เรียกว่าสู้ไม่ได้ในทุกกระบวนท่า สำหรับ โอ๊คแลนด์ ซิตี้ ตัวแทนจาก นิวซีแลนด์ หลังประเดิมสนามในคลับเวิลด์คัพ 2025 ด้วยการพ่ายให้ กับ บาเยิร์น มิวนิค จากเยอรมัน ไปถึง 10-0
อย่างไรก็ดี ความต่างนี้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องสกอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องอื่น ที่ทำให้คู่นี้อาจจะเป็นการเจอกันที่ผิดฝาผิดตัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสโมสรโลก
เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? ติดตามไปพร้อมกัน
คนละระดับในทุกด้าน
นับตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2000 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก หรือคลับ เวิลด์คัพ ก็ผ่านการแข่งขันมาแล้วหลายครั้ง ในหลายฟอร์แมต แต่ไม่มีครั้งไหนที่จะเห็นถึงความต่างชั้นขนาดนี้
เพราะนอกจากผล 10-0 ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสกอร์ที่มากที่สุดของสโมสรในการแข่งขันระดับนานาชาติแล้ว ทั้ง บาเยิร์น มิวนิค และ โอคแลนด์ ซิตี้ ยังมีความต่างแบบไม่น่าเชื่อว่ามาเจอกันได้อย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรายได้ ที่ โอคแลนด์ มีรายได้เมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 1.1 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือราว 21.5 ล้านบาท ขณะที่ บาเยิร์น รับทรัพย์ไปถึง 951.5 ล้านยูโร หรือ 35,700 ล้านบาท หรือต่างกันหลายสิบเท่า
หรือเงินเดือนนักเตะของ โอคแลนด์ ซึ่งมสถานะเป็นทีมกึ่งอาชีพ และมีเพดานอยู่ที่ 150 นิวซีแลนด์ ดอลลาร์ หรือราว 3,000 บาท ก็เทียบไม่ได้กับแข้งบาเยิร์นเลยสักคน
เอาแค่ แฮร์รี เคน ที่มีรายได้ 400,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ หรือราว 17.6 ล้านบาท ที่แค่วีคเดียวก็สามารถจ่ายเงินเดือนของ โอคแลนด์ ได้ทั้งทีม ไปอีกอย่างน้อย 4 ปี
ไม่ต้องพูดถึงมูลค่านักเตะในทีม ที่ต่างกันแบบลิบลับ เมื่อยักษ์ใหญ่แห่งเยอรมัน มีมูลค่าทีมรวมที่ประเมินโดย Transfermarkt อยู่ที่ 903.5 ล้านยูโร แต่ โอคแลนด์ มีมูลค่าแค่ 4.58 ล้านยูโรเท่านั้น
เช่นกันสำหรับเงินโบนัสที่เข้าร่วมการแข่งขัน ที่โอคแลนด์ ได้เพียง 2.6 ล้านปอนด์ ส่วนทีมจากยุโรปจะอยู่ที่ 9.9- 29.6 ล้านปอนด์
นอกจากนี้ อันดับโลกของ บาเยิร์น ก็ยังเหนือกว่าแบบไกลลิบ โดยจากการประเมินของ Opta พวกเขารั้งอยู่ในอันดับ 6 ในตาราง Power Rankings ขณะที่ โอคแลนด์ อยู่ในอันดับที่ 5,074 ที่ต่ำกว่า ยอร์ก ซิตี้ สโมสรนอกลีกของอังกฤษ กว่า 2,000 อันดับ
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ขณะที่ บาเยิร์น เต็มไปด้วยแข้งอาชีพ แต่ โอคแลนด์ ทุกคนล้วนเป็นนักเตะกึ่งอาชีพ ที่นอกจากการเตะฟุตบอลแล้ว พวกเขายังเป็นครู, นายหน้าประกัน, ช่างตัดผม, เซลล์แมน, คนขายรถ และนักศึกษา
จากรายงานระบุว่า นาธาน โลโบ แบ็ควัย 22 ปีของ โอคแลนด์ จำเป็นต้องเข้าสอบทางไกล จากโรงแรมในระหว่างทัวร์นาเมนต์ นี้
ทั้งนี้ ในเมื่อห่างชั้นเช่นนี้ พวกเขามาร่วมแข่งในรายการนี้ได้อย่างไร
แชมป์ระดับทวีป
แม้ว่า โอคแลนด์ จะมีสถานะเป็นทีมกึ่งอาชีพ แต่พวกเขาก็คือแชมป์โอเชียเนีย แชมเปียนส์ลีก 4 สมัยติดต่อกัน และเข้ามาเล่นใน คลับเวิลด์คัพ มาแล้วถึง 12 ครั้ง
พวกเขาคือมหาอำนาจของโซนนี้ และเคยก้าวขึ้นไปตว้าแชมป์ระดับทวีปถึง 13 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 2006 และเคยเอาชนะคู่แข่งถึง 15-0 ในนัดเดียว
คำถามคือสโมสรจากออสเตรเลียหายไปไหน?
ออสเตรเลีย เคยอยู่โซนนี้ก็จริง แต่ในตอนที่ โอเชียเนีย แชมเปียนส์ลีก ถือกำเนิดขึ้นในปี 2005 พวกเขากำลังย้ายไปสังกัด เอเอฟซี เพื่อโควต้าฟุตบอลโลก ที่เสร็จสิ้นในปี 2006
ทำให้สโมสรจากออสเตรเลีย ไม่ได้เข้าร่วมในรายนี้ แต่ไปเตะใน เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ของสหพันธ์ฟุตบอลเอเชียแทน และเป็นเช่นนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ เส้นทางของ โอคแลนด์ ในการมาเล่นในถ้วยระดับนานาชาติ จึงไม่ได้โหดหินนัก และพอมาเจอของจริง ในสโมสรโลก ก็ต้องม้วนเสื่อกลับบ้านตั้งแต่เนิ่นๆ เกือบทุกครั้ง
เช่นกันกับครั้งนี้ที่โดน บาเยิร์น รับน้องในเกมแรกด้วยสกอร์ที่ห่างชั้นถึง 10-0 และไม่รู้ว่าในเกมกับ เบนฟิกา และ โบคา จูเนียร์ส จะสกอร์แหลกราญอีกหรือไม่
แต่ถึงอย่างนั้น นักเตะหลายคนก็ภาคภูมิใจกับโอกาสที่ได้ต่อกรกับทีมระดับโลก เพราะนอกจากเวทีนี้ พวกเขาก็แทบไม่เหลือเวทีไหนที่ท้าทายอีกแล้ว
“สิ่งนี้ (ผลการแข่งขัน) คือความเป็นจริงของฟุตบอล กับการเจอกับหนึ่งในท็อปทีมของโลก” อิวาน วิเซลิซ กุนซือรักษาการณ์ของ โอคแลนด์ กล่าวหลังโดนยิงไป 10 ลูก
“มันเป็นความฝันสำหรับนักเตะที่มาจากระดับสมัครเล่น ที่ได้เล่นในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เรารู้ว่ามันจะเป้นเกมที่ยากมากๆ กับการเจอกับท็อปทีมของโลก ที่อาจจะเป็นเต็งหนึ่งของรายการก็ได้”
“ดังนั้นผมจึงรู้สึกภูมิใจมากๆกับความพยายามของลูกทีมในเกมนัดนี้”