แม้แกเร็ธ เซาธ์เกตจะมีผลงานเป็นที่น่าจดจำกับทีมชาติอังกฤษ แต่การตกชั้นจากยูฟ่า เนชันส์ ลีก A แบบไม่ชนะใคร ทำให้หลายคนสงสัยว่าเขาดีพอจะคุมในระยะยาวได้อีกหรือไม่

เนชันส์ ลีก อาจจะไม่ใช่รายการสำคัญ แต่การโชว์ฟอร์มอย่างย่ำแย่ก่อนที่ฟุตบอลโลกจะมาถึง ทำให้หลายคนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเซาธ์เกต แม้จะเคยพาทีมเข้ารอบรองฟุตบอลโลก 2018 และเข้าชิงยูโร 2020 ก็ตาม

ผลงานดีแต่ไม่น่าประทับใจ

หลังจากที่เข้ารับงานแบบกระทันหัน แทนที่แซม อัลลาร์ไดซ์ที่ลาออกไปจากกรณีรับสินบนตั้งแต่เดือนกันยายน 2016 หลายคนเริ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวดสงสัยว่า ทำไมต้องเป็นเซาธ์เกต? ทั้งที่ไม่เคยคุมทีมประสบความสำเร็จในระดับสโมสรกับมิดเดิ้ลสโบรห์มาก่อน มิหนำซ้ำยังพาทีมตกชั้นในฤดูกาล 2008-09 เสียอีก

แต่การกับคุมทีมชาติอังกฤษชุด U-21 เซาธ์เกต์ทำผลงานได้อย่างเยี่ยมตลอดระยะเวลาการทำงาน 4 ปี (2013-16) โดยชนะได้ 27 จาก 37 นัด ก่อนได้รับโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

ถึงแม้จะประสบการณ์น้อย แต่เซาธ์เกตสามารถสยบเสียงวิจารณ์ด้วยพาทีมชาติอังกฤษเข้ารอบรองชนะเลิศทัวร์นาเมนท์สำคัญในรอบ 22 ปีในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ต่อด้วยเข้าชิงชนะเลิศครั้งแรกในรอบ 45 ปีกับฟุตบอลยูโร 2020

แม้จะแพ้ทีมชาติอิตาลีในการดวลจุดโทษ แต่สื่อและแฟนบอลหลายคนต่างให้ความหวังว่า เซาธ์เกตคือคนที่ใช่และจะพาทีมชาติอังกฤษคว้าแชมป์สักรายการในอนาคต

มีข่าวลือรายงานเซาธ์เกตวัย 52 ปี ต่อสัญญาคุมทีมชาติต่อไปจนถึงปี 2024 ต่ดูเหมือนว่าเส้นทางต่อไปนี้จะเริ่มไม่ราบรื่นหลังตกชั้นจากยูฟ่า เนชันส์ ลีก ด้วยสถิติไม่ชนะใคร 6 นัดติดต่อกัน เทียบเท่าปี 1993 ทำให้แฟนบอลเริ่มไม่ไว้วางใจอยากให้เซาธ์เกตคุมทีมอีกต่อไป

ถึงแม้ว่าจะตกชั้นจากเนชันส์ ลีก แต่เอฟเอยังคงให้เซาธ์เกตคุมทีมต่อไปอย่างน้อยจนจบฟุตบอลโลก 2022 ปลายปีนี้ก่อน แล้วค่อยตัดสินอนาคตในภายหลัง

ทำเนียบสถิติผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ 10 คนหลังสุด
(นับเฉพาะผู้จัดการทีมที่คุมมากกว่า 10 นัดขึ้นไป)