เบื้องหลังคว้าบัลลงดอร์ : เดมเบเล กับการพลิกบทบาทปีกกระดูกยุงสู่กองหน้าจอมถล่มประตู

Guy Tanapon

เบื้องหลังคว้าบัลลงดอร์ : เดมเบเล กับการพลิกบทบาทปีกกระดูกยุงสู่กองหน้าจอมถล่มประตู image

ใครจะไปเชื่อว่านักเตะที่บาดเจ็บง่ายและบ่อยสมัยลงเล่นให้กับ บาร์เซโลนา อย่าง อุสมาน เดมเบเล จะกลับมากลายมาเป็นนักเตะที่พา เปแอสเช คว้าแชมป์ UCL สมัยแรก และล่าสุดกับการคว้ารางวัลบัลลงดอร์ 2025

จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดของ เดมเบเล ก็คือการที่เขาได้เปลี่ยนบทบาทจากปีกเลี้ยงกินตัวมาเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าภายใต้แผนของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ว่าแต่วิธีการเล่นแบบนี้มันเวิร์คกับดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสอย่างไร? ตามอ่านเนื้อหาทั้งหมดได้ที่นี่

การจากไปของ เอ็มบัปเป้

แน่นอนว่าการที่ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าและปีกความเร็วสูงของทีมย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด เมื่อซีซั่นก่อน ทำให้ หลุยส์ เอ็นริเก้ ต้องแก้เกมด้วยการหากองหน้าคนใหม่เข้ามาทดแทน

เริ่มแรก เอ็นริเก้ มองว่าการมีนักเตะในแดนหน้าสัก 4 คน ช่วยกันยิงคนละ 10-12 ประตูต่อฤดูกาลนั้นดีกว่าการที่มีกองหน้าตัวเป้าที่ยิงได้คนเดียว 40 ประตูอยู่แล้ว เขาเลยใช้ทั้ง อุสมาน เดมเบเล, อี คัง-อิน, มาร์โก อเซนซิโอ้ และ เดซิเร ดูเอ้ ลองเล่นในระบบฟอลส์ไนน์ แต่สุดท้ายแล้วแผนนี้ก็ไม่เวิร์ค

ลองเสี่ยงกับ เดมเบเล

ในเมื่อเกมรุกยังไม่ดีขึ้น เอ็นริเก้ ได้มองมาที่ เดมเบเล นักเตะที่เขาชื่นชอบมาตั้งแต่สมัยที่คุม บาร์เซโลนา แล้วรู้สึกว่าจริง ๆ แล้วนักเตะคนนี้มีทักษะการจบสกอร์ที่เฉียบคมมาก แต่ไม่ค่อยได้ใช้เพราะเล่นในตำแหน่งด้านข้างซะเป็นส่วนใหญ่

ในเกมบิ๊กแมตช์ที่ต้องพบกับ โอลิมปิก ลียง เมื่อธันวาคมปีก่อน เอ็นริเก้ ก็ลองเสี่ยงจับ เดมเบเล ไปเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าดู โดยที่มี อี คัง-อิน และ เดซิเร ดูเอ้ คอยเป็นตัวป้อนบอลให้จากด้านข้าง

และแล้ว ตำแหน่งใหม่ของ เดมเบเล ก็ได้เกิดขึ้น หลัง ดูเอ้ จ่ายไปให้เขาประตูได้ตั้งแต่นาทีที่ 8 ของเกม ก่อนที่จะช่วยทีมเอาชนะไปได้ 3-1 ในแมตช์นั้น

Ousmane Dembele and Luis Enrique of PSG

เล่นง่ายกว่าปีกเยอะ

เอ็นริเก้ มองว่าด้วยความที่ เดมเบเล เป็นคนที่มีการจบสกอร์เฉียบคมอยู่แล้ว หากว่ามีนักเตะที่คอยป้อนบอล ยัดบอลไปให้เขาได้ล่อเป้าในกรอบเขตโทษ ก็จะเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ

และใน เปแอสเช ตอนนี้ก็มีนักเตะแบบนั้นอยู่เยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น เดซิเร ดูเอ้, อี คัง-อิน, วิตินญา หรือแม้กระทั่ง ฟาเบียน รุยส์ ทำให้ เดมเบเล ไม่ต้องทำอะไรเยอะ แค่ใช้ทักษะการวิ่งหาช่อง, สปีดแข่งกับกองหลัง และจบสกอร์ให้ได้ก็เท่านั้น

จากที่อ่านมา ก็คงจะเห็นภาพแล้วว่า เดมเบเล ได้เล่นฟุตบอลที่ง่ายขึ้น เหนื่อยน้อยลงกว่าแต่ก่อน เพราะเขาไม่ต้องไปฝืนเลี้ยงกินตัว และเสี่ยงกับการโดนเตะจนเกิดอาการบาดเจ็บบ่อย ๆ อีกแล้ว

กองหลังตัวแรก

นอกจากเรื่องเกมรุกแล้ว เดมเบเล ยังมีส่วนช่วยเกมรับก่อนกองหลังและกองกลางเสียอีก เพราะเจ้าตัวเคยบอกว่าได้รับคำสั่งจาก เอ็นริเก้ มาว่าเขาต้องเป็น "กองหลังด่านแรก" ของทีมอยู่เสมอ

นั่นก็คือการที่เขาต้องใช้ความเร็วในการวิ่งเพรสซิ่งกองหลังของฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอด ซึ่งการเล่นแบบนั้นมันก็เวิร์คมาก ๆ สำหรับ เดมเบเล และ เปแอสเช

Ousmane Dembele of PSG

บัลลงดอร์ ที่คู่ควร

เชื่อว่าแฟน ๆ หลาย ๆ คนน่าจะคิดเหมือนกันว่า แม้ ลามีน ยามาล หรือ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ จะเล่นได้หวือหวาและยิงประตูได้เยอะสักแค่ไหน แต่บัลลงดอร์ปีนี้ ก็ไม่มีใครเหมาะสมเท่า เดมเบเล อีกแล้ว

เพราะการกลับมาระเบิดฟอร์มเก่งอีกครั้งของเขาถือว่าเป็นอิมแพ็คมาก ๆ กับการที่ เปแอสเช ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นสมัยแรกของสโมสร

และอย่าลืมว่าในปีเดียวกันนั้น นอกจากแชมป์ UCL แล้ว เดมเบเล ยังช่วยทีมคว้าเทรเบิลแชมป์ในประเทศได้อีกด้วย และถึงแม้ว่าจะไปพลาดตอนชิงแชมป์สโมสรโลก แต่ เดมเบเล ก็ช่วยทีมแก้ตัวได้สำเร็จในศึก ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ที่พาทีมเก็บชัยเหนือ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์

สำหรับผลงานส่วนตัวของ อุสมาน เดมเบเล ในฤดูกาล 2024-2025 เขายิงไป 35 ประตูกับทำได้อีก 16 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทั้งหมด 53 นัดทุกรายการ

Ousmane Dembele of PSG lifts the Ballon d'Or trophy

บทความที่เกี่ยวข้อง

Guy Tanapon

 นักเขียน The Sporting News Thailand ผู้รักการดูฟุตบอล, ดูหนัง, ฟังเพลง และตีดอท