ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในสีสันในโอลิมปิก 2024 ที่ผ่านมา ต้องมีชื่อของ ธนาคาร ไชยยาสมบัติ หรือ เฟรม นักปั่นทีมชาติไทย ที่รีวิวสิ่งต่างๆที่น่าสนใจลงในโซเชียลมีเดีย จนได้รับฉายา “อินฟลูฯ ที่ปั่นจักรยานได้นิดหน่อย”
อย่างไรก็ดี ภายใต้ความขี้เล่นเหล่านั้น เบื้องหลังที่ทำให้ เฟรม มาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเขาต้องต่อสู้กับอะไรมากมาย รวมไปถึงเสียงวิจารณ์
ติดตามเรื่องราวของ นักปั่นคนนี้ไปพร้อมกัน
เฟรม = โครงจักรยาน
ชีวิตของ ธนาคาร ไชยยาสมบัติ ดูเหมือนจะลิขิตมาให้เป็นนักปั่นจักรยาน เมื่อพ่อของเขาบ้าจักรยานเอามาก และออกทริปเป็นประจำ จนทำให้เขารู้สึกสงสัยว่ามันสนุกขนาดนั้นเชียวหรือ
“ตั้งแต่จำความได้ก็คือเห็นคุณพ่อออกไปปั่นจักรยานทุกวัน บางวันก็ไปตั้งแต่เช้ากลับมาแบบมืด ๆ เราก็สงสัยว่าทำไมถึงออกไปทุกวัน มันสนุกแค่ไหน ในระหว่างทางมันเป็นยังไง” ธนาคารกล่าวกับ Health Addict Sport
“จนวันนึงก็โตขึ้น ได้เริ่มออกไปปั่นกับคุณพ่อ ก็เลยรู้ว่ามันสนุกแบบนี้ ก็เลยเริ่มรักจักรยานมาแล้วก็เล่นจักรยานมาตลอดครับตั้งแต่นั้นมา”
จักรยานคันแรกที่ ธนาคาร ได้รับ เกิดขึ้นตอนเขาอายุ 5 ขวบ มันคือจักยานเสือภูเขา ที่ทำให้หลังจากนั้น การปั่นขึ้นดอยผาหมี (อ.แม่สาย จ.เชียงราย) ภูเขาที่มองเห็นจากหลังบ้าน กลายเป็นกิจกรรมประจำของสองพ่อลูก
จากความสนุก เฟรม ก็เริ่มจริงจังกับมันมากขึ้น และได้ตระเวนไปแข่งตามจังหวัดต่างๆ จนกระทั่งตอนอายุ 11 ขวบ เขาก็คว้าแชมป์ได้เป็นครั้งแรก ในงาน “วิ่ง ปั่น 2001 ปีสืบสานสู่ลานพระธาตุดอยตุง” ที่ต้องปั่นจากตีนเขาขึ้นพระธาตุดอยตุง แถมยังลงแข่งแบบแบกอายุ

“แชมป์แรกของเฟรม มาตอนอายุ 11 ขวบครับ เป็นงานปั่นจักรยานของสมเด็จย่า” ธนาคารกล่าวกับ Stadium
“แต่ผมลงแข่งรุ่น 15 ปี ความท้าทายต้องไปเจอรุ่นพี่ที่ตัวใหญ่กว่า เก่งกว่า ตอนนั้นไม่ได้คาดหวังกับผลการแข่งขัน แต่สุดท้ายเราได้แชมป์ แถมเป็นแชมป์แรก ดีใจมากๆ ได้สัมผัสความรู้สึกของการเป็นผู้ชนะจริงๆ”
อย่างไรก็ดี ตอนอายุ 15 ปี จุดเปลี่ยนในชีวิตของ ธนาคาร ก็มาถึง เมื่อ เฟรม ตัดสินใจเปลี่ยนจากเสือภูเขามาเป็นเสือหมอบ หลังพ่อไปปรึกษากับ โค้ชเปี๊ยก-ไพโรจน์ อินต๊ะปัญญา เพื่อนสนิท และได้รับคำแนะนำว่าเสือหมอบน่าจะดีกว่าเขาในอนาคต
“โค้ชเปี๊ยก เข้ามาสอนผมให้ปั่นเสือหมอบ แกบอกว่าที่เชียงรายมีทีมจังหวัด มีกลุ่มรุ่นพี่ที่ใส่เสื้อชมพู ที่ข้างหลังเขียนว่า “เชียงราย” ยิ่งเป็นความท้าทายให้ผมอยากประสบความสำเร็จ” เฟรมกล่าว
แม้ว่าช่วงแรก ธนาคาร จะไม่ชินเท่าไร แต่หลังจากได้รับการติวจากโค้ชเปี๊ยก ก็ทำให้เขาพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง จนก้าวไปคว้าอันดับ 3 ในกีฬาเยาวชนแห่งชาติที่จันทรบุรี
ก่อนที่มันจะเป็นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามีธงไตรรงค์อยู่บนหน้าอก
อินฟลูฯนักปั่น
“ผมได้อันดับ 3 กีฬาเยาวชนแห่งชาติ นับว่าช็อคมากแล้ว แต่ที่ช็อคมากยิ่งกว่า มีทีมงานสต๊าฟโค้ชทีมชาติไทย มาดูการแข่งขัน และได้สอบถามว่า เด็กเชียงรายคนนี้คือใคร? กลายเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ติดทีมชาติไทย” เฟรมย้อนความหลังกับ Stadium
จากนักปั่นที่ไม่มีใครรู้จัก ธนาคาร ก็เริ่มปักหมุดในวงการจักรยานไทย ด้วยการคว้าแชมป์ประเทศไทยในระดับเยาวชน และตอนอายุ 17 เขาก็ติดทีมชาติเป็นครั้งแรก และได้ประเดิมในรายการชิงแชมป์โลก ประเภทลู่ ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
“นี่คือรายการชิงแชมป์โลกครั้งแรก ทำตัวไม่ถูกเลย ผมลืมเบอร์ไว้ที่ห้องพัก ต้องรีบกลับไปเอา ดีที่ยังทันเวลา เป็นสิ่งที่จดจำมาถึงวันนี้ว่า การเตรียมตัวก่อนแข่งสำคัญมาก ต้องรอบคอบ เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ทั้งหมวก แว่นตา เสื้อ เบอร์ เข็มกลัดติดเบอร์ ถุงเท้า รองเท้า” ธนาคารกล่าว
แม้ว่าครั้งนั้น เขาจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าที่ทำให้พยายามฝึกฝนตัวเองให้ดีขึ้น และทำผลงานได้ดีในระดับประเทศและเอเชีย
ในปี 2019 เฟรม ก็คว้าแชมป์ในนามทีมชาติไทยได้สำเร็จ ในการแข่งขันประเภทถนนแบบทีม ก่อนที่เขาจะคว้าเหรียญเงินในประเภทไทม์ไทรอัล
หลังจากนั้น ธนาคาร ก็กลายเป็นกำลังสำคัญให้ทีมชาติไทยในหลายรายการ ก่อนที่ในปี 2024 เขาจะได้รับเลือกจากสมาคมฯ ให้เป็นตัวแทนของไทยไปลงแข่งในโอลิมปิกที่ ปารีส หลังนักปั่นชาวไทยช่วยกันเก็บคะแนนจนได้โควต้ามา 1 ที่

การมาแข่งที่ ปารีส ทำให้ ธนาคาร กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากคอนเทนท์รีวิวสิ่งต่างๆที่น่าสนใจลงในโซเชียลมีเดีย จนทำให้เขาได้รับฉายาว่า “อินฟลูฯ ที่ปั่นจักรยานได้นิดหน่อย”
อย่างไรก็ดี มันมาพร้อมกับเสียงวิจารณ์ ที่หลายครั้งทำให้เขาต้องสะอึก แต่เขาก็พยายามเปลี่ยนมันเป็นพลังบวก และพิสูจน์ให้เห็นในการแข่งขัน
“ตอนไปแข่งโอลิมปิก 2024 เป็นการเปิดประตูต้อนรับผู้คนให้เริ่มรู้จักผมมากขึ้น ทีนี้ก็ต่างคนต่างความคิดจะมีคอมเมนต์ที่แบบว่า เขาส่งไปแข่งแต่ไปทำคอนเทนต์แล้วจะแข่งได้เหรอ หรือว่าแรงๆ หน่อยก็ เขาให้ใช้เงินภาษีไปทำคอนเทนต์เหรอ มันอะไรแบบนี้อยู่พอสมควร” เฟรมกล่าวกับ The Standard
“ซึ่งหากใครติดตามผมมาตลอดก็จะรู้ว่า ผมทำแบบนี้มา 2-3 ปีแล้ว แต่คนที่ไม่รู้เขาก็จะมองว่าผมละเลยการซ้อม ไม่เต็มที่ แต่เขาไม่รู้ว่าปกติแล้วผมเป็นคนแบบไหน”
“เมื่อก่อนที่คนไม่ค่อยรู้จัก ผมไม่เคยเจอคอมเมนต์แบบนี้เลย พอเจอเข้าก็นอยด์ไปหลายวัน ตอนนั้นผมคิดเสมอว่าสิ่งที่เราทำไปมันไม่ดีเหรอ ทำไมถึงต้องโดนด่า สิ่งที่ผมนำเสนอก็ไม่ใช่เรื่องแย่ ไม่เคยดิสเครดิตใคร ไม่เคยสร้างความเดือดร้อน แล้วทำไมต้องมาเจอแบบนี้”
“เคยอัดคลิปตอบโต้คนเหล่านั้น แต่เมื่อได้คุยกับตัวเองผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรา จึงกลับมารีเซ็ตความคิดใหม่ ก็เลยลบคลิปนั้นออกไปเพราะเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกต้องและสมควรที่จะทำต่อไป พร้อมกับยิ้มรับไว้ไม่ตอบโต้อะไรกลับไป”
เวทีแจ้งเกิด
ในการแข่งขันประเภทถนนในโอลิมปิก 2024 ธนาคาร ไม่ใช่ตัวเต็ง ไม่มีทีมข่าวคอยรายงานผ่านวิทยุ ทำให้เขาตัดสินใจใช้กลยุทธ์ Brakeaway หรือการหนีจากกลุ่มใหญ่ไปอยู่กับกลุ่มผู้นำตั้งแต่ต้น
มันทำให้เขาอยู่ในกล้องถ่ายทอดสด หรือแม้แต่ผู้บรรยายภาษาอังกฤษ ก็เรียกชื่อเขาหลายครั้ง แต่ที่สำคัญที่สุด มันคือกลยุทธ์ที่ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในระดับโลก
“มันเป็นแผนที่คิดไว้ตั้งแต่เริ่มซ้อม 3 – 4 เดือนที่แล้ว ทุกอย่าง 50: 50 ถ้าเราไม่เล่นแผนนี้ อยู่ในกลุ่ม Peloton โอกาสก็ 50: 50 เหมือนกัน” ธนาคารกล่าวกับ The Cloud
“แต่สิ่งที่ได้มากกว่าคือสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ เราได้สร้างอะไรหลายอย่างขึ้นมา ได้ Represent ประเทศไทย ทำให้โลกเห็นว่าในการแข่งขันกีฬาจักรยานถนนของโอลิมปิก มีประเทศไทยมาแข่งด้วยนะ”
แม้ว่าสุดท้าย ธนาคาร จะแผ่วลงจนต้องออกจากการแข่งขัน เนื่องจากตามกฎนักปั่นที่ปั่นไม่ทันกลุ่มผู้นำจะถูกตัดจบ แต่สิ่งที่เขาทำก็สร้างคุณูปการให้แก่วงการจักรยานไทยไม่น้อย
เพราะการปรากฎตัวของเขาในกล้องถ่ายทอดสด ทำให้โลกได้เห็นว่า ไทยก็มีทีมจักรยานที่มาลงแข่งในโอลิมปิกได้ รวมถึงอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กรุ่นต่อไปที่บังเอิญเห็นให้โทรทัศน์หรือโซเชียลมีเดีย

“มันเข้ากับสิ่งที่เฟรมอยากทำ เป็นสไตล์การแข่งขันของเรามาตลอด คือเฟรมไม่อยากอยู่เฉย อยากจะพุ่งไปหาโอกาสตลอด ไม่ว่าโอกาสนั้นคนจะคิดว่า โอ๊ย ไม่ได้หรอก แต่เฟรมคิดว่า ถ้าเราไม่ลอง ใครจะไปรู้ สมมติว่า Peloton ปล่อยกลุ่มเราไกลกว่านี้ เฟรมอาจจะขึ้นไปถึงอันดับ Top 20 หรือ Top 10 ก็ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้หมด” ธนาคารกล่าว
และในซีเกมส์ 2025 นี้ เขาก็เป็นหนึ่งในความหวังในการคว้าเหรียญทองของไทย ซึ่งเขาก็มั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา และการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงก็น่าจะำให้เขาไปถึงจุดนั้นได้
ส่วนแฟนกีฬาชาวไทย จะมองว่าเขาเป็น อินฟลูฯ หรือนักกีฬาทีมชาติ เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลัง ที่ทำให้เขาอยากจะยังคงปั่นจักรยานต่อไป
“ผมต้องการให้คนนึกถึงชื่อ เฟรม ธนาคาร ไชยยาสมบัติ เป็นอันดับแรก ส่วนคำต่อท้ายจะเป็นอะไรก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจดจำผมในฐานะอะไร แต่ไม่ว่าจะเป็นอินฟลูฯ หรือนักปั่นจักรยานชายไทยที่ไปโอลิมปิกผมก็ยินดี” เฟรมกล่าวกับ The Standard Sport
“ผมดีใจที่ครั้งหนึ่งเคยเจอแฟนคลับที่ติดตามผมบอกว่า เขาหันมาปั่นจักรยานก็เพราะเห็นคลิปของผม เป็นเหมือนแรงบันดาลใจทำให้เขาหันมาออกกำลังกาย ซึ่งผมดีใจมากๆ ที่ได้เกิดมาแล้วสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกคน สิ่งนี้มันคือที่สุดของผมแล้ว”
บทความที่เกี่ยวข้อง
ริชาร์ลิซอน แซว ซน ฮึง-มินหลังกลับมาเยี่ยมสเปอร์ส "พี่ได้สัมผัสแชมป์แรกก็เพราะผมนะ"
ไอแวน โทนีย์ โดนตำรวจรวบใส่กุญแจมือ ข้อหาเฮดบัตต์ใส่แฟนบอลในบาร์ลอนดอน