ในวันที่ชื่อของ อูโก้ เอคิติเก้ กำลังจะกลายเป็นกองหน้าคนใหม่ของลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวมหาศาลกว่า 70 ล้านปอนด์ ชื่อของอีกคนหนึ่งที่ต้องถูกพูดถึงควบคู่กัน... คือ คีเลียน เอ็มบัปเป้
ไม่ใช่เพียงในฐานะอดีตเพื่อนร่วมทีมที่ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แต่คือคนที่ "ผลัก" เอคิติเก้ ให้กล้าก้าวออกจากจุดที่ตัวเองติดหล่มอยู่ และคือคนที่ "ดัน" ให้เขากลายเป็นกองหน้าที่โดดเด่นที่สุดในบุนเดสลีกาฤดูกาลล่าสุด
จากเด็กหลงทางในปารีส สู่การระเบิดฟอร์มในแฟรงก์เฟิร์ต
ย้อนกลับไปช่วงต้นปี 2024 อูโก้ เอคิติเก้ แทบไม่มีพื้นที่ยืนในทีม PSG แม้จะมีพรสวรรค์ติดตัวเต็มเปี่ยม แต่โอกาสในทีมชุดใหญ่กลับหายากยิ่งกว่าทองคำ
จนกระทั่ง คีเลียน เอ็มบัปเป้ เข้ามามีบทบาทในเส้นทางชีวิตของเขา…
ในการเปิดตัวกับแฟรงก์เฟิร์ตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024 เอคิติเก้ ให้สัมภาษณ์ว่า
“ผมเป็นนักเตะที่ดีขึ้น เป็นคนที่ดีขึ้นเพราะเขา (เอ็มบัปเป้) เขาให้คำแนะนำกับผมหลายอย่าง แนะนำให้ผมย้ายออกจาก PSG และมาที่นี่เพื่อพัฒนา”
และมันคือจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของชีวิตเขา
จากการย้ายมาด้วยสัญญายืมตัวระยะสั้น 6 เดือน พร้อมออปชันซื้อขาดเพียง 14.3 ล้านปอนด์ เอคิติเก้ กลายเป็น "ของถูกที่คุ้มเกินคาด" สำหรับไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ต
ฤดูกาล 2024/25 เขายิงไป 22 ประตู 13 แอสซิสต์ พาทีมคว้าตั๋วลุยยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และยังทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ยิงมากที่สุดในบุนเดสลีกาด้วยจำนวน 117 ครั้ง
มีทั้งความพลิ้วแบบ Neymar และสปีดแบบ เอ็มบัปเป้
ฟอร์มของเขาร้อนแรงจนแม้แต่นักเตะระดับตำนานอย่าง เวสลีย์ สไนเดอร์ ยังออกมาชื่นชมถึงขั้นเปรียบเทียบว่า…
“ผมรู้ว่ามันฟังดูบ้า แต่ผมอยากพูด... เขาคือส่วนผสมของ Neymar และ เอ็มบัปเป้ เขามีความพริ้วแบบเนย์มาร์ แต่ยังมีการเร่งสปีดแบบเอ็มบัปเป้ เป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยศักยภาพ และเพิ่งอายุ 22 ปีเท่านั้น”
คำชื่นชมนี้อาจฟังดูเวอร์เกินจริงสำหรับใครบางคน
แต่สำหรับคนที่ได้เห็นพัฒนาการของ เอคิติเก้ ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา
มันคือ "ความจริง" ที่มาจากเส้นทางที่เขาสร้างด้วยตัวเอง และแรงผลักดันจากรุ่นพี่ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้
บทสรุป: จากผู้ถูกลืม สู่กองหน้าค่าตัว 70 ล้านปอนด์
อูโก้ เอคิติเก้ กำลังมีข่าวอันร้อนแรงว่ากำลังจะก้าวเข้าสู่บทใหม่ในชีวิตกับลิเวอร์พูล สโมสรระดับยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีก ที่กำลังสร้างทีมในยุคใหม่ของกุนซือ อาร์เน ชล็อต และเบื้องหลังความสำเร็จนี้ ไม่ได้มีแค่การทำงานหนัก หรือพรสวรรค์ที่เปล่งประกาย แต่ยังมี "น้ำใจและสายตาที่มองเห็นอนาคตของรุ่นพี่อย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้"ผู้ที่เลือกจะดันเพื่อนร่วมรุ่นให้ไปต่อในวันที่โลกทั้งใบหันหลังให้เขา
เพราะฟุตบอลไม่ใช่แค่เกมที่เล่นด้วยเท้าแต่มันคือเส้นทางที่ต้องเดินด้วยหัวใจ และแรงผลักดันจากคนรอบตัว และในกรณีของ เอคิติเก้เอ็มบัปเป้ คือคนที่พาเขาออกจากเงามืดให้กลายเป็น "ดาวรุ่งที่สว่างที่สุดในยุโรป" ในวันนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง