ปรีซีซั่น… ช่วงเวลาที่ใคร ๆ บอกว่าอย่าเพิ่งตื่นเต้นเกินไปแต่กับเชลซีในซัมเมอร์นี้ มันยากที่จะไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังก่อตัว
8 ชัยชนะจาก 9 นัด รวมถึงแชมป์สโมสรโลก และเกมอุ่นเครื่องที่เล่นเอาแฟนบอลสแตมฟอร์ด บริดจ์ยิ้มแก้มปริ ทีมของเอ็นโซ่ มาเรสก้า เริ่มคุ้นชินกับฟุตบอลเชิงโครงสร้าง แต่กลับเล่นด้วยความลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
นี่อาจเป็นสัญญาณว่า “สิงห์บลูส์” พร้อมเปิดฤดูกาลแบบจัดเต็ม
ตลอดสองเกมอุ่นเครื่องในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 2-0 และถล่ม เอซี มิลาน 4-1 เชลซีใช้โครงสร้างการขึ้นเกมที่คุ้นตา
มาร์ค คูคูเรญ่า ดันขึ้นไปยืนกองกลาง ขณะที่กองหลังอีกคนพยายามเล่นบอลแบบเจาะไลน์ โมอิเซส ไคเซโด้ มักเป็นคนที่รับบอลจากแนวหลังเป็นคนแรก ส่วน โคล พาล์มเมอร์ ได้อิสระในการถ่างขึ้นหน้า ดร็อปลงมาเก็บบอลในพื้นที่ว่าง หมุนตัวครึ่งจังหวะ แล้วพาบอลไปยังพื้นที่อันตรายที่แนวรุก 3 คนรออยู่
สิ่งที่สดใหม่ คือ ความหลากหลายในการทะลุแนวเพรสของคู่แข่ง เชลซีใช้การครองบอลแบบอดทน ล่อให้กองหลังออกจากตำแหน่ง ก่อนจะเจาะด้วยความแม่นยำตรงกลางสนาม
ในเกมพบเลเวอร์คูเซ่น โจช อาเชมพง ส่งทะลุตรงถึงพาล์มเมอร์ ที่หลอกจังหวะสัมผัสบอล ปล่อยให้บอลไหลข้ามตัว ก่อนแทงออกไปด้านข้างให้เอสเตวาโอทางริมเส้น
สิบ นาทีต่อมา พาล์มเมอร์ถ่างออกด้านข้าง เปิดทางให้คูคูเรญ่าเติมขึ้นทำทางด้านใน และในอีกจังหวะ ทรีโวห์ ชาโลบาห์ กล้าเชื่อใจส่งบอลแรง ๆ ให้ไคเซโด้ท่ามกลางแรงกดดัน ก่อนต่อบอลจังหวะเดียวเป็นทอด ๆ ไปถึงไทรีก จอร์จ ที่หยอดบอลเข้ากรอบให้คูคูเรญ่า
โครงสร้างคล้ายรูปข้าวหลามตัดด้านหน้ากองหลังสามคน (ที่เกมกับมิลานเปลี่ยนเอา อันเดรย์ ซานโตส ออก แล้วใส่ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ลงแทน) ดูเต็มไปด้วยพลังและไอเดีย การเคลื่อนที่บุกของคูคูเรญ่าเข้ากับความสามารถเล่นในพื้นที่แคบของพาล์มเมอร์ ขณะที่ไคเซโด้กับเฟร์นานเดซเพิ่มทั้งการต้านเพรสและความแข็งแกร่งในการป้องกันหากเสียบอล
แม้รูปแบบการยืนไม่ใหม่ แต่การขึ้นเกมของเชลซีดูไหลลื่นและเป็นธรรมชาติมากขึ้น พาบอลไปข้างหน้าได้เร็วและแม่นยำ เปิดพื้นที่ให้แนวรุก 3 คนได้โจมตีมากขึ้น
เมื่อเทียบกับกองกลาง แนวรุก 3 คนของเชลซีไม่ต้องทำเกมมากในจังหวะบิลด์อัพ ปีกยืนกว้างเพื่อดึงแนวรับออก ส่วนกองหน้าตัวกลางยืนปักค้ำคอยเปิดทางให้เพื่อนวิ่งสอดทะลุไลน์กองหลัง
แม้ชื่อจะเปลี่ยน แต่ตำแหน่งในระบบคงเดิม ทำให้เชลซีหาตัวเอสเตวาโอและเจมี กิทเทนส์ได้ง่าย และเปิดโอกาสให้โชว์การเลี้ยงดวลริมเส้นซ้ำ ๆ
อีกหนึ่งตัวอย่าง คือจังหวะบิลด์อัพจากฝั่งตัวเองในเกมกับเลเวอร์คูเซ่น คูคูเรญ่าลากโรเบิร์ต อันดริช ออกมาจากตำแหน่ง เปิดช่องให้พาล์มเมอร์รับบอลเจาะไลน์จากอาเชมพง ก่อนจะจ่ายทันทีให้เอสเตวาโอเลี้ยงเข้าทำและได้ลุ้นประตู
ในเกมกับมิลาน เป็นทีของกิทเทนส์ที่สร้างความประทับใจ หลังจากเพียง 4 นาที โตซิน อดาราบิโอโย ส่งบอลเข้าไคเซโด้ ก่อนออกไปด้านขวาลากตัวประกบแล้วเปลี่ยนแกนอย่างรวดเร็วถึงปีกฝั่งซ้ายที่เลี้ยงดวลกับยูนุส มูซาห์จนได้ฟาวล์ จากนั้นรีซ เจมส์เปิดฟรีคิกให้เจ้าถิ่นนำ
ฝั่งตรงข้าม เปโดร เนโต้ ไม่ลังเลที่จะเลี้ยงตัดหรือไปสุดเส้น เปิดให้เชา เปโดร โหม่งทำประตูจากการลากบอลและตัดเข้าใน
เชา เปโดร และเลียม ดีแลป ยิงคนละสองประตูในสองเกม แต่บทบาทในบิลด์อัพค่อนข้างจำกัด โดยเชา เปโดรเน้นปักค้ำ ดึงตัวประกบ และคอยสอดรับบอลมากกว่า แม้กระนั้น เขามีความหลากหลาย สามารถเล่นหันหลังหรือวิ่งสอดก็ได้ เป็นคนที่เรียกฟาวล์จนคู่แข่งโดนใบแดง จากจังหวะพลิกตัวไปรับบอลยาวของโรเบิร์ต ซานเชซ
เชา เปโดร ยิงได้ 5 จาก 7 ครั้งในเสื้อเชลซี แม้จะเป็นฟอร์มที่ยากจะรักษา แต่ความคมในเขตโทษทำให้เขามีโอกาสออกสตาร์ทเกมเปิดบ้านพบคริสตัล พาเลซ สุดสัปดาห์หน้า โดยที่อนาคตของนิโกลัส แจ็คสันยังไม่ชัดเจน
ในมุมของเชลซีอยากเก็บแจ็คสันไว้ เพราะเขามีจุดเด่นในเกมโต้กลับ ดึงบอลพาบอลเดี่ยวได้ไกล และมีสถิติการพาบอลในจังหวะสวนกลับมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน
อย่างไรก็ดี ดีแลปก็เป็นอีกทางเลือกที่เล่นเกมโต้กลับได้เช่นกัน เขาลงมาสร้างแรงกดดันทันที ไล่บี้ฟิคาโย โทโมริ และยิงจุดโทษอย่างมั่นใจ ก่อนจะยิงปิดเกมจากการต่อบอลเจาะไลน์อย่างสวยงาม
แม้จะยังเป็นแค่ช่วงต้น และเจอคู่แข่งที่เพรสไม่ดุดันพออย่างเลเวอร์คูเซ่นและมิลาน แต่ก็เป็นสัญญาณที่น่าพอใจ และไม่ใช่แค่แข้งใหม่ที่ยกระดับทีม
ฟุตบอลเชิงตำแหน่งต้องใช้เวลาในการปลูกฝัง และในแง่นี้ เชลซีเหมือนจะมีช่วงซัมเมอร์ที่ได้ผลดีทีเดียว
บทความที่เกี่ยวข้อง