Copa De Oro : ทัวร์นาเมนต์ฉลอง 50 ปีฟุตบอลโลกที่ถูกลืม

Maruak Tanniyom

Copa De Oro : ทัวร์นาเมนต์ฉลอง 50 ปีฟุตบอลโลกที่ถูกลืม image

แม้ว่าอีกไม่กี่วันฟุตบอลสโมสรโลก 2025 กำลังจะรูดม่านเปิดฉาก แต่กระแสก็ดูจะเงียบเหงาพอสมควร และมันก็ยิ่งมาซ้ำเติม เมื่อบัตรเข้าชมในนัดเปิดสนามยังขายไม่หมด จนต้องลดแลกแจกแถมอยู่ในขณะนี้ 

ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ก็มีทัวร์นาเมนต์ ที่คล้ายกับแบบนี้ นั่นก็คือ Copa De Oro หรือที่เรียกกันว่า “El Mundialito” การแข่งขันที่ตั้งใจจัดขึ้น เพื่อฉลองความยิ่งใหญ่ของฟุตบอลโลก แต่แทบไม่มีใครจดจำได้เลย 

เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกัน 

ฉลอง 50 ปี เวิลด์คัพ 

ย้อนกลับไปในปี 1979 อุรุกวัย เจ้าภาพ และแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรก เกิดไอเดียที่จะฉลองโอกาสที่การแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งมวลมนุษยชาติกำลังเดินทางมาถึงปีที่ 50 ด้วยการจัดทัวร์นาเมนต์สุดพิเศษขึ้น 

มันชื่อว่า Copa De Oro หรือชื่อเล่น El Mundialito ที่แปลว่าแชมป์ฟุตบอลโลกใบเล็ก โดยจะเอาเหล่าอดีตแชมป์ฟุตบอลโลก มาดวลกัน ณ จุดเริ่มต้นของเวิลด์คัพ 

แนวคิดของพวกเขาได้รับการสนับสนุนจาก เจา ฮาเวลานจ์ ประธานฟีฟ่า แต่ก็เตือนเบาๆ ว่าอาจจะไม่ได้เห็นทีมที่ดีที่สุดได้ดวลกันอย่างเต็มที่ เนื่องจากเนื่องจากการแข่งขันจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนธันวาคม ซึ่งลีกยูโรปกำลังอยู่กลางฤดูกาล 

“มันเป็นโอกาสที่ดี และบางทีอาจจะเป็นครั้งเดียวของการแข่งขันแบบนี้” ประธานฟีฟ่าชาวบราซิลกล่าว 

“แต่ก็ไม่ง่ายที่จะเชิญชวนทีมจากยุโรปมาเตะที่นี่ด้วยทีมที่ดีที่สุดของพวกเขา” 

ด้วยเหตุนี้ทำให้เจ้าภาพได้ใช้เงินรางวัลสำหรับทีมที่เข้าร่วมเป็นสิ่งล่อใจ ที่ 150,000 เหรียญ หรือ ราว 18.9 ล้านบาทต่อทีม เมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน ส่วนแชมป์จะได้โบนัสอีก 70,000 เหรียญ (ราว 8.8 ล้านบาท เมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ) 

สุดท้ายแล้ว เหล่าแชมป์โลก ก็พาเหรดกันมาเข้าร่วมการแข่งขัน ได้แก่ อุรุกวัย, อาร์เจนตินา, อิตาลี, เยอรมันตะวันตก, บราซิล ขาดแค่เพียงอังกฤษ ที่เอฟเอ ไม่อนุญาตให้มาแข่ง เนื่องจากอยู่กลางฤดูกาล แต่ก็ได้ เนเธอร์แลนด์ ที่เข้าชิงฯ ฟุตบอลโลก 2 ครั้ง มาเป็นมวยแทน 

สำหรับรูปแบบการแข่งขัน จะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม เตะกันแบบพบกันหมด แล้วเอาแชมป์ของแต่ละกลุ่มมาเตะหาแชมป์ในนัดชิงชนะเลิศแบบนัดเดียว 

และอุรุกวัย เจ้าภาพ ก็เป็นทีมที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุด ด้วยการคว้าชัย 2 นัดรวด กับ เนเธอร์แลนด์ และ อิตาลี ด้วยสกอร์ 2-0 ในรอบแรก ก่อนจะเอาชนะบราซิล 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์ไปครอง 

ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวย กับการที่เจ้าภาพคว้าแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง แถมการแข่งขัน ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยผู้ชม 50,000-60,000 คนในเกือบทุกเกม 

อย่างไรก็ดี มันกลับไม่ได้ถูกสานต่อ แถมยังเลือนหายไปจากความทรงจำ เพราะอะไร? 

ทัวร์นาเมนต์ที่ไม่อยากจดจำ

แม้ว่า โคปา เด โอโร จะประสบความสำเร็จ แต่ทัวร์นาเมนต์นี้กลับไม่ได้ถูกพูดถึงมากนักหลังจากนั้น หรือแม้แต่ อุรุกวัย เจ้าของตำแหน่งแชมป์ ก็ไม่ได้นับถ้วยใบนี้ในทำเนียบเกียรติยศของชาติ 

“การแข่งขันค่อยๆ เลือนหายไปตามเวลา ผมไม่พูดว่ามันถูกลืมหรอกนะ แต่มันถูกลดความสำคัญ” เอดูอาร์โด ริวาส นักข่าวจาก Canal 4 กล่าวกับ Urban Putch 

“การแข่งขันถูกจัดขึ้นในช่วงเวลาที่ยากลำบากของอุรุกวัย แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ถูกจัดโดยฟีฟ่า แต่มันก็ได้รับคำชมจากฟีฟ่า” 

เนื่องจากตอนนั้น อุรุกวัย อยู่ภายใต้การปกครองของเผด็จการทหาร ที่ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 1973 ซึ่งก่อให้เกิดการจับกุมผู้เห็นต่างไปมากถึง 5,000 คน รวมถึงมีผู้ถูกสังหารจากการประท้วงกว่า 180 ราย
 
ทำให้ทัวร์นาเมนต์นี้ถูกใช้โฆษณาชวนเชื่อของผู้ปกครอง และกลบข่าวการปราบปรามผู้เห็นต่าง จึงทำให้ไม่มีใครอยากภาคภูมิใจกับเกียรติยศนี้ เนื่องจากเป็นมรดกของพวกเผด็จการทหาร

นอกจากนี้ จากการที่ต่อมา ฟีฟ่า เน้นการแข่งขันกระชับมิตร แทนทัวร์นาเมนต์เล็กๆ  ยังทำให้ความสำคัญของมันเริ่มลดน้อยถอยลง บวกกับมันไม่ได้รับความสนใจจากสื่อระดับโลกเท่าที่ควร จึงทำให้ข้อมูลของการแข่งขันมีอย่างจำกัดในตอนนั้น 

สุดท้ายแล้ว โคปา เด โอโร ก็เป็นการแข่งขันที่หลายคนมองข้าม และไม่ถูกพูดถึง แม้แต่ อุกุกวัย เจ้าภาพ จนกลายเป็นเพียงบันทึกทางประวัติศาสตร์ และเลือนหายไปจากความทรงจำในปัจจุบัน 
 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Maruak Tanniyom

ลีดส์ ยูไนเต็ด, ญี่ปุ่น, มังงะ