที่ผมยังเด็ก ผมไม่ได้พยายามทำความเข้าใจผู้จัดการทีมมากเท่าไหร่!”
“แต่พอผมโตขึ้น ผมก็สามารถเข้าใจผู้จัดการทีมและโค้ชได้ดีขึ้น และผมก็สามารถเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ของพวกเขาได้”
“ความรู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพ แนวคิดแบบ ‘ชนะหรือแพ้’ และทัศนคติของผมต่อการฝึกซ้อม ล้วนเกิดขึ้นจากบราซิล ผมรักวิธีการเล่นฟุตบอลในบราซิล และผมชื่นชมผู้เล่นชาวบราซิล ผมมั่นใจว่าไม่ว่าอย่างไรผมก็จะไปที่นั่นอยู่ดี”
“ความสุขของชัยชนะ ความเจ็บปวดจากความพ่ายแพ้ และความหมายของการทำงานหนัก ผมเรียนรู้ทั้งหมดนี้ในบราซิล ผมเชื่ออย่างจริงใจว่าการที่ผมยังคงเล่นฟุตบอลอยู่ได้นั้นเป็นเพราะประสบการณ์ที่ผมได้รับเมื่ออยู่ที่นั่น”
“ผมคิดว่าผู้เล่นที่เคยอยู่จุดสูงสุดของวงการฟุตบอลญี่ปุ่นคงจะลำบากในการเล่นให้กับสโมสรท้องถิ่นในลีกระดับล่าง แต่ผมไม่มีปัญหาอะไรเลยเพราะช่วงเวลานั้นผมอยู่ในบราซิล”
วิธีดูแลตัวเองแบบ คิง คาซู
ไม่ต้องหลอกกันว่าอดีตกองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นรายนี้ไม่ได้เฉียบคมเยี่ยงในอดีต และสภาพความฟิตก็ลดลงสวนทางกับอายุที่มากขึ้น แต่ทว่าสิ่งที่เขายังมีเหมือนเดิม ซึ่งเผลอ ๆ มากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำก็คือระเบียบวินัยและความคิดที่อยากจะพัฒนาตัวเอง เพื่อสู้กับบรรดานักเตะรุ่นลูกรุ่นหลาน
โดยในปี 2022 ขณะที่ คิง คาซู ขณะอายุ 55 ปี เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อบ้านเกิดอย่าง tarzanweb.jp ถึงวิธีการดูแลตัวเองทั้งทางร่างกายและจิตใจที่ทำให้เขายังคงโลดแล่นบนเส้นทางฟุตบอลอาชีพได้จนถึงทุกวันนี้
“มันยากที่จะระบุให้เหลือเพียงสิ่งเดียว แต่ผมคิดว่ามันคือความสมดุลระหว่างการฝึกฝน การพักผ่อน และโภชนาการ ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากนักเมื่อตอนที่ผมยังหนุ่ม แต่ตั้งแต่ผมอายุ 40 ปี ผมเริ่มให้ความสนใจกับสภาพร่างกายมากขึ้น” เขากล่าว
“แน่นอนว่าสิ่งที่ผมกินและวิธีการกินนั้นสำคัญ แต่ผมก็ใส่ใจกับเวลากินด้วย โดยคำนึงถึงหลักโภชนาการตามเวลา ผมพยายามกินอาหารเวลาเดิมทุกวันเพื่อให้ร่างกายมีเวลาในการย่อยและดูดซึมสารอาหาร”
“เพื่อให้ร่างกายสามารถใช้พลังงานและสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ บางวันอาจไม่เป็นไปตามแผนหรอกนะ แต่ผมก็พยายามรักษารูปแบบการกินของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“ผมกินข้าวสวย ปลาย่าง นัตโตะ ซุปมิโซะ สลัด และกับข้าวเล็กน้อย เป็นอาหารเช้าทุกวัน นอกจากนี้ผมยังกินผลไม้ตามฤดูกาลด้วย”
“ผมตื่นนอนเวลา 6 โมงเช้า ดังนั้นผมจึงพยายามเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม จริง ๆ แล้วผมอยากเข้านอนประมาณ 3 ทุ่มด้วยซ้ำ แต่เพราะตารางงานของผมจึงเป็นเรื่องยาก ถ้าผมเข้านอนเร็วขึ้น ผมก็จะมีเวลามากขึ้น ดังนั้นผมจึงไม่ต้องกังวลถ้าผมนอนไม่หลับ เพราะถ้าผมรีบร้อน ผมก็จะนอนไม่หลับ”
“หลังอาหารเย็น ผมมักจะไปอาบน้ำสลับร้อนสลับเย็นที่สปาเสมอ ผมทำแบบนี้ตลอดทั้งปี น้ำร้อน 6 นาที น้ำเย็น 4 นาที สลับกันไป 2-3 เซ็ต แต่สปาแต่ละที่ก็มีอุณหภูมิที่แตกต่างกันนะ
“ตอนที่ผมเป็นวัยรุ่นผมมักจะต่อต้านคำวิจารณ์และบางครั้งก็เผชิญหน้ากับมัน แต่ตอนนี้ต่อให้ใครมาวิจารณ์ผมก็มีพื้นที่ทางจิตใจที่จะยอมรับมันและพูดว่า 'ไม่เป็นไรหรอก' หน้าที่ของพวกเขาคือการวิจารณ์ ผมก็แค่ทำหน้าที่ของผม"
“การไม่กังวลมากเกินไปเกี่ยวกับคนอื่นเป็นเรื่องที่ทำให้จิตใจมั่นคง สิ่งสำคัญคือการปล่อยวางในสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้และมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่คุณทำได้ ผมมักจะบอกเรื่องนี้กับคนหนุ่มสาวเสมอ”
แม้เวลาของ คาซูโยชิ มิอุระ กับอาชีพนักฟุตบอลจะเหลืออีกไม่นานแล้ว แต่เชื่อว่าเรื่องราวของเขาจะถูกเล่าขานและเป็นแบบอย่างให้กับเด็กรุ่นหลังไปอีกนานแสนนาน...
บทความที่เกี่ยวข้อง
ปาฎิหาริย์แห่งไมอามี: เกมแรกในประวัติศาสตร์ที่ ญี่ปุ่น โค่น บราซิล จากฝีมือของ อากิระ นิชิโนะ
Fake FC: เมื่อแก๊งค้ามนุษย์สร้างสโมสรปลอม แอบพาคนเข้าญี่ปุ่น
มูซาชิ มิซึชิมะ: แข้งญี่ปุ่นคนแรกในลีกบราซิล และต้นแบบ "โอโซระ สึบาสะ"