ความพ่ายแพ้ต่อ คริสตัล พาเลซ คาถิ่นแอนฟิลด์ 0–3 ในศึกคาราบาว คัพ อาจดูเหมือนเป็น “รอยด่าง” บนเส้นทางการเริ่มต้นยุคใหม่ของ ลิเวอร์พูล ภายใต้ อาร์เน่อ ชล็อต แต่สำหรับกุนซือชาวดัตช์คนนี้ มันคือ “การตัดสินใจที่ถูกต้อง” ในสถานการณ์ที่เขายอมรับว่า “ไม่มีทางเลือกมากนัก”
ทุกอย่างมีเหตุผลของมันกับสิ่งที่ ชล็อตได้เลือก
หลังเกม ชล็อต เปิดใจว่าเขามีผู้เล่นเพียง 15 คน ที่พร้อมใช้งานสำหรับเกมนี้ จึงจำเป็นต้องส่งดาวรุ่งหลายรายลงสนาม ไม่ว่าจะเป็น เคียร์แรน มอร์ริสัน, เทรย์ นิโยนี, คาลวิน แรมซีย์ และ ริโอ งูโมฮา เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในรายการที่สโมสร “ใช้เพื่อผลักดันแข้งอะคาเดมีมาตลอด”
“ด้วยจำนวนผู้เล่นที่เหลืออยู่เพียงเท่านี้ และด้วยแนวทางของสโมสรที่เชื่อในโอกาสของเยาวชน ผมจึงคิดว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้อง”
อาร์เน่อ ชล็อต หลังจบเกม
แม้ผลการแข่งขันจะไม่เข้าข้าง ลิเวอร์พูล แต่ ชล็อต ยืนยันว่าเขาไม่เสียใจที่เลือกจัดทีมแบบนี้ เพราะ “แม้แต่ชุดใหญ่” ก็ไม่ได้มีผลงานเหนือกว่า พาเลซ มากนักในช่วงที่ผ่านมา
เขายังกล่าวกับ BBC Radio 5 Live ว่า
“ขนาดทีมของลิเวอร์พูลไม่ได้ใหญ่เท่าที่หลายคนคิด”
พร้อมเผยว่าการบาดเจ็บของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค, เคอร์ติส โจนส์, ไรอัน กราเวนเบิร์ช และ เจเรมี ฟริมปง ทำให้เขาต้องคิดถึงการจัดทีมสำหรับเกมพรีเมียร์ลีกกับ แอสตัน วิลล่า ในอีกเพียงสองวันถัดมา
ชล็อต ยังพูดถึง “ปัญหาจากตารางแข่งสุดโหด” ที่ส่งผลต่อสภาพร่างกายของนักเตะ โดยยกตัวอย่างเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด ที่ทีมดูอ่อนแรงหลังต้องเดินทางไปเยือน แฟรงก์เฟิร์ต เพียงสองวันก่อนหน้า
“เราเล่นสามนัดในเจ็ดวัน และผมเห็นได้ชัดว่าทีมเริ่มมีอาการล้า มันไม่ใช่ข้ออ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายเลยที่เราจะพ่ายแพ้ในเกมใดเกมหนึ่ง” อาร์เน่อ ชล็อต กล่าว
ในมุมมองของกุนซือชาวดัตช์ ลิเวอร์พูล วันนี้อยู่ในช่วง “เปลี่ยนผ่าน” ทั้งในเชิงแท็กติก และโครงสร้างทีมที่ยังไม่สมบูรณ์ เขายอมรับว่าผู้เล่นบางรายยังต้องปรับตัวกับความเข้มข้นของพรีเมียร์ลีกและแชมเปียนส์ลีก
และเมื่อถูกถามถึงความเสี่ยงในการเลือกตัวผู้เล่น ชล็อต ทิ้งท้ายด้วยความจริงใจว่า
“ครั้งสุดท้ายที่ผมเสี่ยงส่งนักเตะที่คิดว่าพร้อมคือ อเล็กซานเดอร์ อิซัค... แล้วเขาก็เจ็บ”
ในค่ำคืนที่ผลลัพธ์ไม่เข้าข้าง ลิเวอร์พูล ชล็อต ยังคงยืนหยัดในแนวทางของตัวเองเพราะสำหรับเขา “ความพ่ายแพ้” ครั้งนี้ ไม่ได้หมายถึงความล้มเหลว
แต่มันคืออีกหนึ่งบทเรียนของทีมที่กำลังเรียนรู้จะยืนด้วยลมหายใจใหม่ ในนามของ The Reds ยุคอาร์เน่อ ชล็อต
บทความที่เกี่ยวข้อง