ในแต่ละปี พรีเมียร์ลีก มักจะมีผู้เล่นโนเนม ที่เข้ามาสร้างปรากฏการณ์อยู่เสมอ และหนึ่งในนั้นคือ มิชู กองหน้าของ สวอนซี ซิตี้ ที่ยิงถล่มทลายตั้งแต่ซีซั่นแรกในแดนผู้ดี
ทว่าหลังจากนั้น เรากลับไม่เห็นฟอร์มแบบนั้นของเขาอีกเลย เกิดอะไรขึ้นกับกองหน้าชาวกระทิงรายนี้ ติดตามไปพร้อมกัน
ของดีจากลาลีกา
ย้อนกลับไปในปี 2012 สวอนซี ซิตี้ ยังโลดแล่นในพรีเมียร์ลีก พวกเขาได้คว้าตัวนักเตะ ที่แทบไม่เคยมีใครได้ยินชื่อมาก่อนอย่าง มิเกล เปเรซ คูเอสตา หรือ มิชู มาด้วยราคาเพียงแค่ 2 ล้านปอนด์
อันที่จริง มันเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ เพราะแม้ว่าพวกเขา จะจบในอันดับ 11 ในซีซั่นแรกที่เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุด แต่พวกเขาก็ต้องเสีย เบรนแดน รอดเจอร์ส ไปให้ลิเวอร์พูล
และผู้มาใหม่อย่าง ไมเคิล เลาดรุป ก็เป็นคนดึงตัว มิชู มาช่วยทีม หลังเคยได้เห็นผลงานของกองหน้าชาวสเปนด้วยตาตัวเอง สมัยที่คุม เรอัล มาร์ยอร์กา
ทั้งนี้ แม้ว่าฤดูกาลก่อนหน้า มิชู จะยิงไปถึง 15 ประตูในลาลีกาให้กับ เรอัล บาเยกาโน แต่ตอนนั้น มิชู ถือเป็นผู้เล่นโนเนมมาก แถมยังไม่เคยติดทีมชาติสเปนในระดับเยาวชนมาก่อน แม้แต่ชุดเดียว ทำให้เขาแทบจะถูกมองข้ามในตอนแรก
“ผมจำได้ ในการประชุมหนแรก หลังเขาเซ็นสัญญา ไมเคิล เลาดรุป บอกว่า ‘มิชู มาแล้ว ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนในสนาม แค่ส่งบอลให้เขา” นาธาน ดายเออร์ อดีตแข้งสวอนซี ย้อนความหลัง
“เราคิดว่า ‘โอ้ เราได้ เมสซี่ มาอยู่ในมือเราแล้วเหรอเนี่ย?’”
ทว่า แค่เพียงนัดแรกในพรีเมียร์ลีก มิชู ก็ทำให้เกาะอังกฤษต้องตะลึง หลังซัดเบิ้ล 2 ประตูช่วยให้ สวอนซี บุกไปถล่ม ควีนพาร์ค เรนเจอร์ส ขาดลอย 0-5
แต่นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อหลังจากนั้น ดาวยิงชาวสเปน ก็เดินหน้าระเบิดตาข่ายคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง และซัดไปถึง 6 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์ใน 10 นัดแรกในลีกสูงสุดแดนผู้ดี
“คุณจะเห็นคุณภาพของเขาในสนามซ้อม แต่ผมไม่เคยฝันมาก่อนว่าเขาจะสร้างความสั่นสะเทือนแบบที่ทำในสนามซ้อมได้ทันที” ลีออน บริตตัน อดีตเพื่อนร่วมทีม มิชู อธิบาย
“มันมีอะไรบางอย่างจากเกมกับ คิวพีอาร์ ที่ทำให้คุณคิดว่า ‘ว้าว เรามีนักเตะแบบนี้อยู่ในมือ’”
จุดเด่นของ มิชู คือการหาพื้นที่ เขามักจะอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ บวกกับการยิงจังหวะแรกที่รุนแรง ทำให้ประตูที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ มักจะเป็นการสอดเข้าไปใส่สกอร์ ทั้งบนพื้นและกลางอากาศ
“เขายอดเยี่ยมในเรื่องนั้น เขาคือกองหน้าที่ยอดเยี่ยมในการเข้าไปในกรอบเขตโทษ และทุ่มตัวเองไปกับสิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นลูกกลางอากาศหรือเล่นเองบนพื้น” อลัน เคอร์ติส อดีตผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ เลาดรูป อธิบาย
“แต่เขาก็เป็นตัวจบสกอร์ที่เยือกเย็น และเกมกับ คิวพีอาร์ ในวันนั้นก็ได้สร้างมาตรฐานให้เขากับฤดูกาลที่เหลืออยู่หลังจากนั้น”
สถิติฤดูกาลแรกของ มิชู เหลือเชื่อมาก ในครึ่งฤดูกาลแรก เขาซัดไปถึง 13 ประตู ก่อนจบฤดูกาลด้วยการยิงไปถึง 18 ประตูในพรีเมียร์ลีก พา สวอนซี จบอันดับ 9 ในพรีเมียร์ลีก

แต่นั่นไม่ใช่ความสำเร็จเดียวของ มิชู เมื่อฤดูนั้น เขายังสามารถพา สวอนซี คว้าแชมป์ แคปิตอลวัน คัพ (คาราบาวคัพในปัจจุบัน) ได้อย่างเซอร์ไพร์ส แถมยังมีส่วนร่วมกับ 2 ประตู (ยิง 1 จ่าย 1) ในนัดชิงชนะเลิศกับ แบรดฟอร์ด ที่ทำให้ทีม คว้าสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ อีกด้วย
ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมเหล่านี้ ทำให้ มิชู ถูกคาดหมายว่าน่าจะก้าวขึ้นมาเป็นยอดดาวยิงแห่งยุค ทว่าน่าเสียดายที่สุดท้ายมันไม่เคยเกิดขึ้น
ไปไม่สุด
“มันเป็นการทำธุรกิจระดับเฟิร์สคลาส ราคาแค่ 2 ล้านปอนด์ ผมไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนเลย” อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด กล่าว
แน่นอนว่าด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ มิชู ทำให้ซีซั่นต่อมา เขากลายเป็นแข้งเนื้อหอม ที่ได้รับการจับตามองไปทั่วยุโรป
แต่ มิชู ก็ไม่ได้สนใจ เขายังเดินหน้ายิงประตูให้ สวอนซี ได้ทันทีที่ฤดูกาลใหม่เปิดฉาก เริ่มจากการยิง 2 จ่าย 3 ในยูโรปาลีก รอบคัดเลือก พร้อมพาหงส์ขาวทะลุรอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ
และดูเหมือนว่า มิชู จะถูกโฉลกกับฟุตบอลยุโรป เพราะแม้จะเข้ามาเล่นในรายการนี้เป็นครั้งแรก แต่กลับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการยิง 2 จ่าย 1 ใน 3 เกมแรก รวมถึงเกมถล่ม บาเลนเซีย ไปอย่างขาดลอย 3-0
ด้วยฟอร์มขนาดนี้ทำให้ บิเซนเต เดล บอสเก กุนซือทีมชาติสเปนในตอนนั้น อดรนทนไม่ไหว ต้องเรียก มิชู มาติดทีมชาติอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2013 ก่อนที่กองหน้าจากสวอนซี จะได้โอกาสประเดิมสนามให้ขุนพลแดนกระทิง ในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก กับ เบลารุส

อย่างไรก็ดี เบื้องหลังความสำเร็จนี้ กลับแลกมาด้วยอนาคตของตัวเอง เพราะอันที่จริงในตอนนั้นเขามีอาการบาดเจ็บติดตัวอยู่ แต่ไม่อยากปฎิเสธโอกาสที่เข้ามา
ทำให้หลังเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้ทีมชาติ มิชู กลับพกพร้อมกับอาการบาดเจ็บ มันเริ่มจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ต่อด้วยที่ข้อเท้า จนต้องพักยาวไปหลายเดือน
แม้ว่าในช่วงท้ายฤดูกาล 2013/14 มิชู จะกลับมาได้ แต่เขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขาทั้งเชื่องช้า ดูสับสน และขาดความเฉียบคมไม่เหมือนเมื่อก่อน
ทำให้ฤดูกาลต่อมา สวอนซี ตัดสินใจปล่อยให้ นาโปลี ยืมตัวไปใช้งาน แต่ปัญหาบาดเจ็บก็กลับมาเล่นงานเขาอีกครั้ง จนทำให้ลงเล่นในลีกอิตาลีไปเพียงแค่ 6 เกมเท่านั้น

สุดท้ายเมื่อกลับมา สวอนซี เขาก็ถูกยกเลิกสัญญาในปี 2015 แต่ก็ไม่สามารถหาทีมได้ จนต้องย้ายไปเล่นในลีกสมัครเล่นกับ ออสเตรีย ก่อนจะกลับมาแขวนสตั๊ดกับ เรอัล โอเบียโด สโมสรในวัยเด็กในปี 2017 ด้วยวัยเพียง 31 ปี
มิชู ยอมรับว่าการฝืนเล่นทั้งที่บาดเจ็บ มีส่วนทำให้ชีวิตนักเตะของตัวเองต้องจบลงก่อนวัยอันควร ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกว่าข้อเท้าขวาของเขาไม่ต่างจากคนอายุ 80 ปี และยังคงเดินลำบากจนถึงปัจจุบัน
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังได้รับการยกย่องในฐานะซูเปอร์สตาร์ ที่ถือกำเนิดขึ้นแบบไม่มีใครคาดคิด จากแข้งโนเนม ที่ทำให้พรีเมียร์ลีกต้องสั่นสะเทือน จนเป็นความทรงจำของใครหลายคน
รวมถึงตัวเขาเอง เพราะมันคือช่วงเวลาที่เขาไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต
“มันเหมือนกับ…ความฝัน” มิชูกล่าว
บทความที่เกี่ยวข้อง
ยังไม่ทันถึงท่อนฮุก! แฟนลิเวอร์พูลช็อคทั้งร้าน ร้องเพลง YNWA อยู่ดี ๆ โดนแมนยูยิงเร็ว
เล่นงานตรงนั้น! เดอ ลิกต์ เผยชื่อ 2 แข้งที่เป็นจุดอ่อนของลิเวอร์พูล
ปาสกาล กรอสส์ ให้สัมภาษณ์หลังแพ้บาเยิร์น พูด ๆ อยู่เสียงหายกลายเป็นมิกกี้ เมาส์