แม้โลกของเราจะแบ่งสัปดาห์ออกเป็น “วันทำงาน” และ “วันหยุด” แต่สำหรับนักฟุตบอลอาชีพ ชีวิตของพวกเขากลับไม่เคยเดินตามปฏิทินนั้นเลย — เพราะ “วันหยุด” ของนักฟุตบอลไม่ได้อยู่ในเสาร์-อาทิตย์เหมือนเรา แต่คือวันที่ร่างกายเรียกร้องให้พักจากสนามมากที่สุดต่างหาก
นักฟุตบอลเขาหยุดกันวันไหนและได้พักมากแค่ไหน
โดยทั่วไปแล้ว นักฟุตบอลจะมีตารางฝึกซ้อมเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน แต่ทุกอย่างถูกวางอย่างมีระบบ ตั้งแต่โภชนาการ เวลานอน ไปจนถึงการฟื้นฟูร่างกายหลังจบเกม ซึ่งในแต่ละทีมก็มีแนวทางจัดการ “วันพัก” แตกต่างกันออกไป
ส่วนใหญ่แล้ว วันหยุดของนักเตะมักจะอยู่ในวันถัดจากแมตช์แข่งขัน เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าหนักหน่วง แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้พักเต็มที่ เพราะบางรายต้องเดินทางมาทำโปรแกรม “รีคัฟเวอร์” ที่ศูนย์ฝึก เช่น การยืดเหยียดในน้ำเย็น การนวด หรือการฟื้นตัวด้วยเทคโนโลยีอย่าง Cryotherapy (ห้องเยือกแข็งลดอุณหภูมิร่างกาย) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเกมต่อไป
ขณะเดียวกัน ผู้เล่นสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม ก็ไม่ได้หยุดไปกับเพื่อนร่วมทีม พวกเขาจะถูกจัดให้ซ้อมเต็มรูปแบบในวันเดียวกัน เพื่อรักษาระดับความฟิตให้พร้อมสำหรับนัดถัดไปอยู่เสมอ
งานวิจัยยืนยัน — ร่างกายต้องการเวลาอย่างน้อย 48-72 ชั่วโมงเพื่อฟื้นตัว
งานศึกษาจาก FIFPRO (องค์กรตัวแทนนักฟุตบอลอาชีพทั่วโลก) และวารสาร Sports Exercise Medicine & Science ชี้ว่า หลังจากลงสนามเพียงหนึ่งเกม ร่างกายนักฟุตบอลจะมีภาวะความอ่อนล้า (fatigue) และกล้ามเนื้อต้องใช้เวลาอย่างน้อย 48–72 ชั่วโมง เพื่อกลับคืนสู่สภาพปกติ
ช่วงเวลาดังกล่าวคือเวลาที่แรงกล้ามเนื้อลดลง, การตอบสนองช้าลง, และระบบประสาทยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
หากมีแมตช์ถี่เกินไป เช่น เล่น 2 นัดในสัปดาห์เดียว (“fixture congestion”) จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บอย่างมาก
โดยเฉลี่ยแล้ว นักฟุตบอลจะมี “วันพักเต็มรูปแบบ” เพียง 13% ของฤดูกาลเท่านั้น ที่เหลือเป็นวันฝึกซ้อม การแข่งขัน หรือการเดินทาง
ตัวอย่างจริง: ถ้าแข่งวันเสาร์ตอนค่ำ
หากทีมมีโปรแกรมลงสนามในวัน เสาร์ตอนค่ำ (เช่น เวลา 19:00–21:00) ตารางของนักเตะจะเป็นแบบนี้
คืนวันเสาร์: หลังเกมจบ ทีมงานจะเริ่มกระบวนการรีคัฟเวอร์ทันที — ยืดเหยียด, แช่น้ำเย็น, นวด, เข้าห้องเยือก และรับอาหารเสริมเพื่อฟื้นตัว
วันอาทิตย์: ถูกจัดเป็น “วันพัก” หรือ “Recovery Day” — บางทีมให้หยุดเต็มวัน บางทีมให้ซ้อมเบาในสระหรือยิม
วันจันทร์: กลับเข้าสู่โปรแกรมซ้อมปกติ โดยจะเริ่มด้วยการซ้อมเบา แล้วค่อยเพิ่มความเข้มข้นเพื่อเตรียมตัวสำหรับแมตช์ถัดไป
ดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว นักฟุตบอลจะได้พักเต็ม ๆ ประมาณ 1 วันหลังเกม ก่อนกลับมาซ้อมอีกครั้งในวันที่สอง
แล้วถ้าเป็น “เกมเยือน” ล่ะ?
ความเหนื่อยไม่ได้มาจากในสนามเท่านั้น “การเดินทาง” ก็มีผลโดยตรงต่อคุณภาพการพักผ่อนเช่นกัน
นักเตะที่ต้องเดินทางไปเล่นเกมเยือน โดยเฉพาะในต่างประเทศหรือข้ามโซนเวลา จะเจอภาวะที่เรียกว่า Travel Fatigue หรือ Jet Lag ซึ่งส่งผลต่อการนอนหลับ การฟื้นกล้ามเนื้อ และระบบฮอร์โมนในร่างกาย
ทีมส่วนใหญ่จะบินกลับคืนเดียวหลังจบเกม เพื่อไม่ให้รบกวนตารางซ้อมในวันต่อมา
แต่แม้จะบินกลับเร็ว การฟื้นตัวก็มักใช้เวลานานกว่าเกมเหย้า — โดยเฉพาะเมื่อเดินทางข้ามทวีป เช่น จากอังกฤษไปยุโรปตะวันออก
ในกรณีแบบนี้ วันอาทิตย์มักเป็นวันพักเบา (Active Recovery), วันจันทร์เป็นวันรีคัฟเวอร์เต็มรูปแบบ และเพิ่งเริ่ม “ซ้อมจริงจัง” ได้ในวันอังคาร
ตารางสรุปโดยเปรียบเทียบ
| สถานการณ์ | วันพักโดยประมาณ | หมายเหตุ |
|---|---|---|
| แข่งวันเสาร์ค่ำ (เหย้า) | วันอาทิตย์พักเต็ม → วันจันทร์ซ้อม | เวลาฟื้นตัว 24–48 ชม. |
| แข่งวันเสาร์ค่ำ (เยือน + เดินทาง) | วันอาทิตย์พักเบา → วันจันทร์รีคัฟเวอร์ → วันอังคารซ้อมเต็ม | เวลาฟื้นตัวยาวขึ้นเพราะเดินทาง |
| แข่งถี่ (สองเกม/สัปดาห์) | ลดวันพักเหลือ 48–72 ชม. | เพิ่มความเสี่ยงบาดเจ็บ |
💬 วันหยุดที่ไม่เคยหยุดจริง
และสุดท้าย... แม้จะมีคำว่า “วันหยุด” อยู่ในตาราง แต่มันไม่เคยหมายถึงการหยุดพักแบบที่คนทั่วไปเข้าใจ
เพราะในโลกของฟุตบอล วันพักคือนาทีแห่งการรีเซ็ต ทั้งร่างกาย จิตใจ และสมาธิ เพื่อให้พร้อมกลับมาแข่งขันในสัปดาห์หน้าอีกครั้ง
ในเมื่อคู่แข่งไม่เคยหยุดซ้อม นักฟุตบอลก็ไม่มีสิทธิ์หยุดพัฒนาเช่นกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง