Lift Every Voice and Sing: จากบทกลอนฉลองวันเกิดอับราฮัม ลิงคอล์นสู่เพลงชาติคนผิวดำใน NFL

Peter Socotch

Lift Every Voice and Sing: จากบทกลอนฉลองวันเกิดอับราฮัม ลิงคอล์นสู่เพลงชาติคนผิวดำใน NFL image

หลังจากที่บรรดาผู้เล่น NFL ปฏิเสธที่จะเคารพเพลงชาติ NFL จึงตัดสินจะเล่นเพลง “Lift Every Voice and Sing” ก่อนเกมการแข่งขัน ซึ่งเพลงนี้ได้รับการจดจำในฐานะเพลงชาติของคนผิวดำที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์คนผิวดำในสหรัฐอเมริกา

ผลตอบรับจากการเล่นเพลงนี้มีความเห็นแตกต่างกันไป บ้างก็ว่าการเล่นทั้งเพลงชาติและเพลงนี้เป็นการสนับสนุนการปราบปรามการประท้วง บ้างก็ว่าลีกสนับสนุนขบวนการ Black Lives Matter ที่แต่ก่อนในองค์กรอเมริกันส่วนใหญ่แต่ปัจจุบันกลายเป็นที่ยอมรับในสังคม

การเล่นเพลงชาติคนผิวดำนั้นต้องศึกษาโดยละเอียดถึงที่มาและวัตถุประสงค์ของเพลง เพราะจะมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ทุกวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์ และจะเป็นที่ถกเถียงในเรื่องของกีฬากับความยุติธรรมในสังคม

ก่อนปี 2020 NFL ไม่เห็นด้วยกับการคุกเข่าประท้วงเพลงชาติกรณีเหยียดผิว นับตั้งแต่โคลิน แคเปอร์นิกและเอริก รีดที่ฟ้องลีกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสโมสรต้นสังกัดในการยกเลิกสัญญาทั้งสองคน

ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมเบรออนนา เทย์เลอร์ และจาค็อบ เบลค ซึ่งเป็นคนผิวดำเหมือนกับจอร์จ ฟลอยด์ ทำให้เกิดความไม่พอใจจนนำไปสู่การประท้วงทั่วประเทศ จน NFL ต้องพิจารณาประเด็นเรื่องสีผิวอีกครั้ง การเล่นเพลงชาติคนผิวดำจนเป็นสัญญาณเล็กๆถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ แต่มีคนมองว่าควรแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังมากกว่าการเปิดเพล

เพลงนี้มีที่มา
Lift Every Voice and Sing เกิดขึ้นในปี 1899 โดยเจมส์ วาลดอน จอห์นสัน มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นบทกวีเฉลิมฉลองวันเกิดอับราฮัม ลินคอล์น ต่อมาได้กลายเป็นเพลงแห่งการต่อสู้เพื่อความหวังของคนผิวดำในสหรัฐอเมริกา

เพลงนี้บรรเลงครั้งแรกในปี 1900 และได้รับการร้องในอีกหลายเวอร์ชั่นเช่นเรย์ ชาร์ลส์ และบียอนเซ่

เนื้อเพลง

Lift every voice and sing
Till earth and heaven ring,
Ring with the harmonies of Liberty;
Let our rejoicing rise
High as the listening skies,
Let it resound loud as the rolling sea.
Sing a song full of the faith that the dark past has taught us,
Sing a song full of the hope that the present has brought us,
Facing the rising sun of our new day begun
Let us march on till victory is won.

Stony the road we trod,
Bitter the chastening rod,
Felt in the days when hope unborn had died;
Yet with a steady beat,
Have not our weary feet
Come to the place for which our fathers sighed?
We have come over a way that with tears has been watered,
We have come, treading our path through the blood of the slaughtered,
Out from the gloomy past,
Till now we stand at last
Where the white gleam of our bright star is cast.

God of our weary years,
God of our silent tears,
Thou who has brought us thus far on the way;
Thou who has by Thy might Led us into the light,
Keep us forever in the path, we pray.
Lest our feet stray from the places, our God, where we met Thee,
Lest, our hearts drunk with the wine of the world, we forget Thee;
Shadowed beneath Thy hand,
May we forever stand.
True to our God,
True to our native land. 

วัตถุประสงค์ในการเล่นเพลงก่อนเกมส์

เพลงนี้ได้รับคาดหวังว่าจะเล่นก่อนเพลงชาติสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์แรก เพื่อแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้เพื่อความเสมอภาคของคนผิวดำในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ NFL พยายามตัดอนาคตผู้เล่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประท้วง

แหล่งข่าวไม่ประสงค์เผยนามท่านหนึ่งได้ให้ความเห็นว่าการเปิดเพลงนี้ คือ “กุญแจสำคัญที่จะทำให้แฟนๆได้เรียนรู้และกลายเป็นกำลังสำคัญในการหยุดเหยียดผิว”

NFL ได้อธิบายเหตุผลและที่มาของการใช้เพลงนี้บนเว็บไซต์ของตนตั้งแต่ปี 2020 ไว้ดังนี้ 

“ภาพยนตร์เวอร์ชั่นพิเศษของเพลง Lift Every Voice and Sing จะเกิดขึ้นระหว่างรายงานข่าวก่อนเกมทางช่อง NBC และจะมีการฉายตลอดสุดสัปดาห์ การฉายในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับที่มาของเพลงและการทำงานร่วมกันในชุมชนของผู้เล่น NFL

Lift Every Voice and Sing เป็นบทกลอนที่เขียนโดยเจมส์ เวลดอน จอห์นสันในปี 1899 และแสดงโชว์ครั้งแรกที่แจ๊คสันวิลล์, ฟลอริดาในปีถัดมา โดยเป็นการคอรัสของเด็กๆ 500 คนเพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดอับราฮัม ลินคอล์น เพลงนี้ได้รับการเรียบเรียงเป็นเพลงโดยจอห์น โรซามอนด์ จอห์นสัน น้องชายของเจมส์ และได้รับการยกย่องเป็นเพลงแห่งคนผิวดำโดยสมาคมขับเคลื่อนคนผิวสีแห่งชาติ (NAACP) ”

จะเล่นทุกฤดูกาลหรือไม่?
ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนจะเปิดเพลงชาติคนผิวดำตลอดไปหรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีรายงานว่าทางลีกมีแผนจะเปิดเพลงนี้ตลอดทั้งสัปดาห์แรกของฤดูกาล

 

Peter Socotch