เพียงแค่หนึ่งปีก่อน ชื่อของ วินิซิอุส จูเนียร์ ยังถูกยกให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลก
ฤดูกาล 2023-24 เขาคือหัวใจของการคว้าทั้ง แชมเปียนส์ลีก และ ลาลีกา ให้กับเรอัล มาดริด ด้วยผลงาน 35 ประตูและแอสซิสต์จาก 39 นัด
เสียงเชียร์กระหึ่มทุกครั้งที่เขาลงสนาม ถึงขนาดแฟนบอลบางส่วนยืนยันว่าเขาควรยึดตำแหน่งปีกซ้ายต่อ แม้ทีมจะได้ คีเลียน เอ็มบัปเป้ มาร่วมทัพก็ตาม
กระทั่งต้นฤดูกาลนี้ ทุกอย่างกลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ...
วินิซิอุส กำลังจะกลายเป็นส่วนเกิน?
เมื่อหนึ่งปีก่อน วินิซิอุส จูเนียร์ ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงพีคที่สุดในเส้นทางค้าแข้งของเขา
ในฤดูกาล 2023-24 ที่ผ่านมา เขาพาเรอัล มาดริดคว้าทั้งแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และลาลีกา พร้อมมีส่วนร่วมโดยตรงกับ 35 ประตูจากการลงเล่น 39 นัด
แฟนบอลต่างหลงรักเขา ถึงขั้นที่หลายคนยืนยันว่าเขาควรครองตำแหน่งปีกซ้ายต่อไป แม้ คีเลียน เอ็มบัปเป้ จะย้ายเข้ามาก็ตาม
สโมสรก็ปลื้มเขาไม่ต่างกัน บอร์ดบริหารปฏิเสธข้อเสนอมหาศาลจากซาอุดีอาระเบียทันทีเมื่อมีความพยายามดึงตัวเขาไป และเขายังเปิดฤดูกาลใหม่ในฐานะหนึ่งในตัวเต็งคว้ารางวัลบัลลงดอร์
บรรยากาศในตอนนั้นเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นว่าเขากำลังปลดล็อกศักยภาพอย่างเต็มที่ และแฟน ๆ ต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป แต่สถานการณ์ในปัจจุบันกลับต่างออกไป เมื่อฤดูกาล 2024-25 กลายเป็นปีแห่งความผิดหวังส่วนตัวอย่างหนักของเขา
แหล่งข่าวหลายราย เห็นตรงกันว่า การพลาดรางวัลบัลลงดอร์เป็นภาระทางจิตใจที่ถ่วงเขา แม้เขาจะคว้ารางวัล The Best FIFA ในเดือนธันวาคมก็ตาม
ตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา การเจรจาสัญญาใหม่ก็เต็มไปด้วยปัญหา ซึ่งสร้างความไม่พอใจและส่งผลต่อฟอร์มในสนาม จนบางนัดเขาถูกแฟน ๆ ในซานติอาโก เบร์นาเบว โห่ใส่
ภาพสะท้อนสถานะของเขาในตอนนี้ชัดเจนขึ้น เมื่อ ชาบี อลอนโซ กุนซือคนใหม่ วางแผนจะดรอปเขาในรอบรองชนะเลิศสโมสรโลกกับปารีส แซงต์-แชร์กแมง หากไม่เพราะอาการบาดเจ็บของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนแผน
ความสัมพันธ์ระหว่างโค้ชกับนักเตะเริ่มต้นได้ไม่สวยนัก แม้จะยังเพิ่งเริ่มต้นก็ตาม แต่คนใกล้ชิดกับวินิซิอุส “นี่จะไม่ใช่ฤดูกาลที่ง่าย”
อะไรทำให้สถานการณ์ของหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกเปลี่ยนไปอย่างมาก?
จากการรายงานของThe Athletic ได้อธิบายภาพรวมไว้ว่า
เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีม เรอัล มาดริด ทั้งหมด วินิซิอุสทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานเมื่อฤดูกาลก่อน ซึ่งจบลงด้วยการที่ทีมพลาดทั้ง 3 แชมป์ใหญ่ และทำให้สโมสรตัดสินใจเปลี่ยนโค้ชจาก คาร์โล อันเชล็อตติ
แรงกดดันที่มาดริดมีอยู่เสมอคือ “ต้องคว้าแชมป์” แต่สำหรับวินิซิอุสแล้ว แรงกดดันยิ่งมากขึ้น เพราะเขาถูกมองว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของทีม
อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่คือการเจรจาสัญญาฉบับใหม่ โดยเฉพาะช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้ว เสียงบ่นเริ่มดังขึ้นในสนามเบร์นาเบวเมื่อทริกของเขาใช้ไม่ได้ผล และหลายครั้งที่เขาได้บอลก็มีเสียงโห่
มาดริดเริ่มเปิดโต๊ะคุยสัญญาใหม่ในเดือนมกราคม ทั้งที่เพิ่งต่อสัญญาไปเมื่อปี 2022 ถึงปี 2027 การเจรจาครั้งนั้นมีผู้บริหารระดับสูงของสโมสร ตัวแทนของนักเตะ 2 คน และพ่อของวินิซิอุสร่วมประชุม
ปัจจุบัน วินิซิอุสมีรายได้ราว 17 ล้านยูโรต่อปี (หลังหักภาษี) รวมโบนัสบางส่วน เช่น การได้รางวัล The Best FIFA ในฤดูกาลก่อน
ข้อเสนอใหม่ของสโมสรอยู่ที่ราว 20 ล้านยูโรสุทธิ/ปี แต่ถูกปฏิเสธ และบอร์ดขอให้ฝั่งนักเตะเสนอจำนวนที่ต้องการ
ตัวแทนของเขายื่นข้อเสนอ “สัญญาประวัติศาสตร์” ใกล้เคียงกับสัญญาสูงสุดที่เคยมอบให้ คริสเตียโน โรนัลโด คือราว 30 ล้านยูโรสุทธิ/ปี รวมเงินเดือนพื้นฐาน โบนัสผลงาน และ “โบนัสต่อสัญญา” ซึ่งเป็นสิ่งใหม่สำหรับเรอัล มาดริด
ฝั่งเอเยนต์ให้เหตุผลว่าหากเพดานค่าเหนื่อยที่ไม่เป็นทางการของมาดริดอยู่ราว 20 ล้านยูโร และไม่สามารถข้ามเส้นนี้ได้ นักเตะที่ต้องการค่าจ้างสูงกว่านี้จะต้องย้ายออกเพื่อรับเงินกินเปล่าจากการเซ็นสัญญาใหม่กับสโมสรอื่น เช่นเดียวกับกรณีของเอ็มบัปเป้ พวกเขามองว่าควรมีข้อยกเว้นให้กับผู้เล่นที่ทุ่มเทให้สโมสรมาก
เดือนเมษายน สื่อสเปนหลายแห่งรายงานว่าวินิซิอุสใกล้ต่อสัญญาแล้ว และจะมีประกาศหลังจบลาลีกา ตอนนั้นแหล่งข่าวจากมาดริดบอกกับ The Athletic ว่าข่าวดังกล่าว
“มีเค้าความจริง” แต่ฝั่งนักเตะกลับรู้สึกทั้งประหลาดใจและไม่พอใจ พร้อมยืนยันว่าไม่จริง
หลายเดือนผ่านไป สัญญาใหม่ยังไม่ประกาศหรือแม้แต่ปิดดีลได้ สื่อเจ้าเดิมก็เริ่มรายงานว่าการเจรจาติดขัดเพราะนักเตะต้องการเงินมากขึ้น แต่ The Athletic ระบุว่าข้อมูลนี้ไม่ตรงกับความจริงที่พวกเขาทราบ
มาดริดระมัดระวังเรื่องโครงสร้างค่าเหนื่อยเสมอ และไม่ชอบแนวคิดการให้โบนัสต่อสัญญา นอกจากนี้พวกเขายังต้องการให้วินิซิอุสกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดก่อน ซึ่งสถานการณ์นี้ก็ยิ่งกดดันนักเตะ
บทใหม่กับชาบี อลอนโซและทีมงานตั้งใจใช้สโมสรโลกเป็นโอกาสเติมพลังใหม่ให้ทีม แก้ “ความเฉื่อยชา” ที่พวกเขามองว่ามีอยู่
เมื่อถูกถามถึงการเจอวินิซิอุสครั้งแรก อลอนโซบอกว่ามัน “ดีมาก” และเสริมว่า “ผมไม่รู้จักวินิซิอุสเป็นการส่วนตัว แต่สิ่งที่เคยเห็นและได้ยินก็ตรงกับที่สัมผัสได้ทันที เขาเป็นนักเตะที่มีความกระตือรือร้นมาก คุณต้องอยู่ใกล้ ๆ เขา ผมชอบนักเตะแบบนี้ เราต้องหาวิธีใช้เขาให้ดีที่สุด”
แต่ในเกมอุ่นเครื่องที่สหรัฐฯ 5 นัด เขาทำได้เพียง 1 ประตูและ 1 แอสซิสต์ (ทั้งคู่มาจากเกมกับเร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก) อลอนโซจึงวางแผนดรอปเขาในรอบรองฯ สโมสรโลกกับเปแอสเช
อย่างไรก็ดี อาการบาดเจ็บของอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ทำให้แผนเปลี่ยน วินิซิอุสได้ออกสตาร์ทในตำแหน่งปีกขวา โดยมี กอนซาโล การ์เซีย ดาวรุ่งวัย 21 เป็นกองหน้าตัวเป้า และเอ็มบัปเป้เล่นทางซ้าย ซึ่งเขาไม่ค่อยพอใจกับการต้องถอยจากตำแหน่งถนัดที่ครองมายาวนาน
หลังช่วงหยุดพัก ทีมงานใกล้ชิดกับอลอนโซพยายามไม่พูดถึงความไม่พอใจนี้ และย้ำว่าพวกเขาคาดหวังให้วินิซิอุสและเอ็มบัปเป้มีบทบาทสำคัญในฤดูกาลนี้ แผนหลักคือใช้ทั้งคู่ในเกมรุก แต่ก็พร้อมปรับแท็กติกตลอดฤดูกาล
กระนั้น แหล่งข่าวยอมรับว่า วินิซิอุสต้องยกระดับฟอร์มให้ได้ มิฉะนั้นเขาอาจไม่ใช่ “ตัวหลักที่ขาดไม่ได้” อีกต่อไป และสถานะใหม่นี้อาจเป็นสิ่งที่เพื่อนร่วมทีม แฟนบอล และสโมสรสามารถยอมรับได้ไม่ยาก
บทความที่เกี่ยวข้อง