จากดีเจสู่ดีลหมื่นล้าน: ใครคือ บรู๊กลิน เอริก ชายผู้ถูกโยงกับการยื่นเทคโอเวอร์ สเปอร์ส

Nopphasin Kulabburi

จากดีเจสู่ดีลหมื่นล้าน: ใครคือ บรู๊กลิน เอริก ชายผู้ถูกโยงกับการยื่นเทคโอเวอร์ สเปอร์ส image

เมื่อชื่อของ บรู๊กลิน เอริก โผล่ขึ้นมาในข่าววงการฟุตบอล หลายคนคงตั้งคำถามทันทีว่า “เขาเป็นใคร?”

เพราะเขาไม่ได้มาจากตระกูลนักธุรกิจน้ำมันจากตะวันออกกลาง ไม่ใช่มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์จากจีน และก็ไม่ใช่นักลงทุนสายกองทุนสถาบันจากสหรัฐฯ ที่เราคุ้นเคย

แต่กลับเป็นชายวัย 41 ปี ที่ชีวิตเริ่มต้นจากการเป็น “ดีเจ” ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางไปฝึกงานที่ NASA แล้วต่อยอดสู่การเป็นผู้ประกอบการเทคโนโลยี เคยเกือบปิดดีลซื้อทีม Maserati Formula E มาแล้วด้วย

และวันนี้ เขากลายมาเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงในฐานะผู้ที่พยายามยื่นข้อเสนอระดับ 4.5 พันล้านปอนด์ เพื่อซื้อกิจการ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

จุดตัดของดนตรี เทคโนโลยี และกีฬา

สิ่งที่ทำให้ เอริก แตกต่างจากนักลงทุนฟุตบอลทั่วไป คือเขาไม่ได้ถูกสร้างมาจาก “สายทุน” แต่เติบโตมาจากการลองผิดลองถูกในหลากหลายโลก  ทั้งเวทีดนตรี Sundance, ห้องแล็บของ NASA และการบุกเบิกสตาร์ตอัปด้านสื่อกับ NFT

นี่ทำให้เขาดูไม่เหมือนนักลงทุนที่แค่ใส่เงินแล้วรอผลตอบแทน แต่เป็น “ผู้สร้าง” ที่ถนัดการหาทางออกใหม่ ๆ และเชื่อว่ากีฬาไม่ควรถูกมองแค่เป็นธุรกิจ แต่เป็น “แพลตฟอร์ม” ที่ขยายขอบเขตไปได้เรื่อย ๆ

ในภาพใหญ่ วงการฟุตบอลก็เริ่มเห็นคนจากสายเทคโนโลยีและบันเทิงเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น RedBird Capital ที่ถือหุ้นใน AC Milan หรือ Ryan Reynolds ที่เปลี่ยนสโมสรเล็ก ๆ อย่าง Wrexham ให้กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกผ่านพลังของการเล่าเรื่อง

และ เอริก ก็คือส่วนหนึ่งของกระแสนั้น

ทำไมต้องสเปอร์ส?

ดีลระดับ 4.5 พันล้านปอนด์ ฟังดูเกินจริง แต่ถ้าลองมองให้ลึกลงไป มันก็อาจไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน

เพราะ สเปอร์ส มีทุกอย่างที่นักลงทุนยุคใหม่ต้องการ 

  • สนาม Tottenham Hotspur Stadium ที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในสนามทันสมัยที่สุดในโลก

  • ทำเลทองกลางมหานครลอนดอน เมืองที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมโลก

  • และแบรนด์ที่มีศักยภาพจะโตไปไกลกว่าคำว่า “สโมสรฟุตบอล”

ข้อเสนอของ เอริก เองก็บ่งบอกวิธีคิดของเขาได้ชัดเจน:

  • ซื้อกิจการ 3.3 พันล้านปอนด์

  • ลงทุนเพิ่มเติมในทีม 1.2 พันล้านปอนด์

  • พร้อมวางดีลขายชื่อสนามอีก 250 ล้านปอนด์

นี่ไม่ใช่โมเดลแบบ “ต้องพาทีมคว้าแชมป์” แต่เป็นการมองสโมสรเป็น ธุรกิจบันเทิงระดับโลก ที่จะเชื่อมโยงกับผู้ชมหลายล้านคน

ทำไมสเปอร์สปฏิเสธ?

แต่แม้ข้อเสนอจะหวือหวาแค่ไหน สเปอร์สก็ตอบกลับทันทีว่า “ไม่ขาย”

เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สโมสรปฏิเสธ กลุ่มทุนใหญ่อย่าง PCP International Finance ของ Amanda Staveley หรือ Firehawk Holdings Limited ก็เคยถูกบอกปัดมาแล้ว

เหตุผลคือ ครอบครัว Lewis และ ENIC Group เชื่อว่าสเปอร์สยังสามารถโตได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อมีสนามใหม่เป็นทรัพย์สินสำคัญที่พร้อมจะสร้างรายได้มหาศาลในอนาคต

และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ ภาพลักษณ์ ของสโมสร การขายให้กับกลุ่มทุนที่ยังไม่มีความชัดเจนด้านการเงินหรือวิสัยทัศน์ อาจสร้างความเสี่ยงมากกว่าผลดี

ความหมายที่ใหญ่กว่าดีลนี้

ไม่ว่าดีลของ บรู๊กลิน เอริก จะสำเร็จหรือไม่ มันสะท้อนสิ่งหนึ่งชัดเจนว่า  ฟุตบอลไม่ได้เป็นเพียงเกมกีฬาอีกต่อไป แต่คือเวทีลงทุนระดับโลก ที่ดึงดูดผู้ประกอบการจากหลากหลายอุตสาหกรรม

จากดีเจ สู่นักวิทยาศาสตร์ฝึกงาน NASA สู่ผู้ประกอบการเทคโนโลยี และวันนี้คือผู้ท้าชิงดีลพันล้านในพรีเมียร์ลีก เรื่องราวของ เอริก กำลังชี้ให้เราเห็นว่าเส้นแบ่งระหว่าง กีฬา เทคโนโลยี และความบันเทิง กำลังเลือนหายไป และอนาคตของฟุตบอล… อาจไม่ได้ถูกขับเคลื่อนโดยนักธุรกิจสายเดิม ๆ อีกต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

Nopphasin Kulabburi

นักเขียน Sporting News Thailand ที่ติดตามทั้งกีฬาฟุตบอล, บาสเก็ตบอล รวมถึงแวดวงอีสปอร์ต