ความเปลี่ยนแปลงที่สเปอร์ส : ดาเนียล เลวี ยังมีอำนาจในทีมมากแค่ไหน?

Nopphasin Kulabburi

ความเปลี่ยนแปลงที่สเปอร์ส : ดาเนียล เลวี ยังมีอำนาจในทีมมากแค่ไหน? image

Getty

ค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แดเนียล เลวี ประกาศก้าวลงจากตำแหน่งประธานสโมสรท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ หลังนั่งเก้าอี้มายาวนานถึง 24 ปี
ไม่นานหลังจากนั้นมี รายงานว่า แท้จริงแล้วนี่ไม่ใช่การลาออกด้วยตัวเอง แต่คือการ “ถูกถอดถอน” จากเสียงส่วนใหญ่ของผู้ถือหุ้นตระกูลลูอิส ผู้เป็นเจ้าของสโมสรตัวจริง
ตำแหน่งประธานที่เลวีเคยครอบครอง ถูกส่งต่อไปยัง ปีเตอร์ ชาร์ริงตัน อดีตนักการธนาคารเอกชนที่ไม่เคยมีพื้นฐานในวงการกีฬา แต่เป็นคนใกล้ชิดกับครอบครัวลูอิสโดยตรง
การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างคำถามมากมายในหมู่แฟนสเปอร์สและได้รวบรวมและตอบแบบตรงไปตรงมา ดังนี้

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทีม ไก่เดือยทอง

1. การอำลาของเลวีเกี่ยวข้องกับตลาดซื้อขายนักเตะที่ผิดพลาดหรือไม่?

คำตอบคือ ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น การถอดถอนเลวีเป็นผลสะสมมาหลายปี ครอบครัวลูอิสเริ่มแสดงความไม่พอใจต่อผลงานทีมตั้งแต่ต้นปี 2024 พวกเขาจ้างบริษัทที่ปรึกษาจากสหรัฐชื่อ Gibb River มาประเมินว่าทำไมสเปอร์สถึงตกต่ำต่อเนื่อง

นั่นคือจุดเริ่มต้นของ “การยกเครื่องบอร์ดบริหาร”  การเข้ามาของซีอีโอคนใหม่ วิไน เวนเคเตแชม การอำลาของผู้บริหารอาวุโส ดอนนา-มาเรีย คัลเลน และปิดท้ายด้วยการปลดเลวีออกจากตำแหน่ง

แหล่งข่าวใกล้ชิดตระกูลลูอิสให้เหตุผลว่า “พวกเขาต้องการในสิ่งเดียวกับแฟนบอลคือชัยชนะที่มากขึ้น”

2. หรือทั้งหมดนี้คือการปูทางขายสโมสร?

ประเด็นการขายสเปอร์สถูกพูดถึงมานาน ตั้งแต่ ENIC เทคโอเวอร์ปี 2000 และมีครั้งหนึ่งที่กลุ่มทุนของ ทอดด์ โบลลีย์ เกือบซื้อสำเร็จในปี 2019

แต่ความจริงคือ ตระกูลลูอิส ไม่ต้องการขายสโมสรทั้งหมด สิ่งที่เลวีกับบอร์ดเคยพิจารณามากกว่าคือ “ขายหุ้นส่วนน้อย” เพื่อระดมทุน เช่น หากขาย 10% ในมูลค่าประมาณ 400 ล้านปอนด์ เพื่อนำเงินเสริมศักยภาพทีม

ล่าสุด แหล่งข่าวยืนยันว่า “สโมสรไม่ขาย” จุดโฟกัสตอนนี้คือ ผลลัพธ์ในสนาม ไม่ใช่การเปลี่ยนเจ้าของ

3. แล้วเลวีจะไปไหนต่อ?

แม้เลวีจะหลุดจากบอร์ด แต่เขายังถือหุ้นส่วนตัวอยู่ราว 26% ผ่านกองทุนทรัสต์ของครอบครัว ซึ่งยังมีน้ำหนักต่อการตัดสินใจใหญ่ในอนาคต

ด้วยประสบการณ์ด้านการเงินและการสร้างสเปอร์สจากทีมกลางตารางจนกลายเป็นยักษ์ใหญ่เชิงพาณิชย์ หลายสโมสรคงสนใจหากเขายอมขายหุ้นแล้วผันตัวไปทำงานใหม่ แต่ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณชัดเจน

4. กิบบ์ ริเวอร์ คือใคร? รู้เรื่องฟุตบอลจริงหรือ?

บริษัทที่ครอบครัวลูอิสจ้างมาศึกษาสเปอร์ส ไม่ได้มีประวัติด้านกีฬาเลย จุดแข็งของพวกเขาคือการปรับโครงสร้างองค์กรและการเงินในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่การบินไปจนถึงธุรกิจท่องเที่ยว

นี่สะท้อนวิธีคิดของเจ้าของสโมสรที่มองสเปอร์สในฐานะ “องค์กรธุรกิจ” ที่ต้องการฟื้นประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่ทีมฟุตบอลในสนาม

5. การกู้เงินจาก Macquarie Bank คือสัญญาณวิกฤติการเงินหรือไม่?

สเปอร์สเพิ่งทำสัญญากู้เงินระยะสั้นกับ Macquarie Bank เพื่อนำรายได้ล่วงหน้าจากพรีเมียร์ลีก (ฤดูกาล 2025-26) มาใช้ก่อน นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการฟุตบอล หลายทีมก็เคยทำ แต่สะท้อนชัดว่ากระแสเงินสดของสโมสรเริ่มตึงตัวจากหนี้สนามใหม่และภาระซื้อขายนักเตะ

6. แล้วทีมหญิงล่ะ จะได้อานิสงส์อะไรบ้าง?

คำตอบคือ ใช่ สัญญาณบวกเริ่มต้นแล้ว ซีอีโอใหม่ วิไน เวนเคเตแชม มีประวัติสร้างทีมอาร์เซน่อลหญิงจนประสบความสำเร็จ และถูกคาดหวังว่าจะยกระดับทีมสเปอร์สหญิงเช่นกัน

7. มรดกที่เลวีทิ้งไว้คืออะไร?

ความสำเร็จสูงสุดของเลวีในเชิงฟุตบอลคือการแต่งตั้ง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ในปี 2014 ซึ่งนำทีมไปถึงรองแชมป์พรีเมียร์ลีกและเข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีก 2019

แต่สิ่งที่เขาล้มเหลวคือการไม่หนุนหลังโปเช็ตติโน่ในช่วงเวลาสำคัญ ไม่ยอมขายผู้เล่นที่หมดไฟ และไม่ลงทุนเสริมทัพให้ทีมก้าวขึ้นไปอีกขั้น

สรุป

การจากไปของแดเนียล เลวี ไม่ใช่จุดจบของเขาเพียงคนเดียว แต่คือจุดเริ่มต้นของ ยุคใหม่ที่ตระกูลลูอิสเข้ามาจับบังเหียนเต็มตัว คำถามที่เหลือคือ  สเปอร์สจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้จริงหรือ? และการ “อยากชนะมากขึ้น” จะเป็นเพียงคำพูด หรือกลายเป็นความจริงในสนาม

บทความที่เกี่ยวข้อง

Nopphasin Kulabburi

นักเขียน Sporting News Thailand ที่ติดตามทั้งกีฬาฟุตบอล, บาสเก็ตบอล รวมถึงแวดวงอีสปอร์ต