ไม่ใช่รายการปาหี่ : เปิด 4 เหตุผลที่ควรดูฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025

James Taweepong

ไม่ใช่รายการปาหี่ : เปิด 4 เหตุผลที่ควรดูฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 image

Getty Images

แฟนบอลหลายคนอาจจะยังตั้งแง่กับฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก หรือ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ อยู่ไม่น้อย ว่าเป็นรายการปาหี่บ้าง หรือรายการจับฉ่ายบ้าง ที่ผ่านมาก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะการแข่งขันรายการนี้มักจัดขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงระหว่างฤดูกาลที่ลีกยอดนิยมกำลังแข่งขัน ทำให้หลายครั้งมักจะเกิดปัญหาเรื่องตารางแข่งขันที่ไม่ลงตัว รวมไปถึงนักเตะที่จะต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในปี 2025 จะลบคำสบประสาทที่กล่าวไว้ด้านบนหรือไม่ และ 4 เหตุผลที่กำลังจะพูดถึงนั้นจะมากพอทำให้การแข่งขันรายการนี้น่าสนใจขึ้นมาบ้างหรือเปล่า? ติดตามไปกับทาง AllSportsPeople Thailand ได้ที่นี่

เปิด 4 เหตุผลที่ควรดูฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025

1. เงินรางวัล

เรียกได้ว่าเงินรางวัลคืออันดับแรกที่ทำให้รายการนี้น่าสนใจขึ้นมามาก ๆ โดยแชมป์ในปีนี้จะได้เงินสูงถึง 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.3 พันล้านบาท) รองแชมป์จะได้ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 972 ล้านบาท) ทีมที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศจะได้ 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 680 ล้านบาท)

รอบ 8 ทีมจะได้ 13.125 ล้านบาท (ประมาณ 425 ล้านบาท) รอบ 16 ทีมจะได้ 7.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 243 ล้านบาท) ส่วนในรอบแบ่งกลุ่มจะได้ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 64 ล้านบาท) สำหรับทีมที่ชนะ และจะได้ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 32 ล้านบาท) สำหรับทีมที่เสมอ

ซึ่งแค่เข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศก็จะได้เงินเทียบเท่ากับการไปแข่งในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งรายการดังกล่าวนั้นได้เงินรางวัลสำหรับรอบแบ่งกลุ่มอยู่ที่ 18.6 ล้านยูโร (ประมาณ 688 ล้านบาท)

2. ถ้วยรางวัล

นอกจากเงินรางวัลแล้ว การแข่งขันในปีนี้ก็ได้มีการเปลี่ยนถ้วยรางวัลให้ดูสวยงามและเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งทาง ฟีฟ่า เองได้เป็นคนออกแบบและร่วมมือกันสร้างกับ Tiffany & Co. บริษัท จิวเวลรี่ ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา

3. รูปแบบการแข่งขัน

การแข่งขันในปี 2025 เป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนมาจัดแข่งขันในทุก ๆ 4 ปี แทนการจัดขึ้นทุก ๆ 1 ปี ซึ่งเหมือนกับการแข่งขันฟุตบอลโลกแบบไม่มีผิดเพี้ยน แถมในรอบแบ่งกลุ่มก็ยังมี 32 ทีมเท่ากัน โดยแบ่งเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม จากนั้นจะเป็นการแข่งขันในรอบน็อคเอาท์ โดยเริ่มที่รอบ 16 ทีม, รอบ 8 ทีม, รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ

4. ความจริงจังของแต่ละทีม

3 เหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นทำให้แต่ละทีมที่ได้โควต้าเข้ามาแข่งขันรายการนี้ไม่ได้มาแข่งกันเล่น ๆ แบบขอไปทีแค่เพื่อสุขภาพอีกต่อไป ยกตัวอย่างเช่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าตัวนักเตะเข้ามาเสริมทัพถึง 4 รายเพื่อมาแข่งขันรายการนี้โดยเฉพาะ รวมไปถึง เรอัล มาดริด ที่ได้ทั้ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ ดีน เฮาเซน เข้ามาร่วมทีมก่อนการแข่งขันรายการนี้จะเริ่มขึ้น

Kylian Mbappe of Real Madrid and Erling Haaland of Man City with Club World Cup trophy split

บทความที่เกี่ยวข้อง

News Correspondent