เอซี มิลาน 93/94 : ภารกิจสุดเหลือเชื่อ คว้าแชมป์ลีกด้วยการยิงแค่ 36 ประตู

Maruak Tanniyom

เอซี มิลาน 93/94 : ภารกิจสุดเหลือเชื่อ คว้าแชมป์ลีกด้วยการยิงแค่ 36 ประตู   image

การยิงประตู ถือเป็นส่วนสำคัญในกีฬาฟุตบอล เพราะยิ่งยิงคู่แข่งได้เท่าไร โอกาสชนะก็จะเพิ่มมากขึ้น และทำให้ทีมยักษ์ใหญ่ต้องทุ่มเงินมหาศาลคว้าดาวยิงมาผลิตสกอร์ให้ทีมให้มากที่สุด 

ทว่า อาจจะไม่ใช่ เอซี มิลาน ในฤดูกาล 1993/94 ที่ตลอดซีซั่นซัดไปเพียง 36 ลูก มากกว่าทีมตกชั้นอย่าง อตาลันตา แค่ลูกเดียว แต่กลับสามารถคว้าแชมป์ เซเรียอา รวมไปถึง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 

พวกเขาทำได้อย่างไร? ติดตามไปพร้อมกัน 

สกอร์ยอดนิยม 

1993/94 ถือเป็นฤดูกาลแห่งการเปลี่ยนผ่านของ เอซี มิลาน เพราะแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแชมป์เก่า แต่การต้องเสีย “3 ทหารเสือดัตช์” ทั้ง รุด กุลลิท และ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด ที่อำลาทีม และ มาร์โก ฟาน บาสเทน ที่เจ็บหนัก ทำให้ ฟาบิโอ คาเปลโล มีการบ้านให้แก้พอสมควร 

แต่ถึงอย่างนั้น คาเปลโล ก็ยังงัดฝีไม้ลายมือ พามิลาน ที่ขาดอาวุธหนัก ยืนระยะครองตำแหน่งจ่าฝูงได้ตั้งแต่นัดแรกจนถึงนัดสุดท้าย (มีหล่นไปเป็นอันดับ 3 อยู่หนึ่งสัปดาห์) ก่อนจะคว้า สคูเด็ตโต้ มาครองได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน 

การคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ ไม่ได้ถูกพูดถึงในแง่ความยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่สิ่งที่เหลือเชื่อคือ มิลาน เป็นแชมป์ ด้วยการยิงคู่แข่งแค่เพียง 36 ประตูจาก 34 นัด 

สถิติดังกล่าวดีกว่าเหล่าทีมที่ร่วงตกชั้นอย่าง ปิอาเซนซา, อูดิเนเซ และ อตาลันตา แค่ลูกเดียว และทำให้พวกเขามีอัตราการยิงประตูต่อนัดที่ 1.05 ประตูเท่านั้น 

แน่นอนว่าสกอร์ยอดนิยมของปีศาจแดงดำในฤดูกาล 1993/94 คือ 1-0 ที่ทำได้ 11 นัดจาก 19 เกม และทำให้ดาวซัลโวสูงสุดของพวกเขายิงได้แค่ 11 ประตูในซีซั่นดังกล่าว 

กุญแจสำคัญของความสำเร็จนี้ คือปรัชญาการทำทีมของ คาเปลโล ที่ไม่ต้องเล่นให้สวยงาม แต่ต้องเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการมาให้ได้ เนื่องจากเขาเข้าใจว่าด้วยตัวผู้เล่นที่เขามี โดยเฉพาะหลังการสิ้นสุดยุค 3 ทหารเสือดัตช์ การที่ทีมจะคว้าแชมป์ได้ คือต้องเป็นทีมที่ชนะได้ยาก 

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทุกประตูที่ได้มาของ มิลาน ล้วนล้ำค่า เพราะมันคือสิ่งที่จะเปลี่ยนผลแพ้ชนะให้ทีมได้ และพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ต้องยิงประตูถล่มทลาย พวกเขาก็เป็นแชมป์ได้ 

กำแพงแห่ง ซาน ซิโร

ด้วยชัยชนะเหนือคู่แข่งจากสกอร์ 1-0 เป็นหลัก ทำให้สิ่งสำคัญในความสำเร็จของ มิลาน จึงหนีไม่พ้นแนวรับที่เหนียวแน่น ที่อาจจะแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอิตาลี 

เริ่มจากผู้รักษาประตู เซบาสเตียโน รอสซี กลายเป็นนายด่านที่ไม่เสียประตูติดต่อกันยาวนานที่สุดคนหนึ่งของ เซเรีย อา หลังรักษาคลีนชีท 929 นาที 

ส่วนกองหลัง 4 คน เป็นการผสมผสานระหว่าง ประสบการณ์, ความชาญฉลาด และพละกำลัง ที่นำโดยกัปตันระดับตำนานอย่าง ฟรังโก บาเรซี ที่ยืนเป็น ลิเบโร ตัวสุดท้าย คอยอ่านเกม เคียงคู่กับ อเลสซานโดร คอสตาคูร์ตา 

ขณะที่แบ็คทั้ง 2 คือ เมาโร ทัสซอตติ และ เปาโล มัลดินี ที่ต่างโดดเด่นทั้งวินัยในเกมรับ และการบุกขึ้นไปเติมเกม พร้อมด้วย คริสเตียน ปานุชชี เป็นแบ็คอัพอยู่ข้างสนาม 

นอกจากนี้ คาเปลโล ยังดึง มาร์กแซล เดอร์ไซญี มาจาก โอลิมปิก มาร์กเซย เพื่อมายืนเป็นกองกลางตัวรับ คอยทำลายเกมก่อนถึงแบ็คโฟร์ ที่ช่วยเสริมให้เกมรับของพวกเขาเจาะยากขึ้นไปอีก 

ทั้งนี้ พวกเขาไม่ได้มีแค่พลังในเกมรับ อย่างการเข้าสกัดหรือดวลลูกกลางอากาศเท่านั้น แต่ยังมีการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยม สามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของคู่แข่ง จนสามารถเล่นงานจากกับดักล้ำหน้า หรือเข้าไปปิดในพื้นที่อันตรายได้ทันเวลา 

สิ่งเหล่านี้กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวจนทำให้ มิลาน เสียไปเพียงแค่ 15 ประตูจาก 34 นัด ในลีกที่เต็มไปด้วยกองหน้าระดับพระกาฬ 

ปลอดภัยไว้ก่อน 

คาเปลโล ขึ้นชื่อในฐานกุนซือจอมวางแผน เขาประเมินแล้วว่า ขุมกำลังในทีมคงจะไม่สามารถยิงประตูคู่แข่งได้อย่างถล่มทลาย “ป้องกันไว้ก่อน” จึงเป็นแทคติกเหล่าที่เขาเอามาใช้กับ มิลาน ในฤดูกาล 1993/94

เขาพัฒนามาจาก คาเตนัคโช แบบดั้งเดิม ที่เน้นการประกบตัว และใช้ ลิเบโร มาเป็น 4-4-2 ที่ใช้การประกบตัวแบบโซน และชิงไหวชิงพริบ จากทุกพื้นที่ในสนาม 

ในแผน 4-4-2 ของเขา แนวกองหลัง และแนวกองกลาง ทั้ง 4 คน ต้องเคลื่อนที่ไปพร้อมกัน และรักษาระยะห่างในแนวดิ่งในแคบมากที่สุด เพื่อไม่ให้คู่แข่งหาพื้นที่ได้ 

นอกจากนี้ หากเสียการครองบอล ทีมจะไม่ถอยลงไปเล่นเกมรับทันที แต่จะเข้าบีบพื้นที่เพื่อแย่งบอลคืน ซึ่งจะได้ผลก็ต้องผ่านการฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า มาเป็นระยะเวลานาน

ขณะที่ปีกอย่าง โดนาโดนี และ ซาวิเซวิช ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะนอกจากการทำเกมรุกแล้ว พวกเขาต้องทำหน้าที่เข้าประกบฟูลแบ็คของคู่แข่งยามทีมตั้งรับอีกด้วย 

ส่วนอาวุธสำคัญของ เอซี มิลาน 1993/94 ก็คือโต้กลับเร็ว หลังจากแย่งบอลมาได้ ซาวิเซวิช หรือ เดเมตริโอ อัลแบร์ตินี จะผ่านบอลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ให้ มาสซาโร หรือ ไบรอัน เลาดรูป ทำประตู 

อย่างไรก็ดี ด้วยความที่แผนนี้ เรียกร้องวินัยจากผู้เล่นในขั้นสูงสุด จึงทำให้มักเกิดความขัดแข้งกับพวกศิลปินลูกหนังอยู่บ่อยครั้ง เช่นกันกับที่ มิลาน และเป็นเหตุผลว่าทำไม เดยัน ซาวิเซวิช หรือ ฌอง ปิแอร์ ปาแปง จึงหลุดออกจากทีมอยู่บ่อยครั้ง 

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็นำมาซึ่งความสำเร็จให้แก่ทีม ที่ไม่ใช่แค่แชมป์ เซเรีย อา แต่ยังรวมไปถึงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก พร้อมกับสอนให้โลกรู้ว่า “เกมรุกช่วยให้ทีมชนะ แต่เกมรับทำให้คว้าแชมป์” 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Maruak Tanniyom

ลีดส์ ยูไนเต็ด, ญี่ปุ่น, มังงะ