ในวันที่ชื่อของ จู๊ด เบลลิงแฮม กำลังถูกจารึกไว้บนเส้นทางของสุดยอดนักเตะแห่งยุค และน้องชายของเขาอย่าง โจ๊บ เบลลิงแฮม กำลังก้าวตามมาอย่างมั่นคงในสีเสื้อของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์...
เบื้องหลังความสำเร็จของสองพี่น้องคู่นี้ ไม่ได้เริ่มต้นจาก "อคาเดมี่หรู" หรือ "สัญญาเงินล้าน" เหมือนเด็กเทพในยุโรปหลายคน แต่เริ่มจากสิ่งที่เรียบง่ายกว่านั้น — คือ บ้าน, วินัย และการศึกษา
อยู่บ้านเถอะลูก
มาร์ค เบลลิงแฮม อดีตตำรวจแห่งเวสต์มิดแลนด์ และอดีตนักเตะลีกล่าง คือคนที่เลือกวางรากฐานชีวิตให้ลูกชายทั้งสอง
แม้จู๊ดจะได้รับข้อเสนอจากหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปตั้งแต่อายุ 12–13 ปี แต่เขากลับ ปฏิเสธ ทุกทีม และเลือกให้ลูกชายเติบโตอยู่กับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ สโมสรบ้านเกิดที่อยู่ห่างจากบ้านไม่กี่ไมล์
“พวกเขาอยากให้ลูกมีชีวิตวัยเด็กแบบปกติ อยู่บ้าน เรียนใกล้บ้าน ซ้อมใกล้บ้าน”
คือสิ่งที่ เควิน เบ็ตซี่ย์ อดีตโค้ชทีมชาติอังกฤษ U15-17 ผู้เคยร่วมงานกับจู๊ดกล่าวไว้
การศึกษาไม่ใช่เรื่องรอง
จุดยืนของครอบครัวเบลลิงแฮมชัดเจน ถ้าเกรดตก หรือมีปัญหาในโรงเรียน ลูกจะ ไม่ได้เตะบอล
พวกเขาให้ความสำคัญกับการเรียนพอ ๆ กับการพัฒนาในสนามฟุตบอล และสิ่งนั้นก็ได้ผล เพราะ จู๊ด เบลลิงแฮม ทำผลงานยอดเยี่ยมในการสอบ GCSE (เทียบเท่าม.ปลาย) และกลายเป็นแบบอย่างให้กับเพื่อนรุ่นเดียวกัน
“เขาไม่ใช่แค่เด็กเก่งในสนาม แต่เป็นเด็กที่ดี มีน้ำใจ และเป็นคนที่ใคร ๆ ก็อยากอยู่ด้วย”
คือคำบอกเล่าจาก วาเนสซา เพย์น ครูเก่าของจู๊ดที่โรงเรียนประถมแฮกลีย์ ในเมือง Stourbridge
ความสำเร็จที่เริ่มจากสิ่งธรรมดา
การที่พ่อแม่เลือกให้ลูก ใช้ชีวิตเหมือนเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ไม่เร่งรีบ ไม่ย้ายเมือง ไม่ขายความฝันเร็วเกินไป อาจดูเป็นแนวทางที่สวนทางกับโลกฟุตบอลยุคใหม่
แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้...อาจเรียกได้ว่า เป็นอัจฉริยะที่เริ่มจาก "กฎธรรมดา" ในบ้านหนึ่งหลัง
ความฝันที่ยังต้องรอ
แม้แฟนบอลหลายคนจะตั้งตารอการเผชิญหน้าครั้งแรกของสองพี่น้อง จู๊ด vs โจ๊บ ในรายการ Club World Cup รอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่าง เรอัล มาดริด กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
แต่ฝันนั้นต้องรอออกไปก่อน เพราะโจ๊บถูกแบนหลังสะสมใบเหลืองครบในเกมพบ มอนเตร์เรย์
อย่างไรก็ตาม นิโก้ โควัช กุนซือดอร์ทมุนด์ มองว่ามันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
“พวกเขาทั้งสองยังเด็ก ผมมั่นใจว่าเราจะได้เห็นพวกเขาดวลกันแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว…บนเวทีที่ใหญ่กว่าเดิม”
บทความที่เกี่ยวข้อง