FIFA เตรียมระดมทุนวิจัยกับมหาวิทยาลัยชื่อดังว่าประจำเดือนมีส่วนทำให้เกิดการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าของนักฟุตบอลหญิงเพิ่มมากขึ้นหรือไม่
"ประจำเดือน" อาจมีส่วนกับอาการบาดเจ็บ ACL?
ทายผลฟุตบอลพร้อมลุ้นรางวัล คลิกที่นี่
ในช่วงที่ผ่านมา อาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าหรือที่เราคุ้นหูกันว่า “ACL” ถือเป็นอาการบาดเจ็บยอดฮิตของนักฟุตบอล เพราะไม่ว่าจะเป็น ลิซานโดร มาร์ติเนซ, กาเบรียล เชซุส หรือเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์คนล่าสุดอย่าง โรดรี้ ต่างโชคร้ายต้องเผชิญกับมันทั้งสิ้น
ไม่เว้นแต่นักฟุตบอลหญิง เพราะนักเตะอย่าง วิเวียนน์ มีเดมา, เบธ มี้ด, ลีอาห์ วิลเลียมสัน และ แซม เคอร์ พวกเธอก็ได้รับบาดเจ็บบริเวณเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน
เพื่อเป็นการหาวิธีหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บที่เป็นดั่งฝันร้ายของนักกีฬาทุกคน ล่าสุดมีรายงานจาก BBC ว่าสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เตรียมระดมทุนวิจัยกับมหาวิทยาลัยคิงส์ตัน ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ว่าความผันผวนของฮอร์โมนระหว่างรอบเดือนมีส่วนทำให้เกิดการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าของนักฟุตบอลหญิงเพิ่มมากขึ้นหรือไม่
“เราต้องการตรวจสอบว่านักกีฬาอาจมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บมากขึ้นหรือไม่ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงการทำงานในแง่ของกายวิภาคและสรีรวิทยาในระหว่างรอบเดือน” ไซมอน ออกัสตัส อาจารย์อาวุโสด้านชีวกลศาสตร์การกีฬาของมหาวิทยาลัยคิงส์ตันกล่าว
“เรารู้ว่าอาการบาดเจ็บบางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เรากำลังพยายามช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้า ซึ่งนอกเหนือจากการประทะในสนาม เหล่านี้เป็นสิ่งที่เรามีโอกาสเข้าไปแทรกแซงและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้มากขึ้น”
“มีปัจจัยต่าง ๆ มากมายที่เกี่ยวข้องกับอาการบาดเจ็บที่เอ็นไขว้หน้า เรากำลังเริ่มค้นคว้าเรื่องนี้จากแนวทางส่วนบุคคลและพิจารณาโปรไฟล์ทั้งหมดของนักกีฬาแต่ละคน และกำหนดมาตรการเพื่อลดความเสี่ยง”
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
โดยงานวิจัยนี้จะเริ่มต้นในเดือนหน้า ซึ่งจะมีนักฟุตบอลหญิงจากสโมสรในลอนดอน รวมถึงนักเตะระดับล่างบางส่วนเข้าร่วมการวิจัยด้วยการตรวจเลือดและสมรรถภาพเป็นประจำ
การวิจัยนี้จะติดตามความเข้มข้นของฮอร์โมนตลอดรอบเดือน เพราะการวิจัยก่อนหน้านี้ระบุว่าฮอร์โมนเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับเอ็นที่หย่อนตัวมากขึ้นผนวกกับเวลาตอบสนองของระบบประสาทและกล้ามเนื้อที่ลดลง
ซึ่งพฤติกรรมที่มักนำไปสู่การบาดเจ็บที่เอ็นไขว้หน้า เช่น การเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว และการลงพื้นหลังจากโหม่งบอล จะถูกวิเคราะห์เพื่อดูว่ามีความสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนหรือไม่